PART 17
Al-Anbiyâ’
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[21:1]
เวลาแห่งการคิดบัญชีของมนุษย์ได้ใกล้เขามาแล้ว
โดยที่พวกเขาอยู่ในสภาพหลงลืม
เป็นผู้ผินหลังให้
[21:2]
ไม่มีข้อตักเตือนใหม่
ๆ
จากพระเจ้าของเขามายังพวกเขา
เว้นแต่ว่าพวกเขารับฟังมันและพวกเขาล้อเล่นไปด้วย
[21:3]
จิตใจของพวกเขาเผลอเรอ
และบรรดาผู้อธรรมต่างกระซิบกระซาบระหว่างกันว่า
เขา (มุฮัมมัด)
นี้มิใช่ใครอื่น
นอกจากเป็นสามัญชนเยี่ยงพวกท่าน
พวกท่านจะยอมรับมายากล
ทั้ง ๆ
ที่พวกท่านรู้เห็นอยู่ว่ามันเป็นมายากลกระนั้นหรือ
?
[21:4]
เขา
(มุฮัมมัด)
กล่าวว่า
พระเจ้าของฉันทรงรอบรู้ทุกคำพูด
ทั้งในชั้นฟ้าและแผ่นดิน
และพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน
เป็นผู้ทรงรอบรู้
[21:5]
แต่ทว่าพวกเขากล่าวว่า
มันเป็นความฝันที่สับสน
หากแต่ว่าเขาได้เสกสรรปั้นแต่งมันขึ้นหากแต่ว่าเขาเป็นกวี
ถ้าเช่นนั้น
ให้เขานำหลักฐานหนึ่งมาแสดงแก่เรา
เช่นเดียวกับบุคคลในยุคก่อน
ๆได้ถูกส่งมา
[21:6]
ไม่มีชาวเมืองใดก่อนหน้าพวกเขา
(มุชริกีนมักกะฮ์)
ซึ่งเราได้ทำลายมัน
(ชาวเมืองนั้น)
ได้ศรัทธาแล้วพวกเขา
(มุชริกีนมักกะฮ์)
จะศรัทธากระนั้นหรือ?
[21:7]
และพวกเขาปรารถนาที่จะวางแผนร้ายแก่เขา
แต่เราได้ทำให้พวกเขาประสบกับความสูญเสียมากยิ่งกว่า
[21:8]
และเรามิได้ทำให้พวกเขา
(บรรดานบี)
มีร่างกายที่ไม่ต้องการอาหาร
(เช่นมลาอิกะฮ์)
และพวกเขามิได้เป็นผู้มีชีวิตยั่งยืน
[21:9]
และเรามิได้ทำให้สัญญาเป็นที่ประจักษ์จริงแก่พวกเขา
และเราได้ให้พวกเขารอดพ้น
และผู้ที่ประสงค์
และเราได้ทำลายผู้ปฏิเสธ
ละเมิดฝ่าฝืน
[21:10]
เราขอสาบานว่า
แท้จริงเราได้ให้คัมภีร์อัลกุรอานมายังพวกเจ้า
ในนั้นมีข้อเตือนสติแก่พวกเจ้า
พวกเจ้าไม่ใช้สติปัญญาคิดบ้างดอกหรือ
[21:11]
และกี่มากน้อยแล้วที่เราได้ทำลายหมู่บ้านที่อธรรม
(ปฏิเสธการศรัทธา)
และเราได้ให้หมู่ชนอื่นเกิดขึ้นมาแทนที่หลังจากนั้น
[21:12]
เมื่อพวกเขารู้สึกว่า
การลงโทษของเราเกิดขึ้นแล้ว
พวกเขาจึงวิ่งหนีออกไป
[21:13]
(มลาอิกะฮ์พูดกับพวกนั้นว่า)
พวกท่านอย่าวิ่งหนีซิ
และจงกลับไปยังสิ่งที่พวกท่านได้รับความสำราญ
และยังที่พักของพวกท่าน
เพื่อว่าพวกท่านจะได้ถูกสอบถามสิ่งที่เกิดขึ้นแก่ท่าน
[21:14]
พวกเขากล่าวว่า
โอ้
ความหายนะที่เกิดขึ้นแก่เรา
แท้จริงเรานั้นเป็นผู้อธรรม
[21:15]
ไม่ทันที่คำพูดของพวกเขาจะสิ้นสุดลง
เราก็ได้ทำลายพวกเขา
เสมือนพืชที่ถูกเก็บเกี่ยวมอดไหม้ไป
[21:16]
และเรามิได้สร้างชั้นฟ้าและแผ่นดิน
และสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสอง
เพื่อการสนุกสนานอย่างไร้ประโยชน์
[21:17]
หากเราปรารถนาที่จะเอาเป็นเครื่องเล่นสนุกสนาน
เราก็จะเอามันจากที่มีอยู่ที่เรา
หากเราปรารถนาจะกระทำเช่นนั้น
[21:18]
แต่ว่าเราได้ให้ความจริงทำลายความเท็จแล้วเราก็ให้มันเสียหายไป
แล้วมันก็จะมลายสิ้นไป
และความหายนะจะประสบแก่พวกเจ้า
ในสิ่งที่พวกเจ้า
กล่าวเสกสรรปั้นแต่งต่ออัลลอฮ์
[21:19]
และเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์
ผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน
และผู้ที่อยู่
ณ ที่พระองค์
(มลาอิกะฮ์)
พวกเขาจะไม่ลำพองตนในการเคารพภักดีพระองค์
และพวกเขาจะไม่เหนื่อยหน่าย
[21:20]
พวกเขาจะแซ่ซร้องสดุดีพระองค์ในเวลากลางคืน
และกลางวัน
โดยไม่ขาดระยะ
[21:21]
แต่ทว่าพวกเขา
(มุชริกีน)
ได้ยึดถือบรรดาพระเจ้าจากพื้นดิน
โดยคิดว่าสิ่งเหล่านั้นสามารถจะให้คนตาย
ฟื้นคืนชีพมาได้กระนั้นหรือ
[21:22]
หากในชั้นฟ้าและแผ่นดินมีพระเจ้าหลายองค์
นอกจากอัลลอฮ์แล้ว
ก็จะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างแน่นอน
อัลลอฮ์พระเจ้าแห่งบัลลังก์ทรงบริสุทธิ์จากสิ่งที่พวกเขาเสกสรรปั้นแต่งขึ้น
[21:23]
พระองค์จะไม่ทรงถูกสอบถามในสิ่งที่พระองค์ทรงปฏิบัติ
และพวกเขาต่างหากที่จะถูกสอบถาม
[21:24]
พวกเขาได้ยึดถือบรรดาพระเจ้า
นอกจากพระองค์กระนั้นหรือ? จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
ขอให้พวกท่านนำหลักฐานของพวกท่านมา
นี่คือคัมภีร์ที่อยู่กับฉัน
(อัลกุรอาน)
และคัมภีร์ที่มีอยู่ก่อนหน้าฉัน
(เตารอตและอินญีล)
แต่ว่าส่วนใหญ่ของพวกเขาไม่รู้ความจริง
พวกเขาจึงผินหลังเมินห่าง
[21:25]
และเรามิได้ส่งร่อซู้ลคนใดก่อนหน้าเจ้านอกจากเราได้วะฮีย์แก่เขาว่า
แท้จริงไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากข้า
ดังนั้นพวกเจ้าจงเคารพภักดีต่อข้า
[21:26]
และพวกเขา
(มุชริกูน)
กล่าวว่า
พระผู้ทรงกรุณาปรานีทรงยึดมลาอิกะฮ์เป็นพระบุตร
มหาบริสุทธิ์แห่งพระองค์
แต่ว่าพวกเขา
(มลาอิกะฮ์)
เป็นบ่าวผู้มีเกียรติ
[21:27]
พวกเขาจะไม่ชิงกล่าวคำพูดก่อนพระองค์
และพวกเขาปฏิบัติตามพระบัญชาของพระองค์
[21:28]
พระองค์ทรงรอบรู้
สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขา
และสิ่งที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา
และพวกเขาจะไม่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ใด
นอกจากผู้ที่พระองค์ทรงพอพระทัย
และเนื่องจากความกลัวพวกเขาจึงเนื้อตัวสั่น
[21:29]
และผู้ใดในหมู่พวกเขาที่กล่าวว่า
แท้จริงฉันคือพระเจ้าอื่นจากพระองค์
เขาผู้นั้นเราจะตอบแทนลงโทษด้วยนรก
เช่นนั้นแหละเราตอบแทนบรรดาผู้อธรรม
[21:30]
และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้นไม่เห็นดอกหรือว่า
แท้จริงชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นแต่ก่อนนี้รวมติดเป็นอันเดียวกัน
แล้วเราได้แยกมันทั้งสองออกจากกัน
และเราได้ทำให้ทุกสิ่งมีชีวิตมาจากน้ำ
ดังนั้นพวกเขาจะยังไม่ศรัทธาอีกหรือ
[21:31]
และเราได้ทำให้เทือกเขามั่นคงในแผ่นดินเพื่อมันจะมิได้หวั่นไหวไปกับพวกเขา
และเราได้ทำให้หุบเขาเป็นทางกว้างในแผ่นดินนั้น
เพื่อว่าพวกเขาได้ใช้เป็นทางเดินอย่างถูกต้อง
[21:32]
และเราได้ทำให้ชั้นฟ้าเป็นหลังคา
ถูกรักษาไว้ไม่ให้หล่นลงมา
และพวกเขาก็ยังผินหลังให้สัญญาณต่าง
ๆ ของมัน
[21:33]
และพระองค์ผู้ทรงสร้างกลางคืนและกลางวัน
และดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
แต่ละหน่วยโคจรตามจักรราศี
[21:34]
และเรามิได้ทำให้บุคคลใดก่อนหน้าเจ้าอยู่ยั่งยืนนาน
หากเจ้าตายไปพวกเขาจะมีชีวิตอยู่ยงคงต่อไปกระนั้นหรือ
[21:35]
ทุกชีวิตย่อมลิ้มรสความตาย
และเราจะทดสอบพวกเจ้าด้วยความชั่วและความดี
และพวกเจ้าจะต้องกลับไปหาเราอย่างแน่นอน
[21:36]
และเมื่อบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา
(กุฟฟารมักกะฮ์)
พบเห็นเจ้า
พวกเขาก็ถือเอาเจ้าเป็นที่ล้อเลียน
คนนี้นะหรือที่กล่าวตำหนิพระเจ้าของพวกท่าน
ทั้ง ๆ
ที่พวกเขาก็กล่าวตำหนิพระผู้ทรงกรุณาปรานี
โดยพวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา
[21:37]
มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาด้วยความรีบร้อน
ข้าจะแสดงสัญญาณต่าง
ๆ
ของข้าให้พวกเจ้าเห็น
ฉะนั้นพวกเจ้าอย่าได้เร่งข้าเลย
[21:38]
และพวกเขากล่าวว่า
เมื่อใดเล่าสัญญานี้จะเกิดขึ้น
หากพวกท่าน
เป็นผู้สัตย์จริง
[21:39]
หากบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธารู้ว่า
พวกเขาไม่สามารถที่จะป้องกันไฟจากทางด้านหน้าของพวกเขาและทางด้านหลังของพวกเขา
และพวกเขาจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ
[21:40]
แต่ว่ามันจะมาถึงพวกเขาโดยฉับพลันไม่รู้ตัว
แล้วจะทำให้พวกเขาตกใจ
ดังนั้น
พวกเขาจึงไม่สามารถที่จะผลักดันให้พ้นไปได้
และพวกเขาก็ไม่อาจจะประวิงเวลาต่อไปได้
[21:41]
และโดยแน่นอน
บรรดาร่อซู้ลก่อนหน้าเจ้าได้ถูกเย้ยหยันมาแล้ว
แล้วการลงโทษได้ประสบแก่บรรดาผู้ที่เย้ยหยันต่อบรรดาร่อซู้ล
ในสิ่งที่พวกเขาได้เย้ยหยัน
[21:42]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
ใครเล่าจะคุ้มกันรักษาพวกท่าน
ในเวลากลางคืนและกลางวัน
จากพระผู้ทรงกรุณาปรานี
แต่ทว่าพวกเขาเป็นผู้ผินหลังให้การรำลึกถึงพระเจ้าของพวกเขา
[21:43]
หรือว่าพวกเขามีพระเจ้าหลายองค์
นอกไปจากเรา
คอบป้องกันพวกเขา
ทั้ง ๆ
ที่พระเจ้าเหล่านั้นไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเอง
และไม่สามารถป้องกันตัวเองให้พ้นจากการลงโทษของเราได้
[21:44]
แต่ทว่า
เราได้ให้ความสุขสำรายแก่พวกเขาและบรรพบุรุษของพวกเขา
จนกระทั่งพวกเขามีอายุยั่งยืน
พวกเขาไม่เห็นดอกหรือว่า
แท้จริงเราได้มายังแผ่นดินเพื่อทำให้มันคับแคบลงจากขอบเขตของมัน
แล้วพวกเขาจะเป็นผู้ชนะอีกหรือ?
[21:45]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
แท้จริงฉันเพียงตักเตือนพวกท่านด้วยวะฮีย์เท่านั้น
แต่คนหูหนวกไม่ได้ยินเสียงเรียกร้อง
เมื่อพวกเขาถูกตักเตือน
[21:46]
และหากการลงโทษเพียงเล็กน้อยจากพระเจ้าของเจ้าประสบกับพวกเขา
แน่นอนพวกเขาก็จะกล่าวว่า
โอ้ความหายนะแก่เรา
แท้จริงเราเป็นผู้อธรรม
[21:47]
และเราตั้งตราชูที่เที่ยงธรรมสำหรับวันกิยามะฮ์
ดังนั้นจะไม่มีชีวิตใดถูกอธรรมแต่อย่างใดเลย
และแม้ว่ามันเป็นเพียงน้ำหนักเท่าเมล็ดพืชเล็ก
เราก็จะนำมันมาแสดง
และเป็นการพอเพียงแล้วสำหรับเราที่เป็นผู้ชำระสอบสวน
[21:48]
และแท้จริง
เราได้ให้แก่มูซาและฮารูน
(ซึ่งคัมภีร์เตารอฮ์)
ที่แยกระหว่างความจริงกับความเท็จและเป็นแสงสว่างแห่งดวงประทีปและข้อตักเตือนสำหรับบรรดาผู้ยำเกรง
[21:49]
บรรดาผู้เกรงกลัวพระเจ้าของพวกเขาโดยที่พวกเขาไม่เห็น
และพวกเขายังหวั่นกลัวต่อวันอวสานด้วย
[21:50]
และนี่คืออัลกุรอาน
เป็นการตักเตือนที่จำเริญซึ่งเราได้ให้มันลงมา
แล้วพวกเจ้ายังจะปฏิเสธมันอีกหรือ
[21:51]
และโดยแน่นอน
เราได้ให้ความเฉลียวฉลาดแก่อิบรอฮีม
แต่ครั้งก่อน
โดยที่เรารู้จักเขาดี
[21:52]
ขณะที่เขากล่าวแก่บิดาของเขาและกลุ่มชนของเขาว่า
รูปปั้นอะไรกันนี่ที่พวกท่านเฝ้าบูชากัน
[21:53]
พวกเขากล่าวว่า
เราได้พบเห็นบรรพบุรุษของเรา
เป็นผู้สักการะบูชามันก่อน
[21:54]
เขากล่าวว่า
โดยแน่นอน
พวกท่านและบรรพบุรุษของพวกท่าน
อยู่ในการหลงผิดอย่างชัดแจ้ง
[21:55]
พวกเขากล่าวว่า
ท่านได้นำความจริงมาเสนอแก่เรา
หรือท่านเป็นแต่เพียงคนหนึ่งในพวกล้อเล่น
[21:56]
เขากล่าวว่า
แต่ที่แท้จริงพระเจ้าของพวกท่าน
คือพระเจ้าแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน
ซึ่งพระองค์ทรงเนรมิตมัน
และฉันเป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้เป็นพยานต่อการณ์นี้
[21:57]
และขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮ์
แท้จริง
ฉันจะวางแผนต่อต้านรูปปั้นทั้งหลายของพวกท่าน
หลังจากที่พวกท่านผินหลังกลับออกไป
[21:58]
ดังนั้น
เขาได้ทำให้มันแหลกลาญ
เหลือไว้เพียงรูปปั้นตัวใหญ่สำหรับพวกเขา
หวังว่าพวกเขาจะได้กลับไปสอบถามมัน
[21:59]
พวกเขากล่าวว่า
ใครกระทำเช่นนี้กับพระเจ้าของเรา
แท้จริง
เขาผู้นั้นอยู่ในหมู่อธรรมอย่างแน่นอน
[21:60]
พวกเขากล่าวว่า
เราได้ยินเด็กหนุ่มคนหนึ่งกล่าวตำหนิรูปปั้นเหล่านี้
เขามีชื่อว่าอิบรอฮีม
[21:61]
พวกเขากล่าวว่า
พวกท่านจงนำเขามาท่ามกลางสายตาของประชาชน
หวังว่าเขาทั้งหลายจะได้เป็นพยาน
[21:62]
พวกเขากล่าวว่า
เจ้าเป็นผู้กระทำเช่นนี้ต่อพระเจ้าเหล่านั้นของเรากระนั้นหรือ
อิบรอฮีมเอ๋ย!
[21:63]
เขากล่าวว่า
แต่ว่าพระเจ้าตัวใหญ่ของพวกมันนี้ต่างหากเป็นผู้กระทำมัน
พวกท่านจงถามพระเจ้าเหล่านั้นซิ
พวกมันพูดได้
[21:64]
ดังนั้น
พวกเขาก็กลับมาคิดถึงตัวของพวกเขาเอง
แล้วกล่าวขึ้นว่าแท้จริงพวกท่านนั่นแหละเป็นผู้อธรรม
[21:65]
ครั้นแล้วศีรษะของพวกเขาก็ก้มลงมา
(อยู่ในสภาพคอตก)
แล้วกล่าวว่า
ท่าน
ก็รู้ดีอยู่แล้วว่ารูปปั้นเหล่านั้นพูดไม่ได้
[21:66]
เขากล่าวว่าพวกท่านเคารพภักดีสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮ์
ที่มันไม่ให้คุณแก่พวกท่านและไม่ให้โทษแก่พวกท่านแต่อย่างใดเลย
กระนั้นหรือ?
[21:67]
เป็นที่น่ารังเกียจแก่พวกท่าน
และสิ่งที่พวกท่านเคารพบูชาอื่นจากอัลลอฮ์
พวกท่านไม่มีสติปัญญาหรือ?
[21:68]
พวกเขากล่าวว่า
จงเผาเขาเสีย
และจงช่วยเหลือพระเจ้าทั้งหลายของพวกท่าน
หากพวกท่านจะกระทำเช่นนั้น
[21:69]
เรา
(อัลลอฮ์)
กล่าวว่า
ไฟเอ๋ย !
จงเย็นลง และให้ความปลอดภัยแก่อิบรอฮีมเถิด
[21:70]
และพวกเขาปรารถนาที่จะวางแผนร้ายแก่เขา
แต่เราได้ทำให้พวกเขาประสบกับความสูญเสียมากยิ่งกว่า
[21:71]
และเราได้ให้เขา
(อิบรอฮีม)
และลูฏ
(หลายชาย-ลูกของพี่ชาย)
รอดพ้นไปสู่แผ่นดินซึ่งเราได้ให้มีความจำเริญอุดมสมบูรณ์ในแผ่นดินนั้นแก่บรรดาชาติต่าง
ๆ
[21:72]
และเราได้ให้บุตรชื่ออิสฮากแก่เขา
และยะอ์กูบ
(หลาน)
เป็นการเพิ่มพูน
และทั้งหมดนั้นเราได้ให้เป็นคนดีมีคุณธรรม
[21:73]
และเราได้แต่งตั้งพวกเขาให้เป็นผู้นำเพื่อชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องโดยคำสั่งของเรา
และเราได้วะฮีย์แก่พวกเขาให้ปฏิบัติความดี
และธำรงการละหมาด
แล้วบริจาคทานซะกาต
และพวกเขาก็เป็นผู้เคารพภักดีต่อเราเท่านั้น
[21:74]
และลุฏนั้นเราได้ให้การเป็นนบี
และวิชาความรู้แก่เขา
และเราได้ให้เขารอดพ้นจากหมู่บ้านนั้น
ซึ่งชาวบ้านได้กระทำความชั่ว
แท้จริงพวกเขาเป็นหมู่ชนที่ชั่วช้าและฝ่าฝืน
[21:75]
และเราได้ให้เขาเข้าอยู่ในความเมตตาของเรา
แท้จริงเขาเป็นคนหนึ่งในหมู่คนดี
[21:76]
และจงรำลึกถึงเรื่องราวของนูห์
เมื่อเขาได้ร้องเรียน
(ต่ออัลลอฮ์)
ก่อนหน้าหนี้
แล้วเราได้ตอบรับการร้องเรียกแก่เขา
และเราได้ช่วยให้เขาและพรรคพวกของเขา
รอดพ้นจากความทุกข์ระทมอันใหญ่หลวง
[21:77]
และเราได้ช่วยเหลือเขาให้รอดพ้นจากหมู่ชนที่ปฏิเสธต่อโองการของเรา
แท้จริงพวกเขาเป็นหมู่ชนที่ชั่วช้า
แล้วเราได้ให้พวกเขาทั้งหมดจมน้ำตาย
[21:78]
และจงรำลึกถึงเรื่องราวของดาวูดและสุลัยมาน
เมื่อเขาทั้งสองได้ตัดสินใจเรื่องไร่นาเมื่อฝูงแกะของชนหมุ่หนึ่งได้หลบเข้าไปกินพืชในเวลากลางคืน
และเราเป็นพยานต่อการตัดสินของพวกเขา
[21:79]
ดังนั้น
เราได้ดลใจให้สุลัยมานเข้าใจการตัดสินนั้น
และเราได้ให้ความเฉลียวฉลาดและวิชาความรู้ที่หลักแหลมแก่แต่ละคน
และเราได้ทำให้ภูเขาและนกแซ่ซร้องสดุดีร่วมกับดาวูด
และเราเป็นผู้กระทำสิ่งเหล่านี้
[21:80]
และเราได้สอนเขาให้รู้การทำเสื้อเกราะแก่พวกเจ้า
เพื่อป้องกันเจ้าจากการรบพุ่งกัน
แล้วพวกเจ้าจะเป็นผู้กตัญญูขอบคุณบ้างไหม
?
[21:81]
และสำหรับสุลัยมาน
เราได้ทำให้ลมกลายเป็นพายุ
ตามคำบัญชาของเขา
ไปยังดินแดนซึ่งเราได้ให้ความจำเริญ
ณ ที่นั้น
และเราเป็นผู้รอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง
[21:82]
และเราได้ให้ชัยตอนบางตัวดำน้ำให้สุลัยมาน
และพวกเขาทำงานอื่นจากนั้น
และเราเป็นผู้คุ้มกันรักษาพวกเขาเหล่านั้น
[21:83]
และจงรำลึกถึงเรื่องราวของอัยยูบ
เมื่อเขาได้ร้องเรียนพระเจ้าของเขาว่า
แท้จริงข้าพระองค์นั้น
ความทุกข์ยากได้ประสบแก่ข้าพระองค์และพระองค์เท่านั้นเป็นผู้ทรงเมตตายิ่ง
ในหมู่ผู้เมตตาทั้งหลาย
[21:84]
ดังนั้น
เราได้ตอบรับการร้องเรียนของเขาแล้วเราได้ปลดเปลื้องสิ่งที่เป็นความทุกข์ยากแก่เขา
และเราได้ให้ครอบครัวของเขาแก่เขา
และเช่นเดียวกับที่เขาได้เคยมีมาก่อน
(เช่น บุตรหลานและพวกพ้อง)
เป็นความเมตตาจากเรา
และเป็นข้อตักเตือนแก่บรรดาผู้ที่เคารพภักดี
[21:85]
และจงรำลึกถึงเรื่องราวของอิสมาอีลและอิดรีส
และซัลกิฟลิ
แต่ละคนอยุ่ในหมู่ผู้อดทนขันติ
[21:86]
และเราได้ให้พวกเขาเข้าอยู่ในความเมตตาของเรา
แท้จริงพวกเขาอยู่ในหมุ่คนดีมีคุณธรรม
[21:87]
และจงรำลึกถึงเรื่องราวของซันนูน
(นบียูนุส)
เมื่อเขาจากไปด้วยความโกรธพรรคพวกของเขา
แล้วเขาคิดว่าเราจะไม่ทำให้เขาได้รับความลำบาก
แล้วเขาก็ร้องเรียนท่านกลางความมืดทึบทะมึนว่า
ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากกพระองค์ท่าน
มหาบริสุทธิ์แห่งพระองค์ท่าน
แท้จริงข้าพระองค์เป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้อธรรมทั้งหลาย
[21:88]
ดังนั้นเราได้ตอบรับการร้องเรียนของเขาและเราได้ช่วยให้เขารอดพ้นจากความทุกข์ระทมและเช่นเดียวกันนี้
เราช่วยบรรดาผู้ศรัทธา
[21:89]
และจงรำลึกถึงเรื่องราวของซะกะรียาเมื่อเขาไร้องเรียนพระเจ้าของเขาว่า
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ของพระองค์ทรงอย่าปล่อยให้ข้าพระองค์อยู่อย่างเดียวดาย
และพระองค์ท่านเท่านั้นเป็นผู้สืบมรดกอันดียิ่ง
[21:90]
ดังนั้นเราได้ตอบรับการร้องเรียนแก่เขา
และเราได้ประทานบุตรแก่เขาคือยะฮ์ยา
และเราได้ปรับปรุงแก้ไขภริยาของเขาให้เป็นปกติแก่เขา
แท้จริงพวกเขา
แข่งขันกันในการทำความดีและพวกเขาวิงวอนเราด้วยความหวังในการลงโทษของเรา
และพวกเขาเป็นผู้ถ่อมตัวเกรงกลัวต่อเรา
[21:91]
และจงรำลึกถึงสตรีที่รักษาความบริสุทธิ์ของนางเอาไว้
แล้วเราได้เป่าวิญญาณของเราเข้าไปในนาง
และเราได้ทำให้นางและบุตรของนางเป็นสัญญาณหนึ่งแก่มวลมนุษย์
[21:92]
แท้จริง
นี่คือประชาชาติของพวกเจ้า
ซึ่งเป็นประชาชาติเดียวกัน
และข้าเป็นพระเจ้าของพวกเจ้า
ดังนั้นพวกเจ้าจงเคารพภักดีข้าเถิด
[21:93]
และพวกเขาได้แตกแยกกันในเรื่องของศาสนาระหว่าเขากันเอง
ทั้งหมดนี้พวกเขาจะเป็นผู้กลับไปหาเรา
[21:94]
ดังนั้นผู้ใดประกอบกรราดีทั้งหลาย
โดยที่เขาเป็นผู้ศรัทธา
สำหรับการอุตสาหะวิริยะของเขาจะไม่ถูกปฏิเสธ
และแท้จริงเราเป็นผู้บันทึกความดีสำหรับเขา
[21:95]
และเป็นที่ห้ามแก่ชาวเมือง
ที่เราได้ทำลายเมืองนั้นแล้วว่า
แน่นอนพวกเขาจะไม่กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีก
[21:96]
จนกระทั่งเมื่อยะอ์ญูจญ์
และมะอ์ญูจญ์ถูกปล่อยออกมาจากกำแพง
และพวกเขาจะหลั่งไหลกันลงมาจากทุกทิศทาง
[21:97]
และเมื่อสัญญาแห่งความจริงได้ใกล้เข้ามา
ขณะนั้นเรื่องของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาคือสายตาของบรรดาผู้ปฏิเสธจะจ้องเขม็งแล้ว
กล่าวว่า
โอ้ความหายนะของเรา
! แน่นอนยิ่งเราอยู่ในความหลงลืม
(จากทางหลับที่น่ากลัวนี้)
ยิ่งกว่านั้นเรายังเป็นผู้อธรรมอีกด้วย
[21:98]
แท้จริงพวกเจ้า
(มุชริกีน)
และสิ่งที่พวกเจ้าเคารพบูชาอื่นจากอัลลอฮ์นั้น
ทั้งหมดนั้นเป็นเชื้อเพลิงของนรก
โดยพวกเจ้าจะเข้าไปอยู่ในนั้น
[21:99]
หากมันเหล่านั้นเป็นพระเจ้าจริงแล้วมันจะไม่เข้าไปอยู่ในนั้น
และทั้งหมดจะเข้าอยู่ในนั้นอย่างถาวร
[21:100]
สำหรับพวกเขาในนรกนั้นมีแต่เสียงครวญครางและพวกเขาในนรกนั้นจะไม่ได้ยินมันเลย
[21:101]
แท้จริงบรรดาผู้ที่ความดีจากเราได้ประสบแก่พวกเขามาก่อนนั้น
ชนเหล่านั้นเป็นผู้ที่อยู่ห่างไกลจากมัน
[21:102]
พวกเขาจะไม่ได้ยินแม้แต่เสียงแผ่วเบาของมันและพวกเขาจะอยู่ในสวนสวรรค์อย่างถาวรตามที่จิตใจของพวกเขาปรารถนา
[21:103]
ความตื่นตระหนกอันยิ่งใหญ่จะไม่ทำให้พวกเขาเศร้าโศก
และมลาอิกะฮ์จะพบพวกเขาแล้วกล่าวว่า
นี่คือวันของพวกท่านซึ่งพวกท่านได้ถูกสัญญาไว้
[21:104]
วันซึ่งเราจะม้วนชั้นฟ้า
ประหนึ่งการม้วนแผ่นกระดาษสำหรับการบันทึก
ดังเช่นที่เราได้เริ่มให้มีการบังเกิดครั้งแรก
เราจะให้มันกลับเป็นขั้นมาอีก
เป็นสัญญาผูกพันกับเรา
แท้จริงเราเป็นผู้กระทำอย่างแน่นอน
[21:105]
และแท้จริงนั้นเราได้บันทึกไว้ในคัมภีร์อัซซะบูร
หลังจากที่เราได้บันทึกไว้ในลูห์มะห์ฟูซว่า
แผ่นดินนั้นปวงบ่าวของเราที่ดีมีคุณธรรมจะเป็นผู้สืบมรดกมัน
[21:106]
แท้จริงในการกล่าวไว้เช่นนี้
เป็นการเพียงพอสำหรับหมู่ชนที่เคารพภักดีต่ออัลลอฮ์
[21:107]
และเรามิได้ส่งเจ้ามาเพื่ออื่นใดนอกจากเพื่อเป็นความเมตตาแก่ประชาชาติทั้งหลาย
[21:108]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
แท้จริงฉันได้รับวะฮีย์มา
ให้ประกาศว่า
แท้จริงพระเจ้าของพวกท่านนั้นคือพระเจ้าองค์เดียว
ดังนั้นพวกท่านยังมิยอมนอนน้อมอีกหรือ?
[21:109]
หากพวกเขาผินหลังให้
ก็จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดว่า
ฉันได้ประกาศแจ้งให้พวกท่านทราบแล้วโดยถ้วนหน้า
และฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกท่านถูกสัญญาไว้นั้น
จะอยู่ใกล้หรือไกล
[21:110]
แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้คำพูดที่เปิดเผยและทรงรอบรู้สิ่งที่พวกท่านปิดบังไว้
[21:111]
และฉันก็ไม่รู้
หวังว่าการประวิงเวลา
อาจจะเป็นการทดสอบแก่พวกท่าน
และอาจจะเป็นการร่าเริงชั่วขณะหนึ่ง
[21:112]
เขา
(มุฮัมมัด)
กล่าวว่า
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์
ขอพระองค์ทรงชี้ขาดตัดสินแก่เราด้วยความจริง
และพระเจ้าของเรา
คือ
พระผู้ทรงกรุณา
ปรานี
ผู้ทรงถูกขอความช่วยเหลือต่อสิ่งที่พวกท่านกล่าวหา
Al-Hajj
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[22:1]
โอ้
มหาชนเอ๋ย !
พวกเจ้าจงยำเกรง
พระเจ้าของพวกเจ้าเถิด
เพราะแท้จริง
การสั่นสะเทือนของวันอวสานนั้น
เป็นสิ่งที่ร้ายแรงยิ่งนัก
[22:2]
วันที่พวกเจ้าจะเห็นมันคือ
แม่นมทุกคนจะตกตะลึงลืมสิ่งที่นางกำลังให้นมแก่ลูกอ่อนและหญิงตั้งครรภ์ทุกคนจะคลอดลูกที่อยู่ในครรภ์ของนางออกมา
และเจ้าจะเห็นมนุษย์อยู่ในสภาพมึนเมา
ทั้ง ๆ
ที่พวกเขามิได้เมา
และแต่ว่าการลงโทษของอัลลอฮ์นั้นรุนแรงยิ่งนัก
[22:3]
และในหมู่มนุษย์บางคนมีผู้โต้เถียงในเรื่องของอัลลอฮ์โดยปราศจากความรู้
และเขาจะปฏิบัติตามชัยตอนทุกตัวที่ดื้อรั้น
[22:4]
ได้มีกำหนดไว้กับมันว่า
แท้จริงผู้ใดยึดมันเป็นมิตรสหายแล้ว
แน่นอน
มันจะทำให้เขาหลงทางและจะนำเขาไปสู่การลงโทษที่มีเปลวลุกโชน
[22:5]
โอ้
มนุษย์เอ๋ย !
หากพวกเจ้ายังอยู่ในการสงสัยแคลงใจ
เกี่ยวกับการฟื้นคืนชีพแล้วไซร้
แท้จริงเราได้บังเกิดพวกเจ้าจากดิน
แล้วจากเชื้ออสุจิ
แล้วจากก้อนเนื้อ
ทั้งที่เป็นรูปร่างที่สมบูรณ์
และไม่เป็นรูปร่างที่สมบูรณ์
เพื่อเราจะได้ชี้แจงเคล็ดลับแห่งเดชานุภาพ
แก่พวกเจ้า
และเราให้การตั้งครรภ์เป็นที่แน่นอนอยู่ในมดลูกตามที่ประสงค์
จนถึงเวลาที่กำหนดไว้แล้วเราให้พวกเจ้าคลอดออกมาเป็นทารก
แล้วเพื่อพวกเจ้าจะได้บรรลุสู่วัยฉกรรจ์ของพวกเจ้า
และในหมู่พวกเจ้ามีผู้เสียชีวิตในวัยหนุ่ม
และในหมู่พวกเจ้ามีผู้ถูกนำกลับสู่วัยต่ำต้อย
วัยชรา
เพื่อเขาจะไม่รู้อะไรเลยหลังจากมีความรู้
และเจ้าจะเห็นแผ่นดินแห้งแล้ง
ครั้นเมื่อเราได้หลั่งน้ำฝนลงมาบนมัน
มันก็จะเคลื่อนไหวขยายตัวและพองตัวและงอกเงยออกมาเป็นพืช
ทุกอย่างเป็นคู่
ๆ ดูสวยงาม
[22:6]
นั่นก็เพราะว่า
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นพระองค์คือผู้ทรงสัจจะ
และแท้จริงพระองค์ทรงให้ผู้ตายมีชีวิตขึ้น
และแท้จริงพระองค์ทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่ง
[22:7]
และแท้จริงวันอวสานจะมาถึงอย่างแน่นอน
ปราศจากข้อสงสัยในมัน
และแท้จริงอัลลอฮ์จะทรงให้ผู้ที่อยู่ในสุสานฟื้นคืนชีพขึ้นมา
[22:8]
และในหมู่มนุษย์บางคนมีผู้โต้เถียงในเรื่องของอัลลอฮ์
โดยปราศจากความรู้และโดยปราศจากแนวทางที่ถูกต้อง
และปราศจากคัมภีร์ที่มีหลักฐานชัดแจ้ง
[22:9]
เขาจะเอี้ยวตัวอของเขาไปอย่างหยิ่งยะโสเพื่อให้ผู้คนหลงจากทางอัลลอฮ์
สำหรับเขาจะไดรับความอัปยศในโลกนี้และเราจะให้เขาลิ้มรสการลงโทษที่มีไฟลุกไหม้ในวันกิยามะฮ์
[22:10]
นั่นเพราะว่า
มือทั้งสองของเจ้าได้ก่อกรรมทำไว้
และแท้จริงอัลลอฮ์นั้นจะไม่ทรงอธรรมต่อปวงบ่าว
[22:11]
และในหมู่มนุษย์บางคน
มีผู้เคารพภักดีต่ออัลลอฮ์บนขอบทางของศาสนา
หากความดีประสบแก่เขา
เขาก็พออกพอใจต่อสิ่งนั้น
หากความทุกข์ยากประสบแก่เขา
เขาก็จะผินหน้าของเขากลับสู่การปฏิเสธ
เขาขาดทุนทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า
นั่นคือการขาดทุนอย่างชัดแจ้ง
[22:12]
เขาวิงวอนสิ่งอื่นจากอัลลอฮ์
ซึ่งมันไม่ให้โทษแก่เขาและมันก็ไม่ให้คุณแก่เขา
นั่นคือการหลงผิดที่ไกลลิบ
[22:13]
เขาวิงวอนต่อผู้ที่โทษของมันจะมีขึ้นเร็วกว่าคุณประโยชน์ของมัน
แน่นอนมันเป็นผู้คุ้มครองที่ชั่วช้าแท้
ๆ และมันเป็นสหายที่ชั่วช้าจริง
ๆ
[22:14]
แท้จริงอัลลอฮ์ทรงให้บรรดาผู้ศรัทธาและผู้กระทำความดีทั้งหลาย
เข้าสวนสวรรค์หลากหลาย
ณ
เบื้องล่างของมันมีลำน้ำหลายสายไหลผ่านแท้จริงอัลลอฮ์ทรงกระทำสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์
[22:15]
ผู้ใดคิดว่าอัลลอฮ์จะไม่ทรงช่วยเหลือเขา
(มุฮัมมัด)
ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
ก็จงให้เขาผู้นั้นต่อเชือกขึ้นสู่ท้องฟ้า
แล้วให้เขาตัดมันออก
(ผูกคอตาย)
แล้วให้เขาเฝ้าดูว่าแผนการณ์ของเขา
จะทำให้สิ่งที่เขาเคียดแค้นหมดสิ้นไปไหม
?
[22:16]
และเช่นนั้นแหละ
เราได้ให้อัลกุรอานลงมาเป็นโองการทั้งหลายที่ชัดแจ้ง
และอัลลอฮ์นั้นทรงชี้แนะทางให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
[22:17]
แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธา
และบรรดาชาวยิว
และพวกศอบิอีน
และพวกนะศอรอ
และพวกบูชาไฟ
และบรรดาผู้ตั้งภาคี
แท้จริงอัลลอฮ์จะทรงตัดสินใจในระหว่างพวกเขาในวันกิยามะฮ์
แท้จริงอัลลอฮ์ทรงเป็นพยานต่อทุกสิ่ง
[22:18]
เจ้ามิได้เห็นหรือว่า
แท้จริงอัลลอฮ์เท่านั้นผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย
และผู้ที่อยู่ในแผ่นดิน
และดวงอาทิตย์
และดวงจันทร์และดวงดาวทั้งหลาย
และภูเขาทั้งหลาย
และต้นไม้
และสัตว์
ทั้งหลาย
และส่วนมากของมนุษย์
ต่างก็สุญูดนอบน้อมต่อพระองค์
แต่ส่วนมากการลงโทษจะเหมาะสมคู่ควรแก่เขา
และผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงทำให้อัปยศก็จะไม่มีผู้ใดให้เกียรติเขาแท้จริง
อัลลอฮ์นั้นทรงกระทำสิ่งที่พระองค์ทรงสงค์
[22:19]
ผู้โต้เถียงทั้งสองฝ่ายนี้ต่างก็โต้เถียงกันเกี่ยวกับพระเจ้าของพวกเขา
สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น
มีอาภรณ์ที่ทำด้วยไฟถูกตัดไว้สำหรับพวกเขา
น้ำร้อนเดือดจะถูกเทราดลงบนศรีษะของพวกเขา
[22:20]
สิ่งที่อยู่ในท้องของพวกเขาและหนังจะถูกละลายด้วยน้ำร้อนเดือดร้อน
[22:21]
และสำหรับพวกเขา
จะถูกทุบเขาฆ้อนเหล็ก
[22:22]
ทุกครั้งที่พวกเขาต้องการจะออกไปจากนรกเนื่องจากความทุกข์ยาก
พวกเขาก็ถูกให้กลับไปในนั้นอีก
(มีเสียงกล่าวแก่พวกเขาว่า)
พวกเจ้าจงลิ้มรสการลงโทษที่มีไฟคุไหม้
[22:23]
แท้จริง
อัลลอฮ์จะทรงให้บรรดาผู้ศรัทธาและทำความดีทั้งหลาย
เข้าสวนสวรรค์ทั้งหลากหลาย
ณ
เบื้องล่างของมันมีลำน้ำหลายสายไหลผ่านในนั้น
พวกเขาจะถูกสวมใส่กำไลมือทีทำจากทองคำและไข่มุก
และเสื้อผ้าของพวกเขาที่สวมใส่ในนั้นก็เป็นผ้าไหม
[22:24]
และพวกเขาจะถูกนำสู่คำพูดที่ดีมีประโยชน์และจะถูกนำสู่ทางที่ได้รับการสรรเสริญ
คือ สวนสวรรค์
[22:25]
แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา
และขัดขวางทางอัลลอฮ์
และมัสยิดอัลหะรอม
ซึ่งเราได้ทำมันไว้
สำหรับมนุษย์อย่างเท่าเทียมกันทั้งผู้ที่พำนักอยู่ในนั้นและที่มาจากภายนอก
และถ้าผู้ใดปรารถนาที่จะออกนอกทางด้วยความอธรรมเราก็จะให้เขาลิ้มรสการลงโทษอย่างเจ็บปวด
[22:26]
และจงรำลึกเมื่อเราได้ชี้แนะสถานอัลบัยต์แก่อิบรอฮีมว่า
เจ้าอย่าตั้งภาคีต่อข้าแต่อย่างใดและจงทำบ้านของข้าให้สะอาด
สำหรับผู้มาเวียนรอบ
ผู้ยืนละหมาด
ผู้รุกัวะ
และผู้สุญูด
[22:27]
และจงประกาศแก่มนุษย์ทั่วไปเพื่อการทำฮัจญ์
พวกเขาจะมาหาเจ้าโดยทางเท้า
และโดยทางอูฐเพรียวทุกตัว
จะมาจากทางไกลทุกทิศทาง
[22:28]
เพื่อพวกเขาจะได้มาร่วม
เป็นพยานในผลประโยชน์ของพวกเขา
และกล่าวพระนามอัลลอฮ์ในวันที่รู้กันอยู่แล้ว
คือวันเชือด
ตามที่พระองค์ทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่พวกเขาจากสัตว์สี่เท้า
ดังนั้นพวกเจ้าจงกินเนื้อมัน
และจงให้อาหารแก่ผู้ยากจนขัดสน
[22:29]
แล้วให้พวกเขาชำระทำความสะอาด้วยการโกนหรือตัด
และให้พวกเขาทำให้ครบถ้วนในเรื่องบนบานทั้งหลายของพวกเขา
(เป็นการจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์)
และจงให้พวกเขาฎอวาฟ
(เดินเวียน)
รอบบ้านอันเก่าแก่
[22:30]
เช่นนั้นแหละ
และผู้ใดให้เกียรติต่อข้อห้ามทั้งหลายของอัลลอฮ์
มันก็เป็นการดีแก่เขา
ณ
ที่พระเจ้าของเขา
และปศุสัตว์ทั้งหลายได้เป็นที่อนุมัติแก่พวกเจ้าเว้นแต่บางสิ่งที่ถูกบอกกล่าวไว้แก่พวกเจ้า
ดังนั้น
พวกเจ้าจงปลีกตัวให้พ้นจากความโสมม
ซึ่งหมายถึงเจว็ดทั้งหลาย
และจงออกห่างจากการกล่าวคำเท็จ
[22:31]
โดยเป็นผู้ยึดมั่นความเป็นจริง
เพื่ออัลลอฮ์ไม่เป็นผู้ตั้งภาคีใด
ๆ ต่อพระองค์
และผู้ใดตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์
เสมือนว่าเขาร่วงลงมาจากชั้นฟ้า
แล้วนกก็บินเฉี่ยวเอาเขาไป
หรือลมได้พัดพาเขาไปยังดินแดนอันไกลโพ้น
[22:32]
ฉะนั้น
ผู้ใดที่ให้เกียรติแก่พระบัญญัติของอัลลอฮ์
แท้จริงมันเป็นส่วนหนึ่งแห่งการยำเกรงของจิตใจ
[22:33]
ในปศุสัตว์เหล่านั้นมีคุณประโยชน์มากหลายสำหรับพวกเจ้า
จนถึงเวลาที่ถูกกำหนดไว้และสถานที่เชือดของมันคือบริเวณบ้านอันเก่าแก่
[22:34]
และสำหรับทุก
ๆ
ประชาชาติเราได้กำหนดสถานที่ทำพิธีกรรม
เพื่อพวกเขาจักได้กล่าวพระนามของอัลลอฮ์
ต่อสิ่งที่พระองค์ทรงประทานให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเขา
คือสัตว์สี่เท้า
(เช่น อูฐ วัว
แพะ แกะ)
ฉะนั้นพระเจ้าของพวกเจ้าคือพระเจ้าองค์เดียว
ดังนั้นสำหรับพระองค์เท่านั้น
พวกเจ้าจงนอบน้อมและจงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผุ้จงรักภักดีนอบน้อมถ่อมตนเถิด
[22:35]
คือบรรดาผู้ที่เมื่อพระนามของอัลลอฮ์ถูกกล่าวขึ้น
หัวใจของพวกเขาหวั่นเกรง
และบรรดาผู้อดทนต่อสิ่งที่ประสบกับพวกเขาและบรรดาผู้ดำรงการละหมาด
และจากสิ่งที่เราได้ให้เป็นเครื่องยังชีพแก่พวกเขา
พวกเขาก็บริจาค
[22:36]
และอูฐที่อ้วนพีเราได้กำหนดมันให้มีขึ้นสำหรับพวกเจ้า
ถือเป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาเครื่องหมายของอัลลอฮ์
เพราะในตัวมันมีของดีสำหรับพวกเจ้า
ดังนั้นพวกเจ้าจงกล่าวพระนามของอัลลอฮ์
(เมื่อเวลาเชือด)
ขณะที่มันยืน
ฉะนั้นเมื่อมันล้มลงนอนตะแคงแล้ว
พวกท่านก็จงบริโภคมัน
และจงแจกจ่ายเป็นอาหารแก่คนที่ไม่เอ่ยขอ
และคนที่เอ่ยขอ
เช่นนั้นแหละเราได้ทำให้มันยอมจำนน
แก่พวกเจ้า เพื่อพวกเจ้าจักได้ขอบคุณอัลลอฮ์
[22:37]
เนื้อของมันและเลือดของมันจะไม่ถึงอัลลอฮ์แต่อย่างใด
แต่การยำเกรงของพวกเจ้าจะถึงพระองค์
เช่นนั้นแหละเราได้ทำให้มันยอมจำนนต่อพวกเจ้า
เพื่อพวกเจ้าจักได้แซ่ซร้องอัลลอฮ์อย่างเกรรียงไกรต่อการที่พระองค์ทรงชี้แนะแก่พวกเจ้า
และจงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ทำความดีเถิด
[22:38]
แท้จริงอัลลอฮ์ทรงปกป้องบรรดาผู้ศรัทธาให้พ้นจากศัตรู
แท้จริงอัลลอฮ์ไม่ททรงโปรดปรานทุกคนที่ทรยศเนรคุณ
[22:39]
สำหรับบรรดาผู้
(ที่ถูกโจมตีนั้น)
ได้รับอนุญาตให้ต่อสู้ได้
เพราะพวกเขาถูกข่มเหง
และแท้จริงอัลลอฮ์ทรงสามารถที่จะช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างแน่นอน
[22:40]
บรรดาผู้ที่ถูกขับไล่ออกจากบ้านเรือนของพวกเขา
โดยปราศจากความยุติธรรม
นอกจากพวกเขากล่าวว่า
อัลลอฮ์คือพระเจ้าของเราเท่านั้น
และหากว่าอัลลอฮ์ทรงขัดขวางมิให้มนุษย์ต่อสู้ซึ่งกันและกันแล้ว
บรรดาหอสวด
และโบสถ์ (ของพวกคริสต์)
และสถานที่สวด
(ของพวกยิว)
และมัสยิดทั้งหลายที่พระนามของอัลลอฮ์
ถูกกล่าวรำลึกอย่างมากมาย
ต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน
และแน่นอนอัลลอฮ์
จะทรงช่วยเหลือผู้ที่สนับสนุนศาสนาของพระองค์
แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงพลัง
ผู้ทรงเดชานุภาพอย่างแท้จริง
[22:41]
บรรดาผู้ที่เราให้พวกเขามีอำนาจในแผ่นดิน
คือบรรดาผู้ที่ดำรงการละหมาด
และบริจาคซะกาตและใช้กันให้กระทำความดี
และห้ามปรามกันให้ละเว้นความชั่ว
และบั้นปลายอของกิจการทั้งหลายย่อมกลับไปหาอัลลอฮ์
[22:42]
และหากพวกเขา
(มุชริกีนมักกะฮ์)
ปฏิเสธไม่ยอมเชื่อฟังเจ้า
แม้จริงชนชาติของนูห์และอาาดและษะมูด
ได้ปฏิเสธไม่เชื่อฟังนบีของพวกเขามาก่อนหน้าพวกเขาแล้ว
[22:43]
และชนชาติของอิบรอฮีม
และชนชาติของลูฎ
[22:44]
และชาวมัดยัน
และมูซา
ก็ได้ถูกปฏิเสธไม่ยอมเชื่อฟังเช่นกัน
แต่เราได้ประวิงเวลาให้แก่พวกปฏิเสธศรัทธา
และเราก็ได้ลงโทษพวกเขา
ดังนั้น
เป็นเช่นใดเล่าการลงโทษของเรา
[22:45]
ฉะนั้นกี่เมืองมาแล้ว
เราได้ทำลายมันโดยที่ชาวเมืองนั้นอธรรม
และมันได้พังพาบลงมาและกี่บ่อนน้ำที่ถูกทอดทิ้งและกี่ปราสาทสูงที่มั่นคง
[22:46]
พวกเขามิได้ออกเดินทางไปในแผ่นดินดอกหรือ
เพื่อหัวใจจะได้พิจารณาเพื่อพวกเขาเองหรือมีหูเพื่อสดับฟังมันเพราะแท้จริงการมองของนัยตานั้นมิได้บอกดอก
แต่ว่าหัวใจที่อยู่ในทรวงอกต่างหากที่บอด
[22:47]
และพวกเขาเร่งเต้าเจ้า
ให้มีการลงโทษแต่ว่าอัลลอฮ์
นั้นจะไม่ทรงผิดสัญญาของพระองค์เป็นอันขาด
และแท้จริงวันหนึ่ง
ณ ที่พระเจ้าของเจ้านั้นเท่ากับหนึ่งพันปี
ตามที่พวกเจ้าคำนวณนับ
[22:48]
และกี่เมืองมาแล้ว
เราได้ประวิงเวลาการลงโทษมัน
โดยที่ชาวเมืองนั้นอธรรม
แล้วเราได้ลงโทษทำลายมัน
และยังเรานั้นคือทางกลับ
[22:49]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
โอ้มนุษย์เอ๋ย
! แท้จริงฉันนั้นคือผู้ตักเตือนอันชัดแจ้งแก่พวกท่านเท่านั้น
[22:50]
ดังนั้นบรรดาผู้ศรัทธาและทำความดีทั้งหลาย
สำหรับพวกเขานั้นจะได้รับการอภัยโทษและปัจจัยยังชีพอันมีเกียรติ
คือสวนสวรรค์
[22:51]
และบรรดาผุ้ที่เพียรพยายามอย่างผู้ไร้ความสามารถเพื่อลบล้างโองการทั้งหลายของเรานั้น
ชนเหล่านั้นคือชาวนรก
[22:52]
และเรามิได้ส่งร่อซู้ลคนใด
และนบีคนใดก่อนหน้าเจ้า
เว้นแต่ว่าเมื่อเขาหวังตั้งใจชัยตอนก็จะเข้ามายุแหย่ให้หันเหออกจากความหวังตั้งใจของเขา
แต่อัลลอฮ์ก็ทรงทำลายล้างสิ่งที่ชัยตอนยุแหย่
แล้วอัลลอฮ์
ก็ทรงทำให้โองการทั้งหลายของพระองค์มั่นคง
และอัลลอฮ์ทรงรอบรู้ทรงปรีชาญาณ
[22:53]
เพื่อพระองค์จะทรงทำให้สิ่งที่ชัยตอนยุแหย่นั้น
เป็นการทดสอบสำหรับบรรดาผู้ที่ในจิตใจของพวกเขามีโรค
และจิตใจของพวกเขาแข็งกระด้าง
และแท้จริงบรรดาผู้อธรรมนั้นอยู่ในการแตกแยกที่ห่างไกล
[22:54]
และเพื่อบรรดาผู้รู้จะตระหนักว่า
แท้จริงอัลกุรอาน
นั้นคือสัจธรรมจากพระเจ้าของเจ้า
เพื่อพวกเขาจะได้ศรัทธาต่อมัน
(อัลกุรอาน)
แล้วจิตใจของพวกเขาจะได้นอบน้อมต่อมัน
(อัลกุรอาน)
และแท้จริงอัลลอฮ์ทรงเเป็นผู้ชี้แนะบรรดาผู้ศรัทธาสู่แนวทางอันเที่ยงตรง
[22:55]
และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้นยังคงอยู่ในการสงสัยต่ออัลกุรอานจนกระทั่งวันอวสานเกิดขึ้นแก่พวกเขาโดยฉับพลัน
หรือการลงโทษแห่งวันกิยามะฮ์
จะเกิดขึ้นแก่พวกเขา
[22:56]
อำนาจในวันนั้นเป็นของอัลลอฮ์
พระองค์ทรงตัดสินระหว่างพวกเขา
ดังนั้นบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลายจะอยู่ในสวนสวรรค์หลากหลายแห่งควงามโปรดปราน
[22:57]
ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา
และไม่เชื่อฟังโองการทั้งหลายของเรานั้น
ชนเหล่านั้นพวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างอัปยศ
[22:58]
และบรรดาผู้อพยพในทางของอัลลอฮ์แล้วพวกเขาถูกหรือตาย
แน่นอนอัลลอฮ์
จะทรงประทานปัจจัยยังชีพที่ดี
และแท้จริงอัลลอฮ์
นั้นพระองค์ทรงเป็นผู้ดีเลิศแห่งบรรดาผู้ประทานปัจจัยยังชีพ
[22:59]
พระองค์จะทรงให้พวกเขาเข้าไปในสถานที่ที่พวกเขาพอใจ
คือสวนสวรรค์
และแท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้
ผู้ทรงขันติ
[22:60]
เช่นนั้นแหละ
และผู้ใดตอบโต้เยี่ยงที่เขาถูกรังแก
แล้วเขาก็ยังถูกข่มเหงอีก
อัลลอฮ์จะทรงช่วยเหลือเขาอย่างแน่นอนแท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัยยิ่ง
ผู้ทรงยกโทษ
[22:61]
เช่นนั้นแหละ
เพราะว่าอัลลอฮ์
ทรงให้กลางคืนคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางวัน
และพระองค์ทรงให้กลางวันคาบเกี่ยวไปในกลางคืน
และแท้จริงอัลลอฮ์
เป็นผู้ทรงได้ยิน
ผู้ทรงเห็น
[22:62]
เช่นนั้นแหละ
เพราะว่าอัลลอฮ์
คือผู้ทรงสัจจะ
และแท้จริงสิ่งที่พวกเขาวิงวอนขออื่นจากพระองค์เป็นผู้ทรงสูงส่ง
ผู้ทรงยิ่งใหญ่
[22:63]
เจ้ามิได้พิจารณาดอกหรือว่า
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงให้น้ำหลั่งลงมาจากฟากฟ้า
แล้วแผ่นดินก็กลายเป็นเขียวสดชื่น
แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงรอบรู้ยิ่ง
[22:64]
สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย
และแผ่นดินเป็นสิทธิของพระองค์
และแท้จริงอัลลอฮ์นั้นคือผู้ทรงพอเพียงจากสิ่งทั้งหลาย
ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ
[22:65]
เจ้ามิได้พิจารณาดอกหรือว่า
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงอำนวยความสะดวกให้แก่พวกเจ้าสิ่งที่มีอยู่ในแผ่นดิน
และเรือแล่นไปตามท้องทะเลโดยบัญชาของพระองค์
และทรงยึดชั้นฟ้ามิให้มันตกลงมาบนแผ่นดิน
เว้นแต่โดยอนุมัติของพระองค์แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอ่อนโยน
ผุ้ทรงเมตตาเสมอต่อมนุษย์
[22:66]
และพระองค์คือผู้ทรงให้พวกเจ้าเป็นแล้วทรงให้พวกเจ้าตาย
หลังจากนั้นก็ทรงให้พวกเจ้าเป็นอีก
แท้จริงมนุษย์นั้นช่างเนรคุณยิ่ง
[22:67]
สำหรับทุก
ๆ
ประชาชาติเราได้กำหนดพิธีทางศาสนาขึ้นโดยที่พวกเขาปฏิบัติพิธีนั้น
ดังนั้นคนหนึ่งคนใดอย่าได้โต้แย้งเจ้าในกิจการนั้น
และจงเรียกร้องเชิญชวนไปสู่พระเจ้าของเจ้า
แท้จริงเจ้านั้นอยู่บนแนวทางที่เที่ยงธรรม
[22:68]
และหากพวกเขาโต้แย้งเจ้า
ก็จงกล่าวเถิดว่า
อัลลอฮ์ทรงรอบรู้ยิ่งในสิ่งที่พวกท่านกระทำอยู่
[22:69]
อัลลอฮ์จะทรงตัดสินระหว่างพวกท่านในวันกิยามะฮ์
ในสิ่งที่พวกท่านได้ขัดแย้งกันในเรื่องนั้น
[22:70]
เจ้ามิรู้ดอกหรือว่า
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าและแผ่นดิน
แท้จริงสิ่งนั้นอยู่ในบันทึกแล้ว
แท้จริงในการนั้นเป็นการง่ายดายสำหรับอัลลอฮ์
[22:71]
และพวกเขาสักการะบูชาสิ่งอื่นจากอัลลอฮ์
ซึ่งพระองค์มิได้ประทานลงมาให้เป็นหลักฐาน
และสำหรับพวกเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้
และสำหรับพวกอธรรมนั้นไม่มีผู้ช่วยเหลือใด
ๆ
[22:72]
และเมื่อโองการทั้งหลายอันชัดแจ้งของเราได้ถูกนำมาอ่านแก่พวกเขา
เจ้าจะสังเกตเห็นอาการบอกปัดไม่ยอมรับบนใบหน้าของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา
พวกเขาเกือบจะเข้าไปทำร้ายบรรดาผู้อ่านโองการทั้งหลายของเราให้พวกเขาฟัง
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
ฉันจะแจ้งให้พวกท่านทราบถึงสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่านี้ไหม
มันคือไฟนรกไงเล่า
อัลลอฮ์ทรงสัญญามันไว้แก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา
และมันเป็นทางกลับที่ชั่วร้ายยิ่ง
[22:73]
โอ้มนุษย์เอ๋ย
!
อุทาหรณ์หนึ่งถูกยกมากล่าวไว้แล้ว
ดังนั้นพวกเจ้าจงฟังมันให้ดี
แท้จริงบรรดาที่พวกเจ้าวิงวอนขอความช่วยเหลืออื่นจากอัลลอฮ์นั้น
พวกมันไม่สามารถจะให้บังเกิดแม้แต่แมลงวันสักตัวหนึ่ง
หากว่าพวกมันจะรวมหัวกันเพื่อการนั้นก็ตาม
และถ้าแมลงวันพาสิ่งใดหนีไปจากพวกมัน
พวกมันก็ไม่สามารถจะเอามันกลับคืนมาได้จากแมลงวันทั้งผู้ขอและผู้ถูกขออ่อนแอแท้
ๆ
[22:74]
พวกเขามิได้ให้เกียรติอัลลอฮ์
ตามที่ควรจะให้เกียรติต่อพระองค์
แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงพลัง
ผู้ทรงเดชานุภาพโดยแท้จริง
[22:75]
อัลลอฮ์ทรงคัดเลือกบรรดาฑูตจากหมู่มลาอิกะฮ์และจากหมู่มนุษย์
แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงได้ยิน
ผู้ทรงเห็น
[22:76]
พระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่เบื้องหน้าพวกเขา
และสิ่งที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา
และกิจการทั้งหลายจะถูกนำกลับไปยังอัลลอฮ์
[22:77]
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย!
พวกเจ้าจงรูกั๊วะ
จงสุญูด
และจงเคารพภักดีต่อพระเจ้าของพวกเจ้าเถิด
และจงประกอบความดี
หวังว่าพวกเจ้าจะได้รับชัยชนะ
[22:78]
และจงต่อสู้เพื่ออัลลอฮ์
ซึ่งเป็นการต่อสู้ที่แท้จริงเพื่อพระองค์
พระองค์ทรงคัดเลือกพวกเจ้า
และพระองค์มิได้ทรงทำให้เป็นการลำบากแก่พวกเจ้าในเรื่องของศาสนา
ศาสนา (ที่ไม่ลำบาก)
คือศาสนาของอิบรอฮีม
บรรพบุรุษของพวกเจ้า
พระองค์ทรงเรียกชื่อพวกเจ้าว่ามุสลิมีน
ในคัมภีร์ก่อน
ๆ และในอัลกุรอานเพื่อร่อซู้ลจะได้เป็นพยานต่อพวกเจ้า
และพวกเจ้าจะได้เป็นพยานต่อมนุษย์ทั่วไป
ดังนั้นพวกเจ้าจงดำรงการละหมาด
และบริจาคซะกาต
และจงยึดมั่นต่ออัลลอฮ์
พระองค์เป็นผู้คุ้มครองพวกเจ้า
เพราะพระองค์คือผู้คุ้มครองที่ดีเลิศ
และผู้ทรงช่วยเหลือที่ดีเยี่ยม