PART 18
Al-Mu’minûn
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[23:1]
แน่นอนบรรดาผู้ศรัทธาได้ประสบความสำเร็จแล้ว
[23:2]
บรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้นอบน้อมถ่อมตนในเวลาละหมาดของพวกเขา
[23:3]
และบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้ผินหลังให้จากเรื่องไร้สาระต่าง
ๆ
[23:4]
และบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้บริจาคซะกาต
[23:5]
และบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้รักษา
(ไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ของ)
ทวารของพวกเขา
[23:6]
เว้นแต่แก่บรรดาภรรยาของพวกเขา
หรือที่มือขวาของพวกเขาครอบครอง
(คือทาสี)
ในกรณีเช่นนั้นพวกเขาจะไม่ถูกตำหนิ
[23:7]
ฉะนั้นผู้ใดแสวงหาอื่นจากนั้น
ชนเหล่านั้นพวกเขาก็เป็นผู้ละเมิด
[23:8]
และบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้เอาใจใส่ต่อสิ่งที่ได้รับมอบหมายของพวกเขา
และสัญญาของพวกเขา
[23:9]
และบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้รักษาการละหมาดของพวกเขา
[23:10]
ชนเหล่านี้แหละพวกเขาเป็นทายาท
[23:11]
ซึ่งพวกเขา
จะได้รับมรดกสวนสวรรค์ชั้นฟริเดาส์
พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล
[23:12]
และขอสาบานว่า
แน่นอนเราได้สร้างมนุษย์มาจากธาตุแท้ของดิน
[23:13]
แล้วเราทำให้เขาเป็นเชื้ออสุจิ
อยู่ในที่พักอันมั่นคง
(คือมดลูก)
[23:14]
แล้วเราได้ทำให้เชื้ออสุจิกลายเป็นก้อนเลือดแล้วเราได้ทำให้ก้อนเลือดกลายเป็นก้อนเนื้อแล้วเราได้ทำให้ก้อนเนื้อกลายเป็นกระดูก
แล้วเราหุ้มกระดูกนั้นด้วยเนื้อ
แล้วเราได้เป่าวิญญาณให้เขากลายเป็นอีกรูปร่างหนึ่ง
ดังนั้นอัลลอฮ์ทรงจำเริญยิ่ง
ผู้ทรงเลิศแห่งปวงผู้สร้าง
[23:15]
หลังจากนั้น
แท้จริงพวกเจ้าต้องตายอย่างแน่นอน
[23:16]
แล้ว
แท้จริงพวกเจ้าจะถูกให้ฟื้นคืนชีพขึ้น
ในวันกิยามะฮ์
[23:17]
และแน่นอนยิ่งเราได้สร้างชั้นฟ้าทั้งเจ็ดไว้เบื้องบนพวกเจ้า
และเรามิได้เพิกเฉย
ทอดทิ้งระบบการสร้าง
[23:18]
และเราได้หลั่งน้ำให้ลงมาจากฟากฟ้าตามปริมาณ
แล้วเราได้ให้มันขังอยู่ในแผ่นดิน
และแท้จริงเราเป็นผู้สามารถอย่างแน่นอนที่จะให้มันเหือดหายไป
[23:19]
และด้วยน้ำนั้นเราทำให้มันเป็นสวนหลากหลายแก่พวกเจ้ามีต้นอินทผลัม
และต้นองุ่นสำหรับพวกเจ้าในสวนนั้นมีผลไม้มากมาย
และส่วนหนึ่งพวกเจ้าก็บริโภคมัน
[23:20]
และเราได้ทำให้มันเป็นต้นไม้
(ไซตูน) ที่ภูเขาซีนายซึ่งมันได้ผลิตออกมาเป็นน้ำมันและน้ำแกง
สำหรับผู้บริโภค
[23:21]
และแท้จริงในเรื่องปศุสัตว์
(อูฐ วัว แพะ
แกะ)
นั้นเป็นบทเรียนสำหรับพวกเจ้า
เราให้พวกเจ้าดื่ม
สิ่งที่อยู่ในท้องของมัน
(น้ำนม)
และในตัวมันมีประโยชน์มากมาย
สำหรับพวกเจ้าและบางชนิดพวกเจ้าก็บริโภคมัน
[23:22]
และพวกเจ้าได้บรรทุกบนหลังมัน
เช่น เดียวกับใช้บรรทุกบนเรือ
[23:23]
และเป็นที่แน่นอนยิ่ง
เราได้ส่งนูห์
ไปยังหมู่ชนของเขา
ดังนั้นเขาได้กล่าวว่า
โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย
พวกท่านจงเคารพภักดี
อัลลฮ์เถิดสำหรับพวกท่านนั้นไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์
ดังนั้นพวกท่านจะไม่ยำเกรง
(การลงโทษของพระองค์)
หรือ?
[23:24]
แล้วหัวหน้าของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาในหมู่ชนของเขาได้กล่าวขึ้นว่า
เขาผู้ที่มิใช่ใครอื่นนอกจากเป็นปุถุชนคนธรรมดาเช่นเดียวกับพวกท่านเพียงแต่เขาต้องการที่จะทำตัวให้ดีเด่นเหนือพวกท่าน
และหากอัลลอฮ์
ทรงประสงค์แล้ว
แน่นอนพระองค์จะทรงส่งมลาอิกะฮ์ลงมา
เราไม่เคยได้ยินคำพูดเช่นนี้ในสมัยบรรพบุรุษของเราแต่กาลก่อนเลย
[23:25]
เขามิได้เป็นอะไรนอกจากเป็นคนบ้า
ดังนั้นพวกท่านจงอดทนคอยเขาสักระยะเวลาหนึ่ง
[23:26]
นูห์
ได้กล่าวว่า
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์
ขอพระองค์ทรงโปรดช่วยเหลือข้าพระองค์ด้วย
เพราะพวกเขาปฏิเสธไม่ยอมเชื่อข้าพระองค์
[23:27]
ดังนั้น
เราจึงวะฮีย์แก่เขาให้ต่อเรือภายใต้การคุ้มครองของเราและคำสั่งสอนของเรา
และเมื่อคำบัญชาของเราได้มาถึงน้ำในเตาก็จะเดือดพุ่งเจ้าจงบรรทุกทุกชนิดของสัตว์เป็นคู่
ๆ และครอบครัวของเจ้าด้วย
นอกจากผู้ที่คำดำรัสได้บันทึกไว้ก่อนแล้ว
(ให้หายนะ)
ในหมู่พวกเขา
(ที่ไม่ยอมศรัทธา)
และเจ้าอย่าได้ขอช่วยเหลือเขา
ในบรรดาผู้ที่อธรรม
แท้จริงพวกเขาจะถูกให้จมน้ำตาย
[23:28]
ครั้นเมื่อเจ้า
และผู้ที่อยู่ร่วมกับเจ้าได้ขึ้นไปอยู่บนเรือแล้ว
ก็จงกล่าวเถิดว่า
บรรดาการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮ์
ผู้ซึ่งทรงให้เรารอดพ้นจากหมู่ชนผู้อธรรม
[23:29]
และจงกล่าวเถิดว่า
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์
ขอพระองค์ทรงให้ข้าพระองค์ลงจากเรือด้วยการลงที่มีความจำเริญ
และพระองค์เท่านั้นเป็นผู้เลิศยิ่งแห่งบรรดาผู้ให้ลงจากเรือ
[23:30]
แท้จริงในการนั้นย่อมเป็นสัญญาณข้อเตือนสติมากหลาย
และถึงแม้ว่าเราเป็นผู้ทดสอบปวงบ่าวของเรา
[23:31]
แล้วหลังจากพวกเขา
เราได้บังเกิดชนอีกกลุ่มหนึ่ง
(พวกอ๊าด)
[23:32]
ดังนั้นเราได้ส่งร่อซู้ลคนหนึ่ง
(ฮูด) ของพวกเขาไปยังพวกเขา
โดยกล่าวว่า
พวกท่านจงเคารพภักดีอัลลอฮ์เถิด
สำหับพวกท่านนั้นไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์
ดังนั้นพวกท่านจะไม่ยำเกรง
(การลงโทษของ)
พระองค์หรือ ?
[23:33]
และหัวหน้าหมู่ชนของเขา
คือบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา
และปฏิเสธไม่ยอมเชื่อการมีวันปรโลก
และเราได้ให้ความสำราญแก่พวกเขาในโลกนี้
กล่าวว่า
เขาผู้นี้มิใช่ใครอื่น
นอกจากเป็นปุถุชนคนธรรมดาเช่นเดียวกับพวกท่านเขากินอาหารเช่นเดียวกับที่พวกท่านกิน
และเขาดื่มเช่นเดียวกับพวกท่านดื่ม
[23:34]
และหากพวกท่านเชื่อฟังปฏิบัติตามมนุษย์ธรรมดาเช่นเดียวกับพวกท่าน
ดังนั้นแน่นอนพวกท่านเป็นผู้ขาดทุน
[23:35]
เขาสัญญากับพวกท่านกระนั้นหรือว่าแท้จริงเมื่อพวกท่านได้ตายไปแล้ว
และพวกท่านกลายเป็นดิน
และกระดูกแล้ว
แน่นอนพวกท่านจะถูกนำให้ออกมาฟื้นขึ้นอีก
?
[23:36]
ไกลเสียจริง
ไกลเสียจริง
ในสิ่งที่พวกท่านถูกสัญญาไว้
[23:37]
ไม่มีชีวิต
นอกจากการดำรงชีวิตของเราในโลกนี้
เราจะตายไป
และ
(บางคนในพวก)
เราก็จะมีชีวิตอยู่
และพวกเราจะไม่ถูกให้ฟื้นคืนชีพมาอีก
[23:38]
เขามิใช่ใครอื่น
นอกจากเป็นคนธรรมดาที่กล่าวเท็จต่ออัลลอฮ์
และเราไม่ยอมศรัทธาต่อเขาเป็นอันขาด
[23:39]
เขา
(ฮูด)
กล่าวว่า
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์
ขอพระองค์ทรงโปรดช่วยเหลือข้าพระองค์ด้วย
เพราะพวกเขาปฏิเสธไม่ยอมเชื่อข้าพระองค์
[23:40]
พระองค์
ตรัสว่า
หลังจากชั่วเวลาอีกเล็กน้อยพวกเขาจะกลายเป็นผู้เศร้าโศกเสียใจอย่างแน่นอน
[23:41]
ดังนั้นเสียงงกัมปนาทได้ผลาญชีวิตพวกเขาอย่างยุติธรรม
แล้วเราได้ทำให้พวกเขากลายเป็นเศษขยะ
ฉะนั้น
(ความหายนะ)
ความห่างไกล
(จากเมตตาของอัลลอฮ์)
จึงประสบแก่หมู่ชนผู้อธรรม
[23:42]
แล้วหลังจากพวกเขา
เราได้บังเกิดหมู่ชนอีกหลายกลุ่ม
[23:43]
ไม่มีประชาชาติใดที่จะได้รับการลงโทษก่อนกำหนดของมัน
และก็จะไม่ล่าช้ากว่ากำหนดเช่นกัน
[23:44]
แล้วเราได้ส่งบรรดาร่อซู้ลของเรามาอย่างต่อเนื่องกัน
ทุกครั้งที่ร่อซู้ลของพวกเขาได้มายังชนชาติหนึ่งพวกเขาก็ปฏิเสธไม่ยอมเชื่อถือเขา
ดังนั้นเราจึงให้บางกลุ่มของพวกเขาติดตามอีกบางกลุ่ม
(ด้วยความหายนะพินาศ)
แล้วเราด้ทำให้พวกเขาเป็นเรื่องบอกเล่าต่อกันมา
ฉะนั้น (ความหายนะ)
ความห่างไกล
(จากเมตตาของอัลลอฮ์)
จึงประสบแก่บรรดาผู้ไม่ยอมศรัทธา
[23:45]
แล้วเราได้ส่งมูซา
และพี่ชายของเขาคือฮารูน
พร้อมด้วยสัญญาณทั้งหลาย
ของเราและหลักฐานอันชัดแจ้ง
[23:46]
ไปยังฟิรเอาน์
และบุคคลชั้นหัวหน้าของเขา
แต่พวกเขาก็อวดใหญ่อวดโต
และพวกเขาเป็นหมู่ชนที่เย่อหยิ่งจองหอง
[23:47]
พวกเขากล่าวว่า
จะให้พวกเราศรัทธาต่อบุคคลทั้งสองที่มีสภาพเช่นเดียวกับเราและทั้ง
ๆ
ที่พวกพ้องของเขาทั้งสองก็เป็นทาสรับใช้เรา
[23:48]
ฉะนั้นพวกเขาจึงปฏิเสธไม่ยอมเชื่อฟังเขาทั้งสอง
พวกเขาจึงอยู่ในหมู่ผู้ถูกทำลายจมน้ำตาย
[23:49]
และแท้จริงเราได้ให้คัมภีร์
(เตารอฮ์) แก่มูซา
เพื่อพวกเขาจะได้อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง
[23:50]
และเราได้ทำให้อีซาบุตรของมัรยัม
และแม่ของเขาเป็นสัญญาณหนึ่ง
(ปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่)
และเราได้ให้ที่พักพิงแก่เขาทั้งสอง
ณ
ที่ราบสูงแห่งหนึ่ง
(บัยตุลมักดิส)
เป็นที่พักอย่างสะดวกสบาย
และมีธารน้ำไหล
[23:51]
โอ้
บรรดาร่อซู้ลเอ๋ย
!
พวกเจ้าจงบริโภคส่วนที่ดี
(ฮะล้าล)
และจงกระทำความดีเถิดเพราะแท้จริง
ข้ารอบรู้สิ่งพวกเจ้ากระทำ
[23:52]
แท้จริงนี่คือประชาชาติของพวกเจ้า
เป็นประชาชาติเดียวกัน
และข้าคือพระเจ้าของพวกเจ้าฉะนั้นพวกเจ้าจงยำเกรงต่อข้า
[23:53]
พวกเขาได้แตกแยกกันในเรื่องของพวกเขา
ระหว่างพวกเขากันเอง
แต่ละฝ่ายก็พอใจในสิ่งที่ตนเองยึดถือ
[23:54]
ดังนั้นเจ้า
(มุฮัมมัด)
จงปล่อยพวกเขาให้อยู่ในความงมงายของพวกเขา
สักระยะเวลาหนึ่ง
[23:55]
พวกเขาคิดหรือว่า
แท้จริงสิ่งที่เราได้ให้แก่พวกเขา
เช่น
ทรัพย์สมบัติ
และลูกหลานนั้น
[23:56]
เราได้รีบเร่งให้ความดีต่าง
ๆ แก่พวกเขากระนั้นหรือ
? เปล่าเลย
แต่ทว่าพวกเขาไม่มีความรู้สึกหรือ
[23:57]
แท้จริงบรรดาผู้ที่พวกเขาเป็นผู้มีจิตใจยำเกรงเนื่องจากความกลัวต่อพระเจ้าของพวกเขา
[23:58]
และบรรดาผู้ที่พวกเขาศรัทธาต่อสัญญาณต่าง
ๆ
แห่งพระเจ้าของพวกเขา
[23:59]
และบรรดาผู้ที่พวกเขาไม่ตั้งภาคีต่อพระเจ้าของพวกเขา
[23:60]
และบรรดาผู้ที่บริจาคสิ่งที่พวกเขาได้มา
โดยที่จิตใจของเขาเปี่ยมได้ด้วยความหวั่นเกรงว่าแท้จริงพวกเขาต้องกลับไปหาพระเจ้าของพวกเขา
[23:61]
ชนเหล่านั้น
พวกเขารีบเร่งในการประกอบความดีทั้งหลาย
และพวกเขาเป็นผู้เหมาะสม
สมควรเป็นผู้รุดหน้าไปก่อน
[23:62]
และเรามิได้บังคับผู้ใด
เว้นแต่ความสามารถของเขา
และ ณ
ที่เรานั้นมีบันทึก
ที่บันทึกแต่ความจริง
โดยที่พวกเขาจะไม่ถูกอยุติธรรม
[23:63]
แต่ว่าจิตใจของพวกเขาอยู่ในปลักแห่งความงมงายจากอัลกุรอาน
และสำหรับพวกเขามีการงานอื่นอีกจากนั้น
โดยที่พวกเขาต้องปฏิบัติมัน
[23:64]
จนกระทั่งเมื่อเราได้คร่าเอาชีวิตพวกที่อยู่ในความสุขสำราญของพวกเขาด้วยการลงโทษ
เมื่อนั้นพวกเขาก็ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ
[23:65]
พวกเจ้าอย่าได้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือเลยในวันนี้
แท้จริงพวกเจ้าจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเราดอก
[23:66]
แน่นอนโองการทั้งหลายของเราถูกนำมาอ่านแก่พวกเจ้า
แล้วพวกเจ้าก็หันสันเท้าของพวกเจ้ากลับ
[23:67]
พวกเขาหยิ่งจองหองต่ออัลกุรอาน
พวกเจ้าจับกลุ่มสนทนากันในเวลากลางคืน
[23:68]
พวกเขามิได้พิจารณา
พระดำรัสดอกหรือ
? หรือว่าได้มีมายังพวกเขา
สิ่งที่มิได้มีมายังบรรพบุรุษของพวกเขารุ่นก่อน
ๆ
[23:69]
หรือว่าพวกเขาไม่รู้จักร่อซู้ลของพวกเขาดังนั้นพวกเขาจึงปฏิเสธต่อต้านเขา
[23:70]
หรือพวกเขากล่าวหาเขาว่าเป็นบ้า
มิใช่เช่นนั้นดอก
เขาได้นำความจริงมาให้พวกเขาแล้ว
แต่ส่วนมากของพวกเขาเป็นผู้เกลียดชังความจริง
[23:71]
และหากว่าความจริงนั้นสอดคล้องอารมณ์ใฝ่ต่ำของพวกเขาแล้ว
ชั้นฟ้าทั้งหลาย
และแผ่นดินและสิ่งที่อยู่ในนั้นต้องเสียหายอย่างแน่นอน
แต่ทว่าเราได้นำข้อเตือนสติของพวกเขา
(คืออัลกุรอาน)
มาให้พวกเขาแล้ว
แต่พวกเขาเป็นผู้หันหลังให้กับข้อเตือนสติของพวกเขา
[23:72]
หรือเจ้าขอค่าจ้าง
(ในการเผยแพร่ศาสนา)
จากพวกเขากระนั้นหรือ? แต่การให้ค่าจ้างของพระเจ้าของเจ้านั้นเลิศยิ่งกว่า
และพระองค์เท่านั้นทรงเป็นเลิศยิ่งในหมู่ผู้ประทานปัจจัยยังชีพ
[23:73]
และแท้จริงเจ้านั้นเป็นพวกชักชวนพวกเขาอย่างแน่นอนไปสู่แนวทางอันเที่ยงธรรม
[23:74]
และแท้จริงบรรดาผู้ไม่ศรัทธาต่อวันปรโลกนั้น
พวกเขาเป็นผู้หันห่างจากแนวทางอันเที่ยงธรรม
[23:75]
และหากเราเมตตาพวกเขา
และเราได้ปลดเปลื้องความทุกข์ยากออกจากพวกเขาแล้ว
แน่นอนพวกเขาก็ยังคงมั่วสุมอยู่ในความผยองของพงกเขาเช่นเดียวกับคนตาบอด
[23:76]
และโดยแน่แท้เราได้ทดสอบพวกเขาด้วยการลงโทษ
แต่พวกเขาก็หาได้นอบน้อมต่อพระเจ้าของพวกเขาไม่
และพวกเขาก็ไม่ยอมถ่อมตน
[23:77]
จนกระทั่งเมื่อเราเปิดประตูแห่งการลงโทษอันสาหัสแก่พวกเขา
เมื่อนั้นแหละพวกเขาก็เป็นผู้ท้อถอยหมดหวังเสียแล้ว
[23:78]
และพระองค์เป็นผู้สร้างสัมผัสการฟังและการเห็น
และหัวใจเพื่อเข้าใจแก่พวกเจ้า
แต่เเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่พวกเจ้าขอบคุณ
[23:79]
และพระองค์เป็นผู้ทรงแพร่พันธุ์ของพวกเจ้าในแผ่นดิน
และพวกเจ้าจะถูกรวบรวมให้กลับไปหาพระองค์
[23:80]
และพระองค์เป็นผู้ทรงให้เป็นและทรงให้ตาย
และพระองค์ทรงสิทธิในการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกลางคืนกลางวันพวกเจ้ามิได้ใช้สติปัญญาพิจารณาดอกหรือ
?
[23:81]
แต่ทว่าพวกเขาได้กล่าวเช่นเดียวกับชนชาติสมัยก่อน
ๆ
ได้กล่าวไว้
[23:82]
พวกเขาได้กล่าวว่า
เมื่อเราได้ตายไปแล้ว
และเราได้กลายเป็นฝุ่นดินและกระดูกป่นเราาาจะถูกให้ฟื้นคืนชีพครั้งหนึ่งหรือ
?
[23:83]
แท้จริงเราและบรรพบะรุษของเราได้ถูกสัญญามาก่อนแล้วในเรื่องนี้
มันมิใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นนิยายเหลวไหล
สมัยก่อนเท่านั้น
[23:84]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
แผ่นดินนี้
และผู้ที่อยู่ในนั้นเป็นของใคร
หากพวกท่านรู้
[23:85]
พวกเขาจะกล่าวว่า
มันเป็นของอัลลอฮ์
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
ถ้าเช่นนั้น
พวกท่านจะไม่พิจารณาใคร่ครวญหรือ
?
[23:86]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
ใครเป็นเจ้าของชั้นฟ้าทั้งเจ็ด
และเป็นผู้สร้างบัลลังก์อันยิ่งใหญ่
?
[23:87]
พวกเขาจะกล่าวว่า
มันเป็นของอัลลอฮ์
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
ถ้าเช่นนั้นพวกท่านจะไม่ยำเกรง
(การลงโทษของ)
พระองค์หรือ ?
[23:88]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
อำนาจอันกว้างใหญ่ไพศาลทุกสิ่งอย่างนี้อยู่ในพระหัตถ์ของผู้ใด
? และพระองค์เป็นผู้ทรงปกป้องคุ้มครอง
และจะไม่มีใครปกป้องคุ้มครองพระองค์
หากพวกท่านรู้
[23:89]
พวกเขาจะกล่าวว่า
มันเป็นของอัลลอฮ์
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
ดังนั้นพวกท่านถูกหลอกลวงได่อย่างไร
?
[23:90]
แต่ทว่า
เราได้นำเอาสัจธรรมมาให้แก่พวกเขาแล้ว
และแท้จริงพวกเขาเป็นผู้กล่าวเท็จอย่างแน่นอน
[23:91]
อัลลอฮ์มิได้ทรงตั้งผู้ใดเป็นพระบุตรและไม่มีพระเจ้าอื่นใดคู่เคียงกับพระองค์
ถ้าเช่นนั้นพระเจ้าแต่ละองค์ก็จะเอาสิ่งที่ตนสร้างไปเสียหมด
และแน่นอนพระเจ้าบางพระองค์ในหมู่พวกเขาก็จะมีอำนาจเหนือกว่าอีกบางองค์
มหาบริสุทธิ์ยิ่งแห่งอัลลอฮ์
ให้พ้นจากที่พวกเขากล่าวหา
[23:92]
พระผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งพ้นญาณวิสัยและสิ่งที่มองเห็นได้
พระองค์ทรงสูงส่งยิ่งจากสิ่งที่พวกเขาตั้งเป็นภาคี
[23:93]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์
หากพระองค์จะทรงให้ข้าพระองค์ได้เห็นสิ่งที่พวกเขาถูกกล่าวเตือนสำทับไว้แล้ว
[23:94]
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์
ของพระองค์ทรงอย่าให้ข้าพระองค์อยู่ในหมู่พวกอธรรมเลย
[23:95]
และแท้จริงเราเป็นผู้มีอานุภาพอย่างแน่นอนที่จะให้เจ้าได้เห็นสิ่งที่เราได้สัญญาพวกเขาไว้
[23:96]
เจ้าจงปราบความชั่ว
ด้วยสิ่งที่ดียิ่ง
เรารู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเขากล่าวหา
[23:97]
และจงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์
ข้าพระองค์ขอความคุ้มครองต่อพระองค์
ให้พ้นจากเสียงกระซิบกระซาบของชัยตอน
[23:98]
และข้าพระองค์ขอความคุ้มครองต่อพระองค์
ข้าแต่พระองค์ของข้าพระองค์
ให้พ้นจากการที่พวกมันจะนำความชั่วร้ายมาสู่ข้าพระองค์
[23:99]
จนกระทั่งเมื่อความตายได้มาหาคนใดในพวกเขา
เขาก็จะกล่าวขึ้นว่า
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์
ขอพระองค์ทรงให้ข้าพระองค์กลับไปมีชีวิตอีกครั้งหนึ่งเถิด
[23:100]
เพื่อข้าพระองค์จะได้กระทำความดีในสิ่งที่ข้าพระองค์ปล่อยทิ้งไว้
เปล่าเลย ! มันเป็นเพียงถ้อยคำที่เขากล่าวมันไว้เท่านั้น
และเบื้องหน้าของพวกเขานั้นมีโลกบัรซัค
จนกระทั่งถึงวันที่พวกเขาจะถูกฟื้นคืนชีพขึ้นมา
[23:101]
ดังนั้นเมื่อสังข์ได้ถูกเป่าขึ้น
ดังนั้นจะไม่มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติระหว่างพวกเขาในวันนั้น
และพวกเขาจะไม่ไต่ถามซึ่งกันและกัน
[23:102]
ดังนั้นผู้ใดตราชูของเขาหนัก
ชนเหล่านั้น
พวกเขาเป็นผู้ประสบชัยชนะ
[23:103]
และผู้ใดตราชูของเบา
ชนเหล่านั้นคือบรรดาผู้ที่ทำให้ตัวของพวกเขาขาดทุน
พวกเขาจะพำนักอยู่ในนรกตลอดกาล
[23:104]
ไฟนรกจะเผาไหม้ใบหน้าของพวกเขา
และพวกเขาจะมีใบหน้าที่บูดเบี้ยวในนรกนั้น
[23:105]
โองการทั้งหลายของเรามิได้ถูกนำมาอ่านแก่พวกเจ้าดอกหรือ
แล้วพวกเจ้าก็ปฏิเสธไม่ยอมเชื่อมัน
[23:106]
พวกเขากล่าวว่า
ข้าแต่พระเจ้าของเราความชั่วช้าเลวทรามของพวกเราได้เข้ามาครอบงำพวกเรา
และพวกเราเป็นหมู่ชนหลงทาง
[23:107]
ข้าแต่พระเจ้าของเรา
ขอพระองค์ทรงโปรดเอาพวกเราออกจากนรกด้วยเถิด
ถ้าหากเรากลับไปทำความชั่วช้าอีก
แน่นอนเราก็เป็นพวกอธรรม
[23:108]
พระองค์
ตรัสว่า
พวกเจ้าจงตะเพิดไปจมอยู่ในนั้นเถิด
และพวกเจ้าอย่าได้มาพูดกับข้าเลย
[23:109]
แท้จริงมีหมู่ชนกลุ่มหนึ่งจากปวงบ่าวของเรา
พวกเขากล่าวว่า
ข้าแต่พระเจ้าของเรา
พวกเราได้ศรัทธาต่อพระองค์
ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยโทษให้แก่เรา
และทรงเมตตาต่อเราด้วย
และพระองค์ท่านเท่านั้น
ทรงเป็นผู้เมตตาที่ดียิ่ง
[23:110]
พวกเจ้าได้ดูถูกเหยียดหยามพวกเขา
จนกระทั่ง
(การกระทำเช่นนั้นแก่พวกเขา)
ทำให้พวกเจ้าลืมนึกถึงข้า
และพวกเจ้าก็หัวเราะเยาะเย้ยพวกเขา
[23:111]
แท้จริงข้าได้ตอบแทนรางวัลให้แก่พวกเขาแล้วในวันนี้
เพราะพวกเขาอดทน
แท้จริงพวกเขาเท่านั้นเป็นผู้ได้รับชัยชนะ
[23:112]
พระองค์ตรัสว่า
พวกเจ้าพำนักอยู่ในแผ่นดินเป็นจำนวนกี่ปี
?
[23:113]
พวกเขากล่าวตอบว่า
เราพำนักอยู่วันหนึ่งหรือส่วนหนึ่งของวัน
ขอพระองค์โปรดถามนักคำนวณที่เชี่ยวชาญเถิด
[23:114]
พระองค์ตรัสว่า
พวกเจ้ามิได้พำนักอยู่เว้นแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หากพวกเจ้ารู้
[23:115]
พวกเจ้าคิดว่า
แท้จริงเราได้ให้พวกเจ้าบังเกิดมาโดยไร้ประโยชน์
และแท้จริงพวกเจ้าจะไม่กลับไปหาเรากระนั้นหรือ
?
[23:116]
อัลลอฮ์ผู้ทรงสูงส่ง
ผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงสัจจะ
ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์
พระเจ้าแห่งบัลลังก์อันทรงเกียรติ
[23:117]
และผู้ใดวิงวอนขอพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮ์
โดยไม่มีหลักฐานพิสูจน์แก่เขาในการนี้
แท้จริงการคิดบัญชีของเขาอยู่ที่พระเจ้าของเขา
แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะไม่ประสบความสำเร็จ
[23:118]
และจงกล่าวเถิดมุฮัมมัดว่า
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์
ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยและทรงเมตตา
และพระองค์ท่านเท่านั้นทรงเป็นผู้เมตตาที่ดียิ่ง
An-Nûr
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[24:1]
นี่คือซูเราะฮ์หนึ่งที่เราได้ประทานมันลงมา
และเราได้กำหนดเป็นข้อบังคับสิ่งที่มีอยู่ในมัน
และเราได้ประทานโองการต่างๆที่มีอยู่ในนั้นให้เป็นบทบัญญัติอันชัดแจ้งเพื่อพวกเจ้าจักได้รำลึกใคร่ครวญ
[24:2]
หญิงมีชู้และชายมีชู้
พวกเจ้าจงโบยแต่ละคนในสองคนนั้นคนละหนึ่งร้อยที
และอย่าให้ความสงสารยับยั้งการกระทำของพวกเจ้าต่อคนทั้งสองนั้นในบัญญัติของอัลลอฮ์เป็นอันขาดหากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮ์และวันปรโลก
และจงให้กลุ่มหนึ่งของบรรดาผู้ศรัทธาเป็นพยานในการลงโทษเขาทั้งสอง
[24:3]
ชายมีชู้จะไม่สมรสกับใครนอกจากกับหญิงมีชู้หรือหญิงมุชริกะฮ์
และหญิงมีชู้จะไม่มีใครสมรสกับเธอนอกจากกับชายมีชู้หรือชายมุชริก
และ
(การมีชู้)
เช่นนั้นเป็นที่ต้องห้ามแก่บรรดาผู้ศรัทธา
[24:4]
และบรรดาผู้กล่าวโทษบรรดาหญิงบริสุทธิ์แล้วพวกเขามิได้นำพยานสี่คนมา
พวกเจ้าจงโบยพวกเขาแปดสิบที
และพวกเจ้าอย่ารับการเป็นพยานของพวกเขาเป็นอันขาด
ชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นผู้ฝ่าฝืน
[24:5]
นอกจากบรรดาผู้ลุแก่โทษหลังจากนั้น
และพวกเขาปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัย
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[24:6]
และบรรดาผู้กล่าวโทษภรรยาของพวกเขา
และสำหรับพวกเขาไม่มีพยานนอกจากตัวของเขาเอง
ก็ให้การเป็นพยานของคนหนึ่งในพวกเขากล่าวสาบานสี่ครั้งด้วยพระนามของอัลลอฮ์
แท้จริงเขาเป็นหนึ่งในหมู่ผู้พูดจริง
[24:7]
และครั้งที่ห้าให้เขากล่าวว่า
แท้จริงการสาปแช่งของอัลลอฮ์จงมีแด่เขาหากเขาเป็นผู้ที่กล่าวเท็จ
[24:8]
และพวกเขาจะทำให้นางพ้นจากการลงโทษต่อเมื่อนางกล่าวสาบานสี่ครั้งด้วยพระนามอัลลอฮ์ว่าเขาเป็นหนึ่งในหมู่ผู้กล่าวเท็จ
[24:9]
และครั้งที่ห้าให้นางกล่าวว่า
แท้จริงความกริ้วของอัลลอฮ์จงมีแด่นางหากเขาเป็นหนึ่งในหมู่ผู้พูดจริง
[24:10]
และหากมิใช่ความโปรดปรานของอัลลอฮ์แก่พวกเจ้าและความเมตตาของพระองค์แล้ว
และแท้จริงอัลลอฮ์ทรงเป็นผู้ทรงนิรโทษ
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[24:11]
แท้จริงบรรดาผู้นำข่าวเท็จมานั้นเป็นบุคคลกลุ่มหนึ่งจากพวกเจ้า
พวกเจ้าอย่าได้คิดว่ามันเป็นการชั่วแก่พวกเจ้า
แต่ว่ามันเป็นการดีแก่พวกเจ้า
สำหรับทุกคนในหมู่พวกเขานั้นคือสิ่งที่เขาได้ขวนขวายไว้จากการทำบาป
ส่วนผู้ที่มีบทบาทมากในเรื่องนี้ในหมู่พวกเขานั้น
เขาผู้นั้นจะได้รับการลงโทษอย่างมหันต์
[24:12]
เมื่อพวกเจ้าได้ยินข่าวเท็จนี้
ทำไมบรรดามุอฺมินและบรรดามุอฺมินะฮ์จึงไม่คิดเปรียบเทียบกับตัวของพวกเขาเองในทางที่ดีและกล่าวว่า
นี่เป็นเรื่องโกหกอย่างชัดแจ้ง
[24:13]
ทำไมพวกเขาจึงไม่นำพยานสี่คนมาเพื่อมัน
หากพวกเขาไม่นำพยานเหล่านั้นมาแล้ว
ดังนั้นชนเหล่านั้น
ณ ที่อัลลอฮ์
พวกเขาเป็นผู้กล่าวเท็จ
[24:14]
และหากมิใช่ความโปรดปรานของอัลลอฮ์แก่พวกเจ้าและความเมตตาของพระองค์ทั้งในโลกนี้และโลกหน้าแล้ว
แน่นอนการลงโทษอย่างมหันต์ก็จะประสบแก่พวกเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้ากำลังง่วนกันอยู่
[24:15]
ขณะที่พวกเจ้าได้รับข่าวนั้นด้วยการพูดกันระหว่างพวกเจ้า
และพวกเจ้าพูดกันในสิ่งที่พวกเจ้าไม่มีความรู้
และพวกเจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็ก
แต่ ณ
ที่อัลลอฮ์นั้นมันเป็นเรื่องใหญ่
[24:16]
เมื่อพวกเจ้าได้ยินมัน
ทำไมพวกเจ้าจึงไม่กล่าวว่า
ไม่บังควรที่เราจะพูดถึงเรื่องนี้
มหาบริสุทธิ์แห่งพระองค์ท่าน
นี่มันเป็นการกล่าวร้ายอย่างมหันต์
[24:17]
อัลลอฮ์ทรงตักเตือนพวกเจ้าเพื่อมิให้กลับไปประพฤติเช่นนี้อีกเป็นอันขาดหากพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธา
[24:18]
และอัลลอฮ์ทรงชี้แจงโองการทั้งหลายอย่างชัดเจนแก่พวกเจ้า
และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[24:19]
แท้จริงบรรดาผู้ชอบที่จะให้เรื่องบัดสีแพร่หลายไปในหมู่ผู้ศรัทธานั้น
พวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างเจ็บปวดทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
และอัลลอฮ์ทรงรอบรู้และพวกเจ้าไม่รู้
[24:20]
และหากมิใช่ความโปรดปรานของอัลลอฮ์แก่พวกเจ้าและความเมตตาของพระองค์แล้ว
และแท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงเอ็นดู
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[24:21]
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย
พวกเจ้าอย่าติดตามทางเดินของชัยฏอน
และผู้ใดติดตามทางเดินของชัยฏอน
แท้จริงมันจะใช้ให้ทำการลามกและความชั่ว
และหากมิใช่ความโปรดปรานของอัลลอฮ์แก่พวกเจ้าและความเมตตาของพระองค์แล้ว
ก็จะไม่มีผู้ใดเลยในหมู่พวกเจ้าบริสุทธิ์
แต่อัลลอฮ์ทรงให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์บริสุทธิ์
และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงได้ยิน
ผู้ทรงรอบรู้
[24:22]
และผู้มีเกียรติและผู้มั่งคั่งในหมู่พวกเจ้าอย่าได้สาบานที่จะไม่ให้
(ความช่วยเหลือ)
แก่ญาติมิตร
และคนยากจน และผู้อพยพในหนทางของอัลลอฮ์
และพวกเขาจงอภัยและยกโทษ
(ให้แก่พวกเขาเถิด)
พวกเจ้าจะไม่ชอบหรือที่อัลลอฮ์จะทรงอภัยให้แก่พวกเจ้า
และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัย
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[24:23]
แท้จริงบรรดาผู้กล่าวโทษบรรดาหญิงบริสุทธิ์
หญิงไม่รู้เรื่องอะไร
หญิงผู้ศรัทธา
พวกเขาถูกสาปแช่งทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
และสำหรับพวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างมหันต์
[24:24]
วันที่ลิ้นของพวกเขา
และมือของพวกเขา
และเท้าของพวกเขาจะเป็นพยานปรักปรำพวกเขาตามที่พวกเขาได้กระทำไว้
[24:25]
วันนั้นอัลลอฮ์จะทรงตอบแทนแก่พวกเขาอย่างครบถ้วนตามส่วนแห่งการตอบแทนของพวกเขาอย่างแท้จริง
และพวกเขาจะรู้ว่า
แท้จริงอัลลอฮ์นั้น
พระองค์คือผู้ทรงสัจจะ
ผู้ทรงเปิดเผย
[24:26]
หญิงชั่วย่อมคู่ควรกับชายชั่ว
และชายชั่วย่อมคู่ควรกับหญิงชั่ว
และหญิงดีย่อมคู่ควรกับชายดี
และชายดีย่อมคู่ควรกับหญิงดี
ชนเหล่านั้นเป็นผู้บริสุทธิ์จากสิ่งที่พวกเขากล่าวร้าย
สำหรับพวกเขา
(ผู้ถูกกล่าวร้าย)
จะได้รับการอภัยโทษและเครื่องยังชีพอันมีเกียรติ
[24:27]
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย
พวกเจ้าอย่าเข้าไปในบ้านใดอื่นจากบ้านของพวกเจ้าจนกว่าจะขออนุญาตและให้สลามแก่เจ้าของบ้านเสียก่อน
เช่นนั้นเแหละเป็นการดีสำหรับพวกเจ้า
หวังว่าพวกเจ้าจะได้ใคร่ครวญ
[24:28]
เมื่อพวกเจ้าไม่พบผู้ใดในบ้านนั้นก็อย่าเข้าไปจนกว่าจะได้รับอนุญาตแก่พวกเจ้า
และเมื่อมีการกล่าวแก่พวกเจ้าว่า
จงกลับไป
ก็จงกลับไป มันเป็นการเหมาะสมยิ่งแก่พวกเจ้า
และอัลลอฮ์ทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
[24:29]
ไม่ถือเป็นความผิดแก่พวกเจ้าที่จะเข้าไปในสถานที่ใดที่มิใช่เป็นที่พักอาศัยซึ่ง
ณ
ที่นั้นมีสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่พวกเจ้า
และอัลลอฮ์ทรงรู้ดีสิ่งที่พวกเจ้าเปิดเผยและสิ่งที่พวกเจ้าปกปิด
[24:30]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
แก่บรรดามุอฺมิน
ให้พวกเขาลดสายตาของพวกเขาลงต่ำ
และให้พวกเขารักษาทวารของพวกเขา
นั่นเป็นการบริสุทธิ์ยิ่งแก่พวกเขา
แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเขากระทำ
[24:31]
และจงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
แก่บรรดามุอฺมินะฮ์
ให้พวกเธอลดสายตาของพวกเธอลงต่ำ
และให้พวกเธอรักษาทวารของพวกเธอ
และอย่าเปิดเผยเครื่องประดับของพวกเธอเว้นแต่สิ่งที่พึงเปิดเผยได้
และให้เธอปิดด้วยผ้าคลุมศีรษะของเธอลงมาถึงหน้าอกของเธอ
และอย่าให้เธอเปิดเผยเครื่องประดับของพวกเธอเว้นแต่แก่สามีของพวกเธอ
หรือบิดาของพวกเธอ
หรือบิดาของสามีของพวกเธอ
หรือลูกชายของพวกเธอ
หรือลูกชายของสามีของพวกเธอ
หรือพี่ชายน้องชายของพวกเธอ
หรือลูกชายของพี่ชายน้องชายของพวกเธอ
หรือลูกชายของพี่สาวน้องสาวของพวกเธอ
หรือพวกผู้หญิงของพวกเธอ
หรือที่มือขวาของพวกเธอครอบครอง
(ทาสและทาสี)
หรือคนใช้ผู้ชายที่ไม่มีความรู้สึกทางเพศ
หรือเด็กที่ยังไม่รู้เรื่องเพศสงวนของผู้หญิง
และอย่าให้เธอกระทืบเท้าของพวกเธอเพื่อให้ผู้อื่นรู้สิ่งที่พวกเธอควรปกปิดในเครื่องประดับของพวกเธอ
และพวกเจ้าทั้งหลายจงขอลุแก่โทษต่ออัลลอฮ์เถิด
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย
เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับชัยชนะ
[24:32]
และจงให้พวกเจ้าแต่งงานกับผู้เป็นโสดในหมู่พวกเจ้า
และกับคนดีๆจากปวงบ่าวผู้ชายของพวกเจ้า
และบ่าวผู้หญิงของพวกเจ้า
หากพวกเขายากจน
อัลลอฮ์จะทรงให้พวกเขาร่ำรวยขึ้นจากความโปรดปรานของพระองค์
และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงไพบูลย์
ผู้ทรงรอบรู้
[24:33]
และบรรดาผู้ที่ยังไม่มีโอกาสแต่งงาน
ก็จงให้เขาข่มความใคร่จนกว่าอัลลอฮ์จะทรงให้พวกเขาร่ำรวยขึ้นจากความโปรดปรานของพระองค์
และบรรดาผู้ที่ต้องการจะไถ่ตัวให้เป็นอิสระจากผู้ที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครอง
พวกเจ้าจงทำสัญญากับพวกเขาหากพวกเจ้ารู้ว่าเป็นการดีกับพวกเขา
และจงบริจาคแก่พวกเขาซึ่งทรัพทย์สมบัติของอัลลอฮ์ที่พระองค์ทรงประทานแก่พวกเจ้า
และพวกเจ้าอย่าบังคับบรรดาทาสีของพวกเจ้าให้ผิดประเวณีหากนางประสงค์จะอยู่อย่างบริสุทธิ์แต่พวกเจ้าต้องการผลประโยชน์แห่งการดำรงชีวิตในโลกนี้
และผู้ใดบังคับพวกนางเช่นนั้น
ดังนั้นหลังจากการบังคับพวกนาง
แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัย
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[24:34]
และโดยแน่นอน
เราได้ประทานโองการต่างๆอันชัดแจ้งแก่พวกเจ้าแล้ว
และอุทาหรณ์จากบรรดาผู้ได้ล่วงลับไปก่อนพวกเจ้า
และข้อตักเตือนแก่บรรดาผู้ยำเกรง
[24:35]
อัลลอฮ์ทรงเป็นดวงประทีปแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน
อุปมาดวงประทีปของพระองค์เสมือนดังช่องตามผนังที่มีตะเกียง
ตะเกียงนั้นอยู่ในโคมแก้ว
โคมแก้วเป็นเสมือนดวงดาวที่ประกายแสง
ถูกจุดจากน้ำมันของต้นไม้ที่มีความจำเริญคือต้นมะกอก
มันมิได้อยู่ทางตะวันออกและมิได้อยู่ทรงตะวันตก
น้ำมันของมันแทบประกายแสงออกมาแม้นว่าไฟมิได้ไปกระทบมัน
ดวงประทีปซ้อนดวงประทีป
อัลลอฮ์ทรงนำทางด้วยดวงประทีปของพระองค์แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
และอัลลอฮ์ทรงยกอุทาหรณ์ทั้งหลายนี้เพื่อมนุษยชาติ
และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง
[24:36]
ในบรรดาบ้าน
(หมายถึงมัสญิด)
อัลลอฮ์ทรงอนุญาตให้เทิดพระเกียรติและให้พระนามของพระองค์ถูกรำลึกอยู่เสมอเพื่อที่จะแซ่ซ้องสดุดีแด่พระองค์ทั้งในยามเช้าและยามพลบค่ำ
[24:37]
บรรดาชายผู้ที่การค้าและการขายมิได้ทำให้พวกเขาหันห่างออกจากการรำลึกถึงอัลลอฮ์
และการดำรงนมาซ
และการจ่ายซะกาตเพราะพวกเขากลัววันที่หัวใจและสายตาจะเหลือกลานในวันนั้น
[24:38]
เพื่ออัลลอฮ์จะทรงตอบแทนพวกเขาอย่างดีเยี่ยมตามที่พวกเขาได้กระทำไว้
และพระองค์จะทรงเพิ่มให้พวกเขาอีกจากความโปรดปรานของพระองค์
และอัลลอฮ์ทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์โดยปราศจากการคำนวณ
[24:39]
และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น
การงานของพวกเขาเปรียบเสมือนภาพลวงตาในที่ราบโล่งเตียน
คนกระหายน้ำคิดว่ามันเป็นแอ่งน้ำ
เมื่อพวกเขามาถึงมันเขาจะไม่พบสิ่งใดเลย
แต่เขาได้พบอัลลอฮ์ทรงอยู่ประจันหน้าเขา
แล้วพระองค์ทรงตอบแทนบัญชีการงานของเขาอย่างครบถ้วน
และอัลลอฮ์นั้นทรงเป็นผู้รีบเร่งในการตอบแทน
[24:40]
หรือเปรียบเสมือนความมืดมนทั้งหลายในท้องทะเลลึก
มีคลื่นซ้อนคลื่นท่วมมิดตัวเขา
และเบื้องบนของมันก็มีเมฆหนาทึบซ้อนกันชั้นแล้วชั้นเล่า
เมื่อเขาเอามือของเขาออกมา
เขาแทบจะมองไม่เห็นมัน
และผู้ใดที่อัลลอฮ์ไม่ทรงทำให้เขาได้รับแสงสว่าง
เขาก็จะไม่ได้รับแสงสว่างเลย
[24:41]
เจ้ามิเห็นดอกหรือว่า
แท้จริงอัลลอฮ์นั้น
ผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน
และนกที่กางปีกอยู่ต่างก็แซ่ซ้องสดุดีพระองค์
ทั้งหมดนั้นต่างก็รู้การสวดขอพรของเขาและการแซ่ซ้องสดุดีของเขา
และอัลลอฮ์ทรงรอบรู้ในสิ่งที่พวกเขากระทำ
[24:42]
และอำนาจอันเด็ดขาดแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์
และยังอัลลอฮ์คือจุดหมายปลายทาง
[24:43]
เจ้ามิได้เห็นดอกหรือว่า
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงให้เมฆลอย
แล้วทรงทำให้ประสานตัวกัน
แล้วทรงทำให้รวมกันเป็นกลุ่มก้อน
แล้วเจ้าก็จะเห็นฝนโปรยลงมาจากกลุ่มเมฆนั้น
และพระองค์ทรงให้มันตกลงมาจากฟากฟ้ามีขนาดเท่าภูเขา
ในนั้นมีลูกเห็บ
แล้วพระองค์จะทรงให้มันหล่นลงมาโดนผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
และพระองค์จะทรงให้มันผ่านพ้นไปจากผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
แสงประกายของสายฟ้าแลบเกือบจะเฉี่ยวสายตาผู้มอง
[24:44]
อัลลอฮ์ทรงให้กลางคืนและกลางวันหมุนเวียนกลับไปกลับมา
แท้จริงในลักษณะเช่นนั้น
แน่นอนมันเป็นข้อตักเตือนสติแก่ผู้มีสายตาพิจารณา
[24:45]
และอัลลอฮ์ทรงให้บังเกิดสิ่งมีชีวิตทุกชนิดจากน้ำ
ดังนั้นในหมู่พวกมัน
มันจะเคลื่อนย้ายด้วยท้องของมัน
และในหมู่พวกมัน
มันจะเดินด้วยเท้าทั้งสอง
และในหมู่พวกมัน
มันจะเดินด้วยเท้าทั้งสี่
อัลลอฮ์ทรงบังเกิดสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง
[24:46]
โดยแน่นอน
เราได้ประทานโองการต่างๆอันชัดแจ้ง
และอัลลอฮ์ทรงชี้แนะทางแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ยังทางที่เที่ยงตรง
[24:47]
และพวกเขากล่าวกันว่า
เราศรัทธาต่ออัลลอฮ์และอัรรอซูล
และเราเชื่อฟังปฏิบัติตาม
แล้วส่วนหนึ่งจากพวกเขาก็หันหลังกลับไปหลังจากนั้น
และพวกเหล่านั้นมิใช่ผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง
[24:48]
และเมื่อพวกเขาถูกเรียกร้องไปสู่อัลลอฮ์และรอซูลของพระองค์เพื่อให้ตัดสินระหว่างพวกเขา
เมื่อนั้นฝ่ายหนึ่งจากพวกเขาพากันผินหลังให้
[24:49]
และหากว่าความจริงอยู่ข้างพวกเขาแล้ว
พวกเขาจะรีบมาหาเขา
(มุฮัมมัด)
อย่างนอบน้อม
[24:50]
ในหัวใจของพวกเขามีโรคกระนั้นหรือ
หรือว่าพวกเขาสงสัย
หรือว่าพวกเขากลัวว่าอัลลอฮ์และรอซูลของพระองค์จะลำเอียงออกจากพวกเขา
หามิได้
พวกเขาเหล่านี้เป็นผู้อธรรมต่างหาก
[24:51]
แท้จริงคำกล่าวของบรรดาผู้ศรัทธาเมื่อพวกเขาถูกเรียกร้องไปสู่อัลลอฮ์และรอซูลของพระองค์เพื่อให้ตัดสินระหว่างพวกเขา
พวกเขาจะกล่าวว่า
เราได้ยินแล้ว
และเราเชื่อฟังปฏิบัติตาม
และชนเหล่านี้พวกเขาเป็นผู้ประสบความสำเร็จ
[24:52]
และผู้ใดเชื่อฟังปฏิบัติตามอัลลอฮ์และรอซูลของพระองค์
และเกรงกลัวอัลลอฮ์และยำเกรงพระองค์แล้ว
ดังนั้นชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นผู้ได้รับชัยชนะ
[24:53]
และพวกเขาได้สาบานด้วยพระนามของอัลลอฮ์โดยการสาบานอย่างแข็งขันของพวกเขาว่าหากเจ้ามีคำสั่งแก่พวกเขา
แน่นอนพวกเขาก็จะออกไป
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
พวกเจ้าอย่าสาบานเลย
การเชื่อฟัง
(ของพวกเจ้านั้น)
เป็นที่รู้กันดี
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงรู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
[24:54]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
พวกเจ้าจงเชื่อฟังปฏิบัติตามอัลลอฮ์
และจงเชื่อฟังปฏิบัติตามอัรรอซูล
หากพวกเขาผินหลังให้
แท้จริงหน้าที่ของเขา
(รอซูล)
คือสิ่งที่ได้ถูกมอบหมาย
และหน้าที่ของพวกเจ้าคือสิ่งที่ได้ถูกมอบหมายเช่นกัน
และหากพวกเจ้าเชื่อฟังปฏิบัติตามเขาแล้ว
พวกเจ้าก็จะอยู่ในทางที่ถูกต้อง
(ฮิดายะฮ์)
และหน้าที่ของอัรรอซูลไม่มีอื่นใดนอกจากการเผยแพร่อันชัดแจ้ง
[24:55]
อัลลอฮ์ทรงสัญญากับบรรดาผู้ศรัทธาในหมู่พวกเจ้าและบรรดาผู้กระทำความดีทั้งหลายว่า
แน่นอนพระองค์จะทรงให้พวกเขาเป็นตัวแทนสืบช่วงแผ่นดินเสมือนดังที่พระองค์ทรงให้บรรดาชนก่อนพวกเขาเป็นตัวแทนสืบช่วงมาก่อนแล้ว
และพระองค์จะทรงทำให้ศาสนาของพวกเขาซึ่งพระองค์ทรงโปรดปรานเป็นที่มั่นคงเป็นเกียรติแก่พวกเขา
และแน่นอนพระองค์จะทรงเปลี่ยนแปลงให้พวกเขาได้รับความปลอดภัยหลังจากความกลัวของพวกเขาโดยที่พวกเขาจะต้องเคารพภักดีข้า
ไม่ตั้งภาคีอื่นใดต่อข้า
และผู้ใดปฏิเสธศรัทธาหลังจากนั้น
ชนเหล่านั้นพวกเขาคือผู้ฝ่าฝืน
[24:56]
และพวกเจ้าจงดำรงการละหมาด
และจงบริจาคอัซซะกาฮ์
และจงเชื่อฟังปฏิบัติตามอัรรอซูล
เพื่อพวกเจ้าจะได้รับความเมตตา
[24:57]
และเจ้า
(มุฮัมมัด)
อย่าคิดว่าบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้นพวกเขาจะรอดพ้นไปในแผ่นดินนี้
และที่พำนักของพวกเขาคือไฟนรก
และมันเป็นทางกลับที่ชั่วช้า
[24:58]
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย
จงให้บรรดาผู้ที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครองและบรรดาผู้ที่ยังไม่บรรลุศาสนภาวะในหมู่พวกเจ้า
ขออนุญาตพวกเจ้าสามเวลาคือ
ก่อนเวลาละหมาดฟัจญริ
และเวลาพวกเจ้าเปลื้องเสื้อผ้าในเวลากลางวัน
และหลังจากเวลาละหมาดอิชาอฺ
ทั้งสามนี้เป็นเวลาส่วนตัวสำหรับพวกเจ้า
หลังจากนี้แล้วไม่เป็นที่น่าตำหนิแก่พวกเจ้าและแก่พวกเขา
เพราะพวกเขาวนเวียนรับใช้บางคนในหมู่พวกเจ้า
เช่นนั้นแหละอัลลอฮ์ทรงชี้แจงโองการทั้งหลายให้เป็นที่ชัดแจ้งแก่พวกเจ้า
และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[24:59]
และเมื่อเด็กๆในหมู่พวกเจ้าบรรลุศาสนภาวะ
ก็จงให้พวกเขาขออนุญาตเช่นเดียวกับบรรดาชนก่อนหน้าพวกเขาได้ขออนุญาต
เช่นนั้นแหละอัลลอฮ์ทรงชี้แจงโองการทั้งหลายของพระองค์ให้เป็นที่ชัดแจ้งแก่พวกเจ้า
และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[24:60]
และบรรดาหญิงวัยชราซึ่งพวกนางไม่ปรารถนาที่จะสมรสแล้ว
ไม่เป็นที่น่าตำหนิแก่พวกนางที่จะเปลื้องเสื้อผ้าของนางออกโดยไม่เปิดเผยส่วนงดงาม
และหากพวกนางงดเว้นเสียก็จะเป็นการดีแก่พวกนาง
และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงได้ยิน
ผู้ทรงรอบรู้
[24:61]
ไม่เป็นการลำบากใจอันใดแก่คนตาบอด
และไม่เป็นการลำบากใจอันใดแก่คนพิการ
และไม่เป็นการลำบากใจอันใดแก่คนป่วย
และไม่เช่นกันแก่ตัวของพวกเจ้าที่จะรับประทานที่บ้านของพวกเจ้า
หรือบ้านของพ่อๆของพวกเจ้า
หรือบ้านของแม่ๆของพวกเจ้า
หรือบ้านของพี่ชายน้องชายของพวกเจ้า
หรือบ้านของพี่สาวน้องสาวของพวกเจ้า
หรือบ้านของลุง
อาของพวกเจ้า
หรือบ้านของป้า
อาสาวของพวกเจ้า
หรือบ้านของลุง
น้าของพวกเจ้า
หรือบ้านของป้า
น้าสาวของพวกเจ้า
หรือบ้านที่พวกเจ้าครอบครองกุญแจของมัน
หรือบ้านของเพื่อนๆของพวกเจ้า
ไม่เป็นการลำบากใจอันใดแก่พวกเจ้าที่จะร่วมรับประทานกันเป็นหมู่หรือแยกกัน
เมื่อพวกเจ้าเข้าไปในบ้านก็จงกล่าวสลามให้แก่ตัวของพวกเจ้าเอง
เป็นการคำนับอันจำเริญยิ่งจากอัลลอฮ์
เช่นนั้นแหละ
อัลลอฮ์ทรงชี้แจงโองการทั้งหลายให้เป็นที่ชัดแจ้งแก่พวกเจ้าเพื่อพวกเจ้าจะได้ใช้สติปัญญาพิจารณา
[24:62]
แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธา
(ที่แท้จริง)
นั้นคือ
บรรดาผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์และรอซูลของพระองค์
เมื่อเมื่อพวกเขามารวมกันอยู่กับเขา
(มุฮัมมัด)
ในกิจการที่สำคัญ
พวกเขาจะไม่ผละออกไปจนกว่าพวกเขาจะขออนุญาตจากเขา
(มุฮัมมัด)
เสียก่อน
แท้จริงบรรดาผู้ที่ขออนุญาตต่อเจ้านั้น
เขาเหล่านั้นคือ
บรรดาผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์และรอซูลของพระองค์
ดังนั้น เมื่อพวกเขาอนุญาตต่อเจ้าเพื่อกิจการบางอย่างของพวกเขาแล้ว
ก็จงอนุญาตแก่ผู้ที่เจ้าพึงประสงค์ในหมู่พวกเขาเถิด
และจงขออภัยต่ออัลลอฮ์ให้แก่พวกเขา
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงเป็นผู้อภัย
ผู้เมตตาเสมอ
[24:63]
พวกเจ้าอย่าทำให้การเรียกร้องอัลร่อซู้ลในหมู่พวกเจ้า
เป็นเช่นเดียวกับการเรียกร้องในระหว่างพวกเจ้าด้วยกัน
แน่นอน
อัลลอฮ์ทรงรู้บรรดาผู้ที่แอบหลีกเลี่ยงออกไปในหมู่พวกเจ้า
ดังนั้น
บรรดาผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งของเขา
หรือว่าการลงโทษอันเจ็บปวดนั้นจะเกิดขึ้นแก่พวกเขาเช่นกัน
[24:64]
พึงรู้เถิดว่า
แท้จริงสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้น
เป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์
แน่นอน
อัลลอฮ์ทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเจ้ามีสภาพเป็นอยู่
และวันที่พวกเขาจะถูกนำกลับไปสู่พระองค์
ดังนั้น
พระองค์จะทรงแจ้งแก่พวกเขาในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้
และอัลลอฮ์ทรงเป็นที่รอบรู้ทุกสิ่ง
Al-Furqân
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[25:1]
ความจำเริญยิ่งแด่พระองค์
ผู้ทรงประทานอัลฟุรกอน
แก่บ่าวของพระองค์
(มุฮัมมัด) เพื่อเขาจะได้เป็นผู้ตักเตือนแก่ปวงบ่าวทั้งมวล
[25:2]
สำหรับพระองค์
เป็นผู้ครอบครองบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน
และพระองค์จะไม่ตั้งผู้ใดเป็นพระบุตร
และสำหรับพระองค์นั้น
ไม่มีหุ้นส่วนร่วมกับพระองค์ในการครองอำนาจ
และพระองค์ทรงให้บังเกิดทุกสิ่ง
แล้วทรงกำหนดมันให้เป็นไปตามกฎสภาวะ
[25:3]
พวกเขาได้เคารพบูชาพระเจ้าอื่น
ๆ จากพระองค์
โดยที่พระเจ้าเหล่านั้นมิได้สร้างสิ่งใดทั้ง
ๆ
ที่พวกเขาถูกสร้างขึ้นมา
และพวกเขาไม่มีอำนาจที่จะให้โทษและให้คุณแก่ตัวเองได้
และพวกเขาไม่มีอำนาจควบคุมความตายและความเป็นและการฟื้นคืนชีพ
[25:4]
และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธากล่าวว่า
แท้จริงอัลกุรอานนี้มิใช่อันใด
นอกจากการโกหกที่มุฮัมมัดได้กุขึ้นเอง
และหมู่ชนอื่น
ๆ
ได้ช่วยเขาในเรื่องนี้
ดังนั้น
แน่นอนพวกเขาได้นำมาซึ่งความอยุติธรรมและการโกหก
[25:5]
และพวกเขา
กล่าวว่า
อัลกุรอานเป็นนิยามของประชาชาติสมัยก่อน
ๆ
ที่เขียนกันขึ้น
แล้วถูกนำมาอ่านให้ขึ้นใจ
ทั้งเวลาเช้าและเวลาเย็น
[25:6]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
ผู้ทรงรอบรู้ความลับในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นผู้ประทานมันลงมา
แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงอภัย
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[25:7]
และพวกเขากล่าวว่า
อะไรกันกับร่อซู้ลคนนี้
!
เขากินอาหารและเดินในตลาด
ทำไมจึงไม่มีมะลักถูกส่งมากับเขา
เพื่อจะได้เป็นผู้ตักเตือนร่วมกับเขา
[25:8]
หรือมีคลังสมบัติถูกโยนลงมาให้เขาหรือให้เขามีสวนแห่งหนึ่ง
เพื่อเขาจะได้กินสิ่งที่มีอยู่ในนั้นจากมัน
และบรรดาผู้อธรรมกล่าวขึ้นว่า
พวกท่านมิได้ปฏิบัติตามผู้ใด
นอกจากชายผู้ถูกอาคมเท่านั้น
[25:9]
จงดูเถิด
!
พวกเขาได้เปรียบเปรยตัวอย่างต่าง
ๆ แก่เจ้า (มุฮัมมัด)
อย่างไร? พวกเขาจึงหลงทางแล้วพวกเขาก็ไม่สามารถจะพบทางแห่งความจริงได้
[25:10]
ความจำเริญยิ่งแด่พระองค์
ผู้ซึ่งหากพระองค์ทรงประสงค์จะให้เจ้ามีดียิ่งกว่านั้น
คือ
มีสวนหลากหลาย
ณ
เบื้องล่างมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน
และทรงให้เจ้ามีวังหลายหลัง
[25:11]
แต่ว่าพวกเขาปฏิเสธวันอวสาน
และเราได้เตรียมไฟอันร้อนแรงไว้สำหรับผู้ปฏิเสธวันอวสาน
[25:12]
เมื่อนรกญะฮันนัมเห็นพวกเขาจากที่ไกล
ๆ พวกเขาจะได้ยินเสียงคุไหม้และเสียงเดือดพล่านของมัน
[25:13]
และเมื่อพวกเขาถูกโยนลงไปในสถานที่แคบ
ในสภาพที่ถูกมัดมือติดกับลำคอ
ณ ที่นั้นพวกเขาจะวิงวอนขอความพินาศให้แก่ตัวเขา
[25:14]
ในวันนี้เจ้าอย่าได้วิงวอนขอความพินาศเพียงครั้งเดียว
แต่จงวิงวอนขอความพินาศหลาย
ๆ ครั้ง
[25:15]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
สิ่งนั้นดีกว่าหรือว่าสวนสวรรค์ชั่วนิรันดร์
ที่บรรดาผู้ยำเกรงถูกสัญญาไว้ว่า
สำหรับพวกเขาจะได้รับการตอบแทนและทางกลับที่ดี
[25:16]
สำหรับพวกเขาในสวนสวรรค์นั้น
จะได้รับสิ่งที่พวกเขาประสงค์
โดยพำนักอยู่ตลอดกาลมันเป็นสัญญาที่ถูกวอนขอต่อพระเจ้าของเจ้า
[25:17]
และวันที่พระองค์ทรงรวบรวมพวกเขาและบรรดาผู้ที่พวกเขาเคารพภักดีอื่นจากอัลลอฮและพระองค์ตรัสขึ้นว่า
พวกเจ้าทำให้บรรดาบ่าวของข้าเหล่านั้นหลงทางกระนั้นหรือ? หรือว่าพวกเขาหลงทางกันเอง?
[25:18]
พวกเขากล่าวว่า
มหาบริสุทธิ์พระองค์ท่าน
ไม่เป็นการบังควรแก่พวกเรา
ที่พวกเราจะยึดถือผู้คุ้มครองอื่น
ๆ
นอกจากพระองค์
แต่ทว่าพระองค์ได้ทรงประทานปัจจัยให้แก่พวกเขา
และบรรพบุรุษของพวกเขา
จนกระทั่งพวกเขาได้ลืมต่อการรำลึก
และพวกเขาได้เป็นหมู่ชนที่วิบัติ
[25:19]
แน่นอน
พวกเขาได้ปฏิเสธพวกเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้ากล่าว
ดังนั้น
พวกเจ้าจึงไม่สามารถเลี่ยงมิให้มีการลงโทษ
และไม่สามารถจะให้ความช่วยเหลือได้
และผู้ใดในหมู่พวกเจ้ากระทำผิดเราจะให้เขาลิ้มรสการลงโทษอันมหันต์
[25:20]
และเรามิได้ส่งคนใดจากบรรดาร่อซู้ลก่อนหน้าเจ้า
นอกจากพวกเขาจะรับประทานอาหารอย่างสามัญชน
และเดินท่องไปในตลาด
และเราได้ทำให้บางคนในพวกเจ้าเป็นการทดสอบแก่อีกบางคน
เพื่อดูว่าพวกเจ้าจะอดทนไหม? และพระเจ้าของเจ้านั้นทรงเห็นทุกอย่าง