PART 19
[25:21]
และบรรดาผู้ที่ไม่หวังจะพบเรากล่าวว่า
ไฉนเล่ามลาอิกะฮ์จึงไม่ถูกส่งลงมายังพวกเราหรือเราไม่เห็นพระเจ้าของเรา
แน่นอน
พวกเขาหยิ่งยะโสในตัวของพวกเขา
และพวกเขาได้ละเมิดขอบเขตอย่างมาก
[25:22]
วันที่พวกเขาเห็นมลาอิกะฮ์
ในวันนั้นจะไม่มีข่าวดีสำหรับบรดาผู้กระทำความผิด
และมลาอิกะฮ์จะกล่าวว่า
สวรรค์จะถูกห้ามอย่างเด็ดขาดสำหรับพวกเขา
[25:23]
และเรามุ่งสู่ส่วนหนึ่งของการงานที่พวกเขาได้ปฏิบัติไป
แล้วเราจะทำให้มันไร้คุณค่ากลายเป็นละอองฝุ่นที่ปลิวว่อน
[25:24]
ชาวสวนสวรรค์ในวันนั้นจะอยู่ในที่พำนักอันดี
และที่พักผ่อนอันสบายยิ่ง
[25:25]
และวันที่ท้องฟ้าจะแตกออกจากก้อนเมฆ
และมลาอิกะฮ์จะถูกส่งทะยอยลงมา
[25:26]
ในวันนั้น
อำนาจอันแท้จริงเป็นสิทธิ์ของพระผู้ทรงกรุณาปรานี
และมันเป็นวันที่ลำบากแก่ผู้ปฏิเสธศรัทธา
[25:27]
และวันที่ผู้อธรรมจะกัดมือของเขาแล้วจะกล่าวว่า
โอ้ !
ถ้าฉันได้ยึดแนวทางร่วมกับร่อซู้ลก็จะเป็นการดี
[25:28]
โอ้ความวิบัติแก่ฉัน
!
หากฉันไม่คบคนนั้นเป็นเพื่อน
[25:29]
แน่นอน
เขาได้ทำให้ฉันหลงผิดจากการตักเตือน
หลังจากที่มันได้มีมายังฉัน
และชัยฏอนมารร้ายนั้น
มันเป็นผู้เหยียดหยามมนุษย์เสมอ
[25:30]
และร่อซู้ลได้กล่าวว่า
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์
แท้จริงชนชาติของข้าพระองค์ได้ยึดเอาอัลกุรอานนี้เป็นที่ทอดทิ้งเสียแล้ว
[25:31]
และเช่นนั้นแหละ
เราได้ทำให้มีศัตรูผู้กระทำผิดแก่นบีทุกคน
และพอเพียงแล้วที่พระเจ้าของเจ้าเป็นผู้แนะทางฮิดายะฮ
และทรงเป็นผู้ช่วยเหลือ
[25:32]
และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา
กล่าวว่า
ทำไมอัลกุรอานจึงไม่ถูกประทานลงมาแก่เขาครั้งเดียวกันทั้งหมด? เช่นนั้นแหละ
เพื่อเราจะทำให้หัวใจของเจ้ามั่นคงหนักแน่น
และเราได้จัดให้มันเป็นระเบียบเรียบร้อย
[25:33]
และพวกเขาจะไม่นำข้อเปรียบเทียบ
(ข้อสงสัย) ใด
ๆ มายังเจ้า
เว้นแต่เราจะได้นำความจริงมาให้เจ้า
และการอธิบายอย่างดียิ่ง
[25:34]
บรรดาผู้ที่ถูกลากให้มาชุมนุมกัน
จะใช้ใบหน้าของพวกเขาเดินไปยังนรกญะฮันนัม
ชนเหล่านั้นจะอยู่ในสถานที่ที่เลว
และหลงทางยิ่ง
[25:35]
และแน่นอน
เราได้ประทานคัมภีร์
(เตารอฮ) แก่มูซา
และเราได้ให้พี่ชายของเขาคือฮารูนเป็นผู้ช่วยเหลือ
[25:36]
แล้วเราได้กล่าวว่า
เจ้าทั้งสองจงออกไปยังหมู่ชนที่ปฏิเสธ
ไม่เชื่อโองการทั้งหลายของเรา
และเราได้ทำลายพวกเขาอย่างพินาศย่อยยับ
[25:37]
และหมู่ชนของนูห
เมื่อพวกเขาปฏิเสธไม่เชื่อฟังบรรดาร่อซู้ล
เราได้ให้พวกเขาจมน้ำตายและเราได้ทำให้พวกเขาเป็นสัญญาณหนึ่งแก่มนุษยชาติ
และเราได้เตรียมการลงโทษอย่างเจ็บปวดไว้สำหรับบรรดาผู้อธรรม
[25:38]
และเราได้ทำลายพวกอ๊าด
และพวกษะมูด
และชาวบ่อน้ำ
และชนชาติอีกมากมายระหว่างนั้น
[25:39]
และชนชาติแต่ละสมัยเราได้นำหลักฐานมาชี้แจงแก่เขา
และชนชาติแต่ละสมัยนั้นเราก็ได้ทำลายอย่างสิ้นซาก
[25:40]
และแน่นอน
พวกเขาได้ผ่านมายังหมู่บ้านซึ่งถูกทำลายโดยก้อนหินจากฟากฟ้า
แล้วพวกเขาไม่เห็นมันดอกหรือ? เปล่าหรอก
!
พวกเขาไม่หวังที่จะกลับคืนชีพอีกต่างหาก
[25:41]
และเมื่อพวกเขาเห็นเจ้า
(มุฮัมมัด)
พวกเขาก็จะไม่ถือเอาเจ้าเป็นอย่างอื่น
นอกจากเพื่อเป็นที่ล้อเลียน
นี่หละหรือที่อัลลอฮทรงส่งมาให้เป็นร่อซู้ล?
[25:42]
เขาเกือบจะทำให้พวกเราหลงทางไปจาก
(การสักการะบูชา)
บรรดาพระเจ้าของเรา
หากว่าเราไม่อดทนยึดมั่นต่อพระเจ้าเหล่านั้น
และพวกเขาจะรู้เมื่อพวกเขาได้พบเห็นการลงโทษว่าผู้ใดจะหลงทางกันแน่
[25:43]
เจ้าไม่เห็นดอกหรือ
ผู้ที่ยึดเอาอารมณ์ต่ำของเขาเป็นพระเจ้าของเขา
แล้วเจ้าจะเป็นผู้คุ้มครองเขากระนั้นหรือ?
[25:44]
หรือเจ้าจะคิดว่า
ส่วนใหญ่ของพวกเขาจะได้ยินหรือหรือใช้สติปัญญา
พวกเขามิใช่อื่นใดดอก
นอกจากเป็นเช่นปศุสัตว์
ยิ่งไปกว่านั้น
พวกเขายังจะหลงทางเสียอีก
[25:45]
เจ้ามิได้พิจารณายัง
(อานุภาพแห่ง)
พระเจ้าของเจ้าดอกหรือว่า
พระองค์ทรงแผ่เงาออกอย่างไร
และหากพระองค์ทรงประสงค์
แน่นอนพระองค์จะทรงทำให้มันหยุดนิ่ง
แล้วเราได้ทำให้ดวงอาทิตย์เป็นสัญญาณหนึ่งในการนี้
[25:46]
แล้วเราได้ให้เงาสูญสิ้นไปยังเราทีละน้อย
ๆ
[25:47]
และพระองค์คือผู้ทรงทำให้กลางคืนเป็นอาภรณ์สำหรับพวกเจ้า
และให้การนอนเป็นการพักผ่อน
และทำให้กลางวันเป็นการเคลื่อนไหว
[25:48]
และพระองค์คือผู้ส่งลม
เป็นการนำข่าวดีล่วงหน้า
ท่ามกลางความเมตตาของพระองค์และเราได้ประทานน้ำบริสุทธิ์ลงมาจากฟากฟ้า
[25:49]
เพื่อเราจะให้มีชีวิตด้วยมัน
(น้ำ) แก่แผ่นดินที่แห้งแล้ง
และเราจะให้สิ่งที่เราสร้างมันขึ้นมา
เช่น
ปศุสัตว์
และมนุษย์มากมาย
ดื่มมัน
[25:50]
และโดยแน่นอน
เราได้ชี้แจงมัน
(อัลกุรอาน)
ระหว่างพวกเขา
เพื่อพวกเขาจะได้พิจารณาแต่ส่วนมากของมนุษย์ไม่ยอมรับ
นอกจากการดื้อดึงและปฏิเสธ
[25:51]
และหากเราประสงค์
แน่นอนเราก็จะส่งผู้ตักเตือนไปยังทุก
ๆ เมือง
[25:52]
ดังนั้น
เจ้าอย่าเชื่อฟังพวกปฏิเสธศรัทธาและจงต่อสู้ดิ้นรนกับพวกเขาด้วยมัน
(อัลกุรอาน)
โดยการต่อสู้ดิ้นรนอันยิ่งใหญ่
[25:53]
และพระองค์คือผู้ทรงทำให้ทะเลทั้งสองบรรจบติดกัน
อันนี้จืดสนิทและอันนี้เค็มจัดและทรงทำที่คั่นระหว่างมันทั้งสอง
และที่กั้นขวางอันแน่นหนา
[25:54]
และพระองค์คือผู้ทรงบังเกิดมนุษย์จากน้ำ
(อสุจิ)
และทรงทำให้มีเชื้อสายและเครือญาติและพระเจ้าของเจ้านั้นเป็นผู้ทรงอานุภาพ
[25:55]
และพวกเขาเคารพอิบาดะฮอื่นจากอัลลอฮซึ่งมันไม่ให้คุณแก่พวกเขาและไม่ให้โทษแก่พวกเขา
และผู้ปฏิเสธศรัทธานั้นเป็นผู้ช่วยเหลือ
(ชัยฏอน)
ให้ฝ่าฝืนพระเจ้าของเขา
[25:56]
และเรามิได้ส่งเจ้ามาเพื่ออื่นใด
นอกจากเป็นผู้แจ้งข่าวดีและผู้ตักเตือน
[25:57]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
ฉันมิได้ขอค่าจ้างจากพวกท่านในการเผยแพร่
เว้นแต่ว่าผู้ใดประสงค์ก็ให้เขายึดเป็นแนวทางไปสู่พระเจ้าของเขา
[25:58]
และเจ้าจงมอบหมายต่อพระผู้ทรงดำรงชีวิตตลอดกาล
ไม่ตาย
และจงแซ่ซร้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระองค์
และพอเพียงแล้วสำหรับพระองค์
ผู้ทรงรอบรู้ในความผิดทั้งหลายของปวงบ่าวของพระองค์
[25:59]
พระผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและสิ่งที่มีอยู่ในระหว่างทั้งสองนั้น
ในระยะ 6
วัน
แล้วพระองค์ทรงสถิตย์อยู่บนบัลลังก์
พระผู้ทรงกรุณาปรานี
ดังนั้นจงถามผู้รู้เกี่ยวกับพระองค์
[25:60]
และเมื่อได้ถูกกล่าวแก่พวกเขาว่า
จงสุญูดต่อพระผู้ทรงกรุณาปรานี
พวกเขาได้กล่าวว่า
ใครคือพระผู้ทรงกรุณาปรานี
จะให้เราสุญูดตามที่ท่านสั่งเรากระนั้นหรือ? และมันได้เพิ่มการหันห่างออกไปแก่พวกเขา
[25:61]
ความจำเริญยิ่งแด่พระผู้ทรงทำให้ชั้นฟ้ามีหมู่ดวงดาว
และได้ทรงทำให้มีตะเกียง
ในนั้นและดวงจันทร์มีแสงนวล
[25:62]
และพระองค์คือผู้ทรงบันดาลให้มีกลางคืนและกลางวัน
หมุนเวียนแทนที่กัน
สำหรับผู้ที่ปรารถนาจะใคร่ครวญ
หรือปรารถนาจะขอบคุณ
[25:63]
และปวงบ่าวของพระผู้ทรงกรุณาปรานีคือ
บรรดาผู้ที่เดินบนแผ่นดินด้วยความสงบเสงี่ยมและเมื่อพวกโง่เขลากล่าวทักทายพวกเขา
พวกเขาจะกล่าว
ศานติ
หรือสลาม
[25:64]
และบรรดาผู้ใช้เวลากลางคืนทำการสุญูดและยืน
(ละหมาด)
เพื่อพระเจ้าของพวกเขา
[25:65]
และบรรดาผู้ที่กล่าวว่า
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของเรา
ขอพระองค์ทรงปัดเป่าการลงโทษของนรกให้พ้นไปจากเรา
แท้จริงการลงโทษของมันนั้นคงอยู่ตลอดกาล
[25:66]
แท้จริงมันเป็นที่อยู่และที่พำนักอันเลวร้ายยิ่ง
[25:67]
และบรรดาผู้ที่เมื่อพวกเขาใช้จ่าย
พวกเขาก็ไม่สุรุ่ยสุร่าย
และไม่ตระหนี่
และระหว่างทั้งสองสภาพนั้นพวกเขาอยู่สายกลาง
[25:68]
และบรรดาผู้ที่ไม่วิงวอนขอพระเจ้าอื่นใดคู่เคียงกับอัลลอฮ
และพวกเขาไม่ฆ่าชีวิตซึ่งอัลลอฮทรงห้ามไว้
เว้นแต่เพื่อความยุติธรรม
และพวกเขาไม่ผิดประเวณี
และผู้ใดกระทำเช่นนั้น
เขาจะได้พบกับความผิดอันมหันต์
[25:69]
การลงโทษในวันกิยามะฮ์จะถูกเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าสำหรับเขา
และเขาจะอยู่ในนั้นอย่างอัปยศ
[25:70]
เว้นแต่ผู้ที่กลับเนื้อกลับตัว
และศรัทธาและประกอบการงานที่ดี
เขาเหล่านั้นแหละอัลลอฮจะทรงเปลี่ยนความชั่วของพวกเขาเป็นความดี
และอัลลอฮเป็นผู้ทรงอภัย
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[25:71]
และผู้ใดกลับเนื้อกลับตัวและกระทำความดี
แท้จริงเขากลับเนื้อกลับตัวเข้าหาอัลลอฮอย่างจริงจัง
[25:72]
และบรรดาผู้ไม่เป็นพยานในการเท็จ
และเมื่อพวกเขาผ่านเรื่องไร้สาระ
พวกเขาผ่านไปอย่างมีเกียรติ
[25:73]
และบรรดาผู้ที่เมื่อถูกกล่าวเตือนให้รำลึกถึงโองการทั้งหลายของพระเจ้าของพวกเขา
พวกเขาจะไม่ผินหลังให้เป็นสภาพเช่นคนหูหนวกตาบอด
[25:74]
และบรรดาผู้ที่กล่าวว่า
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของเรา
ขอพระองค์โปรดประทานแก่เรา
ซึ่งคู่ครองของเราและลูกหลานของเรา
ให้เป็นที่รื่นรมย์แก่สายตาของเรา
และทรงทำให้เราเป็นแบบอย่างแก่บรรดาผู้ยำเกรง
[25:75]
เขาเหล่านั้นจะได้รับการตอบแทน
ในการที่พวกเขาอดทน
และพวกเขาจะได้พบการกล่าวคำต้อนรับและสลาม
[25:76]
โดยพำนักอยู่ในนั้นอย่างถาวร
เป็นที่พำนักและที่อาศัยที่น่าอภิรมย์แท้
ๆ
[25:77]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
พระผู้เป็นเจ้าของฉันจะไม่ใยดีต่อพวกท่าน
หากไม่มีการวิงวอนภักดีของพวกท่าน
เพราะแน่นอน
พวกท่านได้ปฏิเสธไม่รับฟัง
ดังนั้น
การลงโทษจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
Ash-Shu‘arâ’
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[26:1]
ฏอ
ซีน มีม
[26:2]
เหล่านี้คือโองการทั้งหลายอันชัดแจ้ง
[26:3]
บางทีเจ้า
(มุฮัมมัด)
เป็นผู้ทำลายชีวิตของเจ้า
เพราะพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา
[26:4]
หากเราประสงค์
เราจะให้มีสัญญาณหนึ่งจากฟากฟ้ามายังพวกเขา
แล้วคอของพวกเขาก็ยอมก้มลมต่อมัน
[26:5]
และไม่มีข้อตักเตือนใหม่
อันใดจากพระผู้ทรงกรุณาปรานี
เว้นแต่พวกเขาจะผินหลังให้กับมัน
[26:6]
แล้วแน่นอนพวกเขาได้ปฏิเสธ
ดังนั้นข่าวคราวที่พวกเขาเคยเยาะเย้ยมันนั้นก็จะมายังพวกเขา
[26:7]
พวกเขามิได้มองไปยังแผ่นดินดอกหรือว่ากี่มากน้อยแล้วที่เราได้ให้มันงอกเงยออกมาจากทุกชนิดที่ดีมีประโยชน์
[26:8]
แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอน
แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา
[26:9]
และแท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น
แน่นอนพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[26:10]
และจงรำลึก
เมื่อพระเจ้าของเจ้าทรงเรียกมูซาว่า
จงไปยังหมู่ชนผู้อธรรม
[26:11]
คือหมู่ชนของฟิรเอาน์พวกเขาไม่ยำเกรงดอกหรือ?
[26:12]
เขา
(มูซา)
กล่าวว่า
โอ้พระเจ้าของฉันแท้จริงฉันกลัวว่า
พวกเขาจะปฏิเสธไม่ยอมเชื่อฉัน
[26:13]
และหัวอกของฉันจะอึดอัด
และลิ้นของฉันจะไม่คล่อง
ดังนั้นพระองค์ทรงโปรดส่งฮารูนมาช่วยฉันด้วยเถิด!
[26:14]
และพวกเขามีข้อกล้าวหาต่อฉัน
ดังนั้นฉันกลัวว่าพวกเขาจะฆ่าฉัน
[26:15]
พระองค์ตรัสว่า
ไม่ดอก!
ดังนั้นเจ้าทั้งสองจงไปเถิดพร้อมด้วยสัญญาณทั้งหลาย
ของเราแท้จริงเราอยู่กับพวกเจ้า
เป็นผู้ฟัง
[26:16]
ดังนั้นเจ้าทั้งสองจงไปหาฟิรเอาน์แล้วจงกล่าวว่าเราเป็นทูตของพระเจ้าแห่งสากลโลก
[26:17]
แล้วขอให้ส่งวงศ์วานของอิสรออีลไปพร้อมกับเราเถิด
[26:18]
เขา
(ฟิรเอาน์)
กล่าวว่า
เรามิได้เลี้ยงดูเจ้าเมื่อขณะเป็นเด็กอยู่กับพวกเราดอกหรือ? และเจ้าได้อยู่กับเราหลายปี
ในช่วงชีวิตของเจ้า
[26:19]
และเจ้าได้ทำการกระทำของเจ้าซึ่งเจ้าได้กระทำไปแล้ว
และเจ้าเป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้เนรคุณ
[26:20]
เขา
(มูซา)
กล่าวว่า
ฉันได้กระทำมันโดยที่ฉันไม่รู้
[26:21]
ดังนั้น
ฉันได้หนีไปจากพวกท่าน
เมื่อฉันกลัวพวกท่านแล้วพระเจ้าของฉันได้ทรงประทานฮิกมะฮ์แก่ฉัน
และทรงแต่งตั้งฉันให้เป็นร่อซู้ลคนหนึ่ง
[26:22]
และนี่คือบุญคุณที่ท่านรำเลิกมันต่อฉันโดยท่านทำให้วงศืวานอิสรออีลเป็นทาส
[26:23]
ฟิรเอาน์ได้กล่าวว่า
และใครคือพระเจ้าแห่งสากลโลก
[26:24]
เขา
(มูซา)
กล่าวว่า
พระเจ้าแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน
และสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสอง
หากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธาเชื่อมัน
[26:25]
เขาได้กล่าวแก่ผู้อยู่รอบ
ๆ เขาว่า พวกท่านได้ยินไหม?
[26:26]
เขา
(มูซา)
กล่าว่า
พระเจ้าของพวกท่าน
และของบรรพบุรุษสมัยก่อน
ๆ นั้นด้วย
[26:27]
เขา
(ฟิรเอาน์)
กล่าวว่า
ทจริงร่อซู้ลของพวกท่านซึ่งได้ถูกส่งมายังพวกท่านนั้นเป็นคนบ้าอย่างแน่นอน
[26:28]
เขา
(มูซา)
กล่าวว่า
พระเจ้าแห่งทิศตะวันออกและทิศตะวันตก
และสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสอง
หากพวกท่านใช้สติปัญญาพิจารณา
[26:29]
เขากล่าวว่า
หากเจ้ายึดถือพระเจ้าอื่นจากฉัน
ฉันจะให้เจ้าอยู่ในหมู่ผู้ต้องขัง
[26:30]
เขา
(มูซา)
กล่าวว่า
แม้ว่าฉันจะนำสิ่งที่ชัดแจ้งมายังท่านกระนั้นหรือ?
[26:31]
เขากล่าวว่า
ก็จงนำมันมาซิ
หากเจ้าเป็นคนจริง
[26:32]
ดังนั้น
เขาได้โยนไม่เท้าของเขามันคือ
งูอย่าชัดแจ้ง
[26:33]
และได้ดึงมือของเขาออกมาเป็นสีขางแก่บรรดาผู้มองดู
[26:34]
เขาได้กล่าวแก่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่รอบๆ
เขาว่า
แท้จริงเขาคนนี้คือนักเล่นกลอย่างช่ำชอง
[26:35]
เขาต้องการที่ให้พวกท่านออกจากดินแดนของพวกท่านด้วยเล่ห์กลของเขา
ดังนั้นพวกท่านจะชี้แนะประการใด
[26:36]
พวกเขากล่าวว่า
จงหน่วงเหนี่ยวเขาและพี่ชายของเขาไว้ก่อน
และจงส่งคนไปตามหัวเมืองให้มาชุมนุมกัน
[26:37]
เพื่อที่นักเล่นกลผู้ช่ำชองทุกคนจะได้มาหาท่าน
[26:38]
แล้วบรรดานักเล่นกลได้มาชุมนุมกันตามวันเวลาที่กำหนดไว้
[26:39]
และได้มีประกาศแก่มหาชน
พวกท่านจะไปร่วมชุมนุมด้วยไหม?
[26:40]
เพื่อพวกเขาจะได้ตามบรรดานักเล่นกลหากพวกเขาเป็นผู้ชนะ
[26:41]
เมื่อพวกนักเล่นกลมาถึง
พวกเขากล่าวแก่ฟิรเอาน์ว่า
พวกเราจะมีรางวัลแน่นอนหรือถ้าพวกเราเป็นผู้ชนะ
[26:42]
เขากล่าวว่า
ถูกแล้ว
และพวกท่านขณะนั้นจะอยู่ในหมู่ผู้ใกล้ชิดอย่างแน่นอน
[26:43]
มูซาได้กล่าวแก่พวกเขาว่า
จงโยนซิสิ่งที่พวกท่านจะต้องโยน
[26:44]
แล้วพวกเขาก็ได้โยนเชือกหลายเส้นของพวกเขาและไม้เท้าหลายอันของพวกเขา
และพวกเขากล่าวว่า
ด้วยเกียติยศของฟิรเอาน์แท้จริงเราเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน
[26:45]
ครั้นแล้วมูซาก็ได้โยนไม้เท้าของเขา
ณ บัดนั้นมันได้กลืนสิ่งที่พวกเขาได้ลองมันขึ้น
[26:46]
พวกนักเล่นกลจึงก้มหัวลงกราบสุญูด
[26:47]
พวกเขากล่าวว่า
เราศรัทธาต่อพระเจ้าแห่งสากลโลก
[26:48]
พระเจ้าของมูซา
และฮารูน
[26:49]
เขากล่าวว่า
พวกท่านศรัทธาต่อเขาก่อนที่ฉันจะอนุญาตแก่พวกท่านกระนั้นหรือ? แน่นอนเขาต้องเป็นหัวหน้าของพวกท่านซึ่งได้สอนการเล่นกลแก่พวกท่านแล้วพวกท่านจะรู้
แน่นอนฉันจะตัดมือของพวกท่านและเท้าของพวกท่านสลับข้างกันและแน่นอนฉันจะแขวนตรึงไว้ทั้งหมด
[26:50]
พวกเขากล่าวว่า
ไม่เป็นไรหรอกแท้จริงเรานั้นต้องเป็นผู้กลับไปยังพระเจ้าของเรา
[26:51]
แท้จริงเราปรารถนาที่จะให้
พระเจ้าของเราทรงยกโทษแก่เรา
เพราะเราเป็นกลุ่มแรกที่เป็นผู้ศรัทธา
[26:52]
แลเราได้ดลใจให้มูซาออกเดินทาง
ในเวลากกลางคืนพร้อมกันกับปวงบ่าวของข้าแท้จริงพวกเจ้ากำลังถูกติดตาม
[26:53]
แล้วฟิรเอาน์ได้ส่งคนไปตามหัวเมืองต่างๆ
ให้มาร่วมชุมนุม
[26:54]
(และว่า)
แท้จริงเขาเหล่านั้นเป็นหมู่ชนส่วนน้อย
[26:55]
และแท้จริงพวกเขาทำให้เราเกิดโทษะ
[26:56]
และแท้จริงพวกเราทั้งหมดอยู่ในสภาพเตรียมพร้อม
[26:57]
ดังนั้น
เราได้ให้พวกเขา
ออกจากเรือกสวนและลำธารน้ำ
[26:58]
และทรัพย์สินอันมากมายหลายและที่พำนักอันโอ่อ่า
[26:59]
เช่นนั้นแหละ
และเราได้ให้วงศ์วานอิสรออีล
ได้รับมรดกครอบครองมัน
[26:60]
แล้วพวกเขา
(ฟิรเอาน์)
ได้ติดตามพวกเขา
(วงศ์วานอิสรออีล)
เมื่อเวลาตะวันขึ้น
[26:61]
ครั้นเมื่อแต่ละฝ่ายได้มองเห็นกัน
พวกพ้องของมูซาได้กล่าวว่า
ท้จริงเราถูกตามทันแล้ว
[26:62]
เขา
(มูซา)
ได้กล่าวว่า
ไม่หรอก
แท้จริงพระเจ้าของฉันทรงอยู่กับฉัน
พระองค์ทรงขี้แนะทางแก่ฉัน
[26:63]
ดังนั้นเราได้ดลใจมูซาว่า
จงฟาดทะเลด้วยไม้เท้าของเจ้า
แล้วมันก็ได้แยกออก
แต่ละข้างมีสภาพเหมือภูเขาใหญ่
[26:64]
และเราได้ให้พวกอื่น
ให้เข้ามาใกล้
ณ ที่นั้น
[26:65]
และเราได้ให้มูซาและผู้ที่ออยู่ร่วมกับเขาทั้งหมดรอดพ้นไป
[26:66]
แลเราได้ให้พวกอื่นจมน้ำตาย
[26:67]
แท้จริงในการนั้นเป็นสัญญาณอย่างแน่นอน
แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา
[26:68]
และแท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น
แน่นอนพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[26:69]
และจงเล่าเรื่องราวของอิบรอฮีม
ให้แก่พวกเขา
[26:70]
ขณะที่เขากล่าวแก่บิดาของเขา
และพวกพ้องของเขาว่า
พวกท่านเคารพภักดีอะไร?
[26:71]
พวกเขากล่าวว่า
เราเคารพภักดีรูปปั้นแล้วเราจะคงเป็นผู้ยึดมั่นต่อมันตลอดไป
[26:72]
เขา
(อิบรอฮีม)
กล่าวว่า
เมื่อพวกท่านวิงวอนขอ
พวกมันได้ยินพวกท่านหรือ?
[26:73]
หรือมันให้คุณให้โทษแก่พวกท่านไหม?
[26:74]
พวกเขากล่าวว่า
แต่เราได้พบบรรพบุรุษของเราปฏิบัติกันมาเช่นนั้น
[26:75]
เขากล่าวว่า
พวกท่านไม่เห็นดอกหรือสิ่งที่พวกท่านเคารพภักดีอยู่
[26:76]
ด้วยตัวของพวกท่านเอง
และบรรพบุรุษของพวกท่านแต่กาลก่อน
[26:77]
แท้จริงพวกเขาคือศัตรูของฉัน
นอกจากพระเจ้าแห่งสากลโลก
[26:78]
ซึ่งพระองค์ทรงสร้างฉัน
แล้วพระองค์ทรงชี้แนะทางแก่ฉัน
[26:79]
และพรองค์ทรงประทานอาหารให้ฉันและทรงให้น้ำดื่มแก่ฉัน
[26:80]
และเมื่อฉันป่วย
ดังนั้นพระองค์ทรงให้ฉันหายป่วย
[26:81]
และผู้ทรงให้ฉันตายแล้วทรงให้ฉันมีชีวิต
[26:82]
และผู้ที่ฉันหวังว่า
จะทรงอภัยแก่ฉันซึ่งความผิดพลาดในวันแห่งการตอบแทน
[26:83]
ข้าแต่พระเจ้าของฉัน!
ขอพระองค์ทรงประทานความรู้และทรงให้ฉันอยู่รวมกับหมู่คนดีทั้งหลาย
[26:84]
และทรงทำให้ฉันได้รับการรำลึกอย่างดีในหมู่ชนรุ่นต่อ
ๆ ไป
[26:85]
และทรงทำให้ฉันอยู่ในหมู่ผู้รับมรดกแห่งสวนสวรรค์อันร่มรื่น
[26:86]
และทรงประทานอภัยให้แก่บิดาของฉันด้วย
แท้จริงเขาอยู่ในหมู่ผู้หลงผิด
[26:87]
และทรงอย่าให้ฉันได้รับความอัปยศในวันที่พวกเขาถูกให้ฟื้นคืนชีพ
[26:88]
วันที่ทรัพย์สมบัติและลูกหลานจะไม่อำนวยประโยชน์ได้เลย
[26:89]
เว้นแต่ผู้มาหาอัลลอฮ์ด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ผ่องใส
[26:90]
และสวนสวรรค์จะถูกนำให้มาใกล้แก่บรรดาผู้ยำเกรง
[26:91]
และนรกจะถูเผยให้เห็นแก่บรรดาผู้หลงผิดคิดชั่ว
[26:92]
และมีเสียงกล่าวแก่พวกเขาว่า
ไหนเล่าที่พวกท่านเคารพภักดี
[26:93]
อื่นจากอัลลอฮ์
พวกมันจะช่วยเหลือพวกท่าน
หรือจะช่วยตัวมันเองได้ไหม?
[26:94]
แล้วพวกมันจะถูกโยนทิ่มหัวลงไปในนรกพวกมันและพวกหลงผิด
[26:95]
และไพร่พลของอิบลิสทั้งหมด
[26:96]
พวกเขากล่าวขณะที่พวกเขาโต้เถียงกันอยู่ในนั้น
[26:97]
ขอสาบานต่ออัลลอฮ์
แท้จริงพวกเราอยู่ในการหลงผิดอย่างชัดแจ้ง
[26:98]
ขณะที่พวกเราทำให้พวกเจ้าเท่าเทียมกับพระเจ้าแห่งสากลโลก
[26:99]
และไม่มีผู้ใดทำให้พวกเขาหลงผิด
นอกจากพวกอาชญากร
เท่านั้น
[26:100]
ดังนั้นจึงไม่มีผู้ไถ่โทษแก่เรา
[26:101]
และไม่มีมิตรผู้รักใคร่ด้วย
[26:102]
ฉะนั้น
หากเราได้กลับไปสักครั้ง
เราก็จะอยู่ในหมู่ผู้ศรัทธา
[26:103]
แท้จริงในการนี้
ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอน
แต่ส่วนมากของพวกเขา
ไม่เป็นผู้ศรัทธา
[26:104]
และแท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น
แน่นอนพระองค์คือผู้ทรงเดชานุภาพ
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[26:105]
หมู่ชนของนูห์
ได้ปฏิเสธบรรดาร่อซู้ล
[26:106]
ขณะที่พี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือ
นูห์ได้กล่าวแก่พวกเขาว่า
โอ้พวกท่านไม่ยำเกรงบ้างหรือ?
[26:107]
แท้จริงฉันคือร่อซู้ลผู้ซื่อสัตย์สำหรับพวกท่าน
[26:108]
ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์
และเชื่อฟังฉัน
[26:109]
และฉันมิได้ขอค่าตอบแทนในการนี้จากพวกท่าน
ค่าตอบแทนของฉันมิได้มาจากผู้ใดนอกจากพระเจ้าแห่งสากลโลก
[26:110]
ดังนั้นจงยำเกรงอัลลอฮ์เถิดและจงเชื่อฟังฉัน
[26:111]
พวกเขากล่าวว่า
จะให้พวกเราศรัทธาต่อท่านกระนั้นหรือ? ในเมื่อพวกต่ำต้อยเท่านั้นที่เชื่อฟังปฏิบัติตามท่าน
[26:112]
เขา
(นูห์)
กล่าวว่า
ฉันไม่มีความรู้อันใดเลยในสิ่งที่พวกเขาปฏิบัติกัน
[26:113]
การตอบแทนของพวกเขามิได้อยู่ที่ผู้ใดเลยนอกจากที่พระเจ้าของฉัน
หากพวกท่านมีความรู้สึก
[26:114]
และฉันจะไม่เป็นผู้ขับไล่บรรดาผู้ศรัทธา
[26:115]
ฉันมิใช่ใครอื่นนอกจากเป็นผู้ตักเตือนอันชัดแจ้ง
[26:116]
พวกเขากล่าวว่า
โอ้นูห์
หากท่านไม่หยุดยั้งแน่นอนท่านจะอยู่ในหมู่ผู้ถูกขว้างด้วยก้อนหิน
[26:117]
เขากล่าวว่า
ข้าแต่พระเจ้าของฉัน
แท้จริงหมู่ชนของฉันปฏิเสธฉัน
[26:118]
ดังนั้นขอพระองค์ทรงตัดสินระหว่างฉันกับพวกเขาโดยยุติธรรมเถิด
และทรงโปรดช่วยฉัน
และบรรดาผู้ศรัทธาที่อยู่ร่วมกับฉันให้รอดพ้นด้วยเถิด
[26:119]
ดังนั้นเราได้ช่วยเขาและผู้อยู่ร่วมกับเขาให้อยู่ในเรือที่เต็มเปี่ยม
[26:120]
แล้วเราได้ให้พวกที่เหลืออยู่จมน้ำตาย
[26:121]
แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอน
แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา
[26:122]
และแท้จริงพระเจ้าของสูเจ้านั้น
แน่นอนพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[26:123]
หมู่ชนของอ๊าดได้ปฏิเสธบรรดาร่อซู้ล
[26:124]
ขณะที่พี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือฮูดได้กล่าวแก่พวกเขาว่า
โอ้พวกท่านไม่ยำเกรงบ้างหรือ?
[26:125]
แท้จริงฉันคือ
ร่อซู้ลผู้ซื่อสัตย์สำหรับพวกท่าน
[26:126]
ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์
และเชื่อฟังฉัน
[26:127]
และฉันมิได้ขอค่าตอบแทนในการนี้จากพวกท่าน
ค่าตอบแทนของฉันมิได้มาจากผู้ใดนอกจากพระเจ้าแห่งสากลโลก
[26:128]
พวกท่านสร้างอนุสาวรีย์ไว้บนที่สูงทุกแห่งเพื่อโอ้อวดกระนั้นหรือ?
[26:129]
และพวกท่านสร้างคฤหาสน์เสมือนกับว่าพวกท่านจะอยู่อย่างตลอดกาลกระนั้นหรือ?
[26:130]
และเมื่อพวกท่านทำร้าย
(ผู้ใด)
พวกท่านกระทำอย่างทารุณโหดร้าย
[26:131]
ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์
และเชื่อฟังฉัน
[26:132]
และพวกท่านจงยำเกรงผู้ทรงประทานแก่พวกท่าน
สิ่งซึ่งพวกท่านรู้ดีอยู่แล้ว
[26:133]
พระองค์ทรงประทานแก่พวกท่านด้วยปศุสัตว์และลูกหลาน
[26:134]
และสวนอันหลากหลาย
และลำธารหลายแห่ง
[26:135]
แท้จริงฉันกลัวว่าพวกท่าน
จะได้รับการลงโทษในวัน
อันยิ่งใหญ่
[26:136]
พวกเขากล่าวว่า
มีผลเท่ากันที่เรา
ท่านจะตักเตือนหรือไม่เป็นผู้ตักเตือนเราก็ตาม
[26:137]
นี่ไม่ใช่อะไรอื่นนอนจากเป็นเรื่องโกหกในสมัยก่อน
ๆ
[26:138]
และพวกเราจะไม่อยู่ในหมู่ผู้ถูกลงโทษ
[26:139]
พวกเขาได้ปฏิเสธไม่เชื่อฟังเขา
ดังนั้นเราจึงทำลายล้างพวกเขา
แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอน
แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา
[26:140]
และแท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น
แน่นอนพระองค์เป็นผู้ทรงเดชานุภาพ
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[26:141]
หมู่ชนของซะมู๊ดได้ปฏิเสธบรรดาร่อซู้ล
[26:142]
ขณะที่พี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือซอและฮ์
ได้กล่าวแก่พวกเขา
โอ้พวกท่านไม่ยำเกรงบ้างหรือ?
[26:143]
แท้จริงฉันคือร่อซู้ลผู้ซื่อสัตย์สำหรับพวกท่าน
[26:144]
ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์
และเชื่อฟังฉัน
[26:145]
และฉันมิได้ขอค่าตอบแทนในการนี้จากพวกท่าน
ค่าตอบแทนของฉันมิได้มาจากผู้ใด
นอกจากระเจ้าแห่งสากลโลก
[26:146]
พวกท่านจะถูกปล่อยให้อยู่อย่างสงบปลอดภัย
ณ ที่นี้หรือ?
[26:147]
ในสวนอันหลากหลาย
และลำธารหลายแห่ง
[26:148]
และไร่นา
และต้นอินทผลัม
ซึ่งกิ่งก้านของมันสุกงอม
[26:149]
และพวกท่านสะกัดภูเขาเป็นที่อยู่อาศัยอย่างชำนาญ
[26:150]
ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์
และเชื่อฟังฉัน
[26:151]
และอย่าเชื่อฟังคำสั่งใช้ของพวกฝ่าฝืน
[26:152]
พวกที่บ่อนทำลายในแผ่นดิน
และไม่เป็นพวกพัฒนา
[26:153]
พวกเขากล่าวว่า
แท้จริงท่าเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้ถูกอาคม
[26:154]
ท่านมิใช่ใครอื่นนอกจากเป็นสามัญชนเช่นเรา
ดังนั้นจงนำมาสักสัญญาณหนึ่ง
หากท่านเป็นหนึ่งในหมู่ผู้สัตย์จริง
[26:155]
เขากล่าวว่า
นี่คืออูฐตัวเมียสำหรับมันดื่มน้ำวันหนึ่ง
และสำหรับพวกท่านก็ดื่มน้ำวันหนึ่งที่รู้กัน
[26:156]
และพวกท่านอย่าก่อความทุกข์ยากแก่มันมิฉะนั้นการลงโทษในวันอันยิ่งใหญ่จะคร่าพวกท่าน
[26:157]
แล้วพวกเขาได้ฆ่ามัน
พวกเขาจึงอยู่ในสภาพเป็นผู้เศร้าโศกเสียใจ
[26:158]
ดังนั้นการลงโทษได้คร่าพวกเขาแท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอน
แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา
[26:159]
และแท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น
แน่นอนพระองค์เป็นผู้ทรงเดชานุภาพ
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[26:160]
หมู่ชนของลู๊ฏ
ได้ปฏิเสธบรรดาร่อซู้ล
[26:161]
ขณะที่พี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือลู๊ฏได้กล่าวแก่พวกเขาว่า
โอ้พวกท่านไม่ยำเกรงบ้างหรือ?
[26:162]
แท้จริงฉันคือร่อซู้ลผู้ซื่อสัตย์สำหรับพวกท่าน
[26:163]
ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์
และเชื่อฟังฉัน
[26:164]
และฉันมิได้ขอค่าตอบแทนในการนี้จากพวกท่าน
ค่าตอบแทนของฉันมิได้มาจากผู้ใด
นอกจากพระเจ้าแห่งสากลโลก
[26:165]
พวกท่านเข้าหาผู้ชายในหมู่ผู้คนทั้งหลายกระนั้นหรือ?
[26:166]
และพวกท่านปล่อยทิ้ง
สิ่งที่พระเจ้าของพวกท่านทรงบังเกิดมาสำหรับพวกท่าน
คือภรรยาของพวกท่าน
แน่นอนพวกท่านเป็นหมู่ชนผู้ฝ่าฝืน
[26:167]
พวกเขากล่าวว่า
โอ้ลูฏเอ๋ย!
หากท่านไม่หยุดยั้ง
แน่นอนท่านเป็นผู้หนึ่งที่จะถูกขับไล่ให้ออกไป
[26:168]
เขากล่าวว่า
แท้จริงฉันเป็นผู้ที่เกลียดยิ่งต่อการกระทำของพวกท่าน
[26:169]
ข้าแต่พระเจ้าของฉันขอพระองค์ทรงช่วยฉัน
และบริวารของฉันให้พ้นจากที่พวกเขากระทำกัน
[26:170]
ดังนั้นเราได้ช่วยเขา
และบริวารของเขาทั้งหมดให้รอดพ้น
[26:171]
นอกจากหญิงแก่คนหนึ่ง
ซึ่งนางอยู่ในหมู่ผู้ถูกทำลาย
[26:172]
แล้วเราได้ทำลายพวกคนอื่น
[26:173]
และได้ให้ห่าฝนตกลงมาบนพวกเขาดังนั้นฝนของบรรดาผู้ถูกตักเตือนมันชั่วร้ายเสียนี่กระไร!
[26:174]
แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอน
แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา
[26:175]
และแท้จริงพระเจ้าของสูเจ้านั้นแน่นอนพระองค์เป็นผู้ทรงเดชานุภาพ
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[26:176]
ชาวป่าทึบได้ปฏิเสธบรรดาร่อซู้ล
[26:177]
ขณะที่ชุไอบ์ได้กล่าวแก่พวกเขาว่า
โอ้พวกท่านไม่ยำเกรงบ้างหรือ?
[26:178]
แท้จริงฉันคือร่อซู้ลผู้ซื่อสัตย์สำหรับพวกท่าน
[26:179]
ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์และเชื่อฟังฉัน
[26:180]
และฉันมิได้ขอค่าตอบแทนในการนี้จากพวกท่าน
ค่าตอบแทนของฉันมิได้มาจากผู้ใด
นอกจากพระเจ้าแห่งสากลโลก
[26:181]
จงตวงให้ครบเต็มและอย่าเป็นผู้ที่ขาดพร่อง
[26:182]
และจงชั่งด้วยตาชั่งอย่างเที่ยงตรง
[26:183]
และอย่าให้ขาดพร่องแก่มหาชนซึ่งสิ่งต่าง
ๆ ของพวกเขา
และอย่าก่อกวนในแผ่นดินเป็นผู้บ่อนทำลาย
[26:184]
และจงยำเกรงผู้ซึ่งบังเกิดพวกท่าน
และประชาชาติสมัยก่อน
ๆ
[26:185]
พวกเขากล่าวว่า
แท้จริงท่านเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้ถูกอาคม
[26:186]
และท่านมิใช่ใครอื่นนอกจากเป็นสามัญชนเช่นเรา
แบะเราคิดว่าท่านเป็นผู้กล่าวเท็จคนหนึ่ง
[26:187]
ดังนั้นให้ส่วนต่างๆ
จากท้องฟ้า
หล่นลงมาบนพวกเรา
หากท่านเป็นผู้สัตย์จริงคนหนึ่ง
[26:188]
เขากล่าวว่า
พระเจ้าของฉันทรงรอบรู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกท่านกระทำ
[26:189]
พวกเขาได้ปฏิเสธไม่เชื่อเขาดังนั้นการลงโทษแห่งวันเมฆครอบคลุมได้คร่าพวกเขา
แท้จริงมันเป็นการลงโทษแห่งวันยิ่งใหญ่
[26:190]
แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอน
แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ศรัทธา
[26:191]
และแท้จริงพระเจ้าขงเจ้านั้น
แน่นอนพระองค์เป็นผู้ทรงเดชานุภาพ
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[26:192]
และแท้จริงมัน
เป็นการประทานลงมาของพระเจ้าแห่งสากลโลก
[26:193]
อัรรูห์
ผู้ซื่อสัตย์
ได้นำมันลงมา
[26:194]
ยังหัวใจของเจ้าเพื่อเจ้าจักได้เป็นผู้ตักเตือนคนหนึ่ง
[26:195]
เป็นภาษาอาหรับอันชัดแจ้ง
[26:196]
และแท้จริงมันมีอยู่ในคัมภีร์สมัยก่อนๆ
[26:197]
และมันมิได้เป็นเครื่องหมายแก่พวกเขาดอกหรือว่า
บรรดาผู้มีความรู้ของวงศ์วานอิสรออีลก็รู้ดีในเรื่องนี้
[26:198]
และหากว่าเราประทานมันลงมาแก่บางคนในหมู่ชาวต่างชาติ
[26:199]
แล้วเขาอ่านมันแก่พวกเขา
พวกเขาก็จะไม่เป็นผู้ศรัทธาต่อมัน
[26:200]
เช่นเดียวกับเราได้ให้มันเข้าไปในหัวใจของบรรดาผู้กระทำผิด
[26:201]
พวกเขาก็จะไม่ศรัทธามันจนกว่าพวกเขาจะได้เห็นการลงโทษอันเจ็บปวด
[26:202]
แล้วมัน
จะมาหาพวกเขาอย่างกระทันหันโดยที่พวกเขาไม่รู้สึกตัว
[26:203]
พวกเขาก็จะกล่าวว่าให้พสกเราได้รับการประวิงบ้างได้ไหม?
[26:204]
ทำไมพวกเขาจึงเร่งการลงโทษของเราอีกเล่า?
[26:205]
เจ้าไม่เห็นดอกหรือ
หากเราให้พวกเขารื่นเริงไปอีกเป็นปี
ๆ
[26:206]
แล้วสิ่งที่พวกเขาถูกสัญญาไว้
ก็ได้เกิดขึ้นแก่พวกเขา
[26:207]
สิ่งที่พวกเขาได้ถูกให้รื่นเริงนั้นจะไม่อำนวยประโยชน์อันใดให้แก่พวกเขา
[26:208]
และเรามิได้ทำลายชาวเมืองใด
เว้นแต่ได้มีผู้ตักเตือนแก่มันแล้ว
[26:209]
เพื่อเป็นข้อตักเตือน
และเรามิได้เป็นผู้อธรรม
[26:210]
และพวกมารชัยฏอรมิได้นำมีนลงมา
[26:211]
และไม่เป็นการเหมาะสมแก่พวกมันและพวกมันก็ไม่สามารถด้วย
[26:212]
แท้จริงพวกมันเป็นผู้กีดกัน
อย่างแน่นอนจากการฟัง
[26:213]
ดังนั้นเจ้าอย่าได้วิงวอนพระเจ้าอื่นใดคู่เคียงกับอัลลอฮ์
มิฉะนั้นเจ้าจะเป็นหนึ่งในหมู่ผู้ถูกทำโทษ
[26:214]
จงตักเตือนวงศาคณาญาติของเจ้าที่ใกล้ชิด
[26:215]
และจงลดปีก
ของเจ้าแก่บรรดาผู้ศรัทธาที่ปฏิบัติตามเจ้า
[26:216]
หากพวกเขาฝ่าฝืนเจ้า
ก็จงกล่าวเถิดแท้จริงฉันขอปลีกตัวให้พ้นจากสิ่งที่พวกท่านปฏิบัติกันอยู่
[26:217]
และจงมอบหมายต่อพระผู้ทรงเดชานุภาพผู้ทรงเมตตาเสมอ
[26:218]
ผู้ทรงเห็นเจ้าขณะที่เจ้ายืนอยู่
[26:219]
และการเคลื่อนไหวของเจ้าในหมู่ผู้สุญูด
[26:220]
แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงได้ยิน
ผู้ทรงรอบรู้เสมอ
[26:221]
ฉันจะบอกแก่พวกท่านไหมว่า? พวกมารชัยตอนลงมาบนผู้ใด?
[26:222]
พวกมันลงมาบนทุกคนที่เป็นผู้โกหกผู้ทำบาปมาก
[26:223]
พวกมันจะเงี่ยหูฟัง
และส่วนมากพวกมันเป็นผู้โกหก
[26:224]
และพวกกวีนั้น
พวกหลงผิดจะปฏิบัติตามพวกเขา
[26:225]
เจ้าไม่เห็นดอกหรือว่า
แท้จริงพวกเขานั้นเร่ร่อนไปในทุกหนแห่ง
[26:226]
และแท้จริงพวกเขานั้นพูดในสิ่งที่พวกเขาไม่ทำกระ
[26:227]
นอกจากบรรดาผู้ศรัทธาและปฏิบัติความดีทั้งหลายและรำลึกถึงอัลลอฮ์อย่างมาก
และตอบโต้ป้องกันหลังจากที่พวกเขาถูกข่มเหง
และบรรดาผู้อธรรมจะได้รู้ว่า
ทางกลับอันใดที่พวกเขาจะกลับคืนสู่
An-Naml
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[27:1]
ฏอ
ซีน
เหล่านี้คือโองการทั้งหลายของอัรกุรอาน
และคัมภีร์อันชัดแจ้ง
[27:2]
เป็นแนวทางที่ถูกต้อง
และข่าวดีสำหรับบรรดาผู้ศรัทธา
[27:3]
บรรดาผู้ที่ดำรงการละหมาดและบริจาคซะกาต
และต่อวันปรโลกพวกเขาเชื่อมั่น
[27:4]
แท้จริงบรรดาผู้ไม่ศรัทธาต่อวันปรโลกนั้น
เราได้ทำให้การงานของพวกเขาสวยงามแก่พวกเขา
ดังนั้นพวกเขาจะระเหเร่ร่อน
[27:5]
ชนเหล่านั้น
พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันชั่วช้า
และในวันปรโลกพวกเขาเป็นผู้ขาดทุนยิ่ง
[27:6]
และแท้จริง
เจ้าจะได้รับอัลกุรอานอย่างแน่นอน
จากพระผู้ทรงปรีชาญาณ
ผู้ทรงรอบรู้
[27:7]
จงรำลึก
เมื่อมูซากล่าวแก่ครอบครัวของเขา
ว่า
แท้จริงฉันเห็นไฟ
ฉันจะนำข่าวจากที่นั่นมาให้พวกท่านหรือฉันจะนำคบเพลิงมาให้พวกท่าน
เพื่อพวกท่านจะได้ทำให้มันอุ่น
[27:8]
ครั้นเมื่อเขามาถึงที่นั่น
ได้มีเสียงเรียกขึ้นว่า
ผู้ที่อยู่ในไฟและผู้ที่อยู่รอบ
ๆ มัน
จะได้รับความจำเริญ
และมหาบริสุทธิ์แห่งอัลลอฮ์
พระเจ้าแห่งสากลโลก
[27:9]
โอ้มูซาเอ๋ย
!
แท้จริงข้าคืออัลลอฮ์
ผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[27:10]
และจงโยนไม้เท้าของเจ้า
เมื่อเขาเห็นมันเคลื่อนไหวคล้ายกับว่ามันเป็นงู
เขาก็กลับหลังหันและไม่หันกลับมาอีก
โอ้มูซาเอ๋ย !
เจ้าอย่ากลัว
แท้จริงบรรดาร่อซู้ลนั้นจะไม่กลัวเมื่ออยู่ต่อหน้าข้า
[27:11]
เว้นแต่ผู้อธรรม
แล้วเขาได้เปลี่ยนมาทำความดี
หลังจากที่ได้ทำความชั่ว
เพราะแท้จริงข้านั้นเป็นผู้อภัย
ผู้เมตตาเสมอ
[27:12]
และจงสอดมือของเจ้าเข้าไปในอกเสื้อของเจ้า
มันจะออกมาขาวปราศจากอันตรายใด
ๆ (นี่คือสอง)
ในเก้าสัญญาณ
(ที่เจ้าจะนำไป)
ยังฟิรเอาน์และพวกพ้องของเขา
แท้จริงพวกเขาเป็นหมู่ชนผู้ฝ่าฝืน
[27:13]
เมื่อสัญญาณของเราได้มาปรากฎชัดแจ้งแก่พวกเขา
พวกเขาก็กล่าวว่า
นี่คือเวทมนต์คาถาอันแจ่มแจ้ง
[27:14]
และพวกเขาได้ปฏิเสธมันอย่างยุติธรรมและเย่อหยิ่ง
ทั้ง ๆ
ที่จิตใจของพวกเขาเชื่อมั่นมันดังนั้นจงดูเถิดว่า
บั้นปลายของบรรดาผู้บ่อนทำลายนั้นจะเป็นเช่นไร
?
[27:15]
และโดยแน่นอนเราได้ให้ความรู้แก่ดาวูดและสุลัยมาน
และเขาทั้งสองกล่าวว่า
บรรดาการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮ์
ผู้ทรงโปรดปรานแก่เรา
เหนือส่วนมากของปวงบ่าวของพระองค์ผู้ศรัทธาทั้งหลาย
[27:16]
และสุลัยมานเป็นทายาทของดาวูด
และเขากล่าวว่า
มหาชนทั้งหลายเอ๋ย
!
เราได้รับความรู้ในภาษาของนก
และเราได้รับทุก
ๆ สิ่ง แท้จริง
นี่คือความโปรดปรานอันแท้จริงแน่นอน
[27:17]
และไพร่พลของเขาที่เป็นญินมนุษย์และนก
ได้ถูกให้มาชุนนุมต่อหน้าสุลัยมาน
และพวกเขาถูกจัดให้เป็นระเบียบ
[27:18]
จนกระทั่งเมื่อพวกเขาได้มาถึงทุ่งที่มีมดมาก
มดตัวหนึ่งได้พูดว่า
โอ้พวกมดเอ๋ย!
พวกเจ้าจงเข้าไปในรังของพวกเจ้าเถิด
เพื่อว่าสุลัยมานและไพร่พลของเขาจะได้ไม่บดขยี้พวกเจ้า
โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว
[27:19]
เขา
(สุลัยมาน)
ยิ้มแกมหัวเราะต่อคำพูดของมันและกล่าวว่า
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์
ขอพระองค์ทรงโปรดประทานแกข้าพระองค์
เพื่อให้ข้าพระองค์ขอบคุณต่อความโปรดปรานของพระองค์ท่าน
ซึ่งพระองค์ท่านได้ทรงโปรดปรานแก่ข้าพระองค์
และบิดามารดาของข้าพระองค์
และให้ข้าพระองค์กระทำความดีเพื่อให้พระองค์ทรงพอพระทัยมัน
และทรงให้ข้าพระองค์เข้าอยู่ในความเมตตาของพระองค์
ในหมู่ปวงบ่าวของพระองค์ที่ดีทั้งหลาย
[27:20]
และเขาได้ตรวจดูฝูงนกแล้วกล่าวขึ้นว่า
ทำไมฉันจึงไม่เห็นฮุดฮุด
แต่ว่ามันหายไปไหน
?
[27:21]
แน่นอน
ฉันจะลงโทษมันด้วยการลงโทษอย่างสาหัส
หรือฉันจะฆ่ามันอย่างแน่นอนหรือให้มันนำหลักฐานอันชัดแจ้งมาให้ฉัน
[27:22]
มันหายไปชั่วครู่
(แล้วกลับมา)
มันได้กล่าวว่า
ฉันได้ไปตรวจพบสิ่งที่ท่านไม่รู้
และฉันได้นำข่าวอันแน่นอนจากสะบะ
มายังท่าน
[27:23]
ฉันได้พบหญิงคนหนึ่ง
ปกครองพวกเขา
และนางมีทุกสิ่ง
และนางมีบัลลังก์อันใหญ่โต
[27:24]
และฉันได้พบนางและหมู่ชนของนางสักการะบูชาดวงอาทิตย์อื่นจากอัลลอฮ์
และมารร้ายชัยตอนได้ทำให้การงานของพวกเขาเป็นของดีงามแก่พวกเขา
และได้กีดกันพวกเขาออกจากแนวทางที่ถูกต้อง
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง
[27:25]
ทำไมพวกเขาไม่สุญูดต่ออัลลอฮ์
ผู้นำออกมาซึ่งสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน
และทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเจ้าปิดบัง
และสิ่งที่พวกเจ้าเปิดเผย
[27:26]
อัลลอฮ์
ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์
พระเจ้าแห่งบัลลังก์อันยิ่งใหญ่
[27:27]
เขากล่าวว่า
เราจะคอยดูว่าเจ้าพูดจริงหรือเจ้าอยู่ในหมู่ผู้กล่าวเท็จ
[27:28]
เจ้าจงนำสารของฉันนี้และส่งมันให้พวกเขา
แล้วถอยออกห่างจากพวกเขา
ดังนั้นจงคอยดูว่าพวกเขาจะตอบกลับมาว่าอย่างไร
?
[27:29]
(พระราชินี)
ทรงกล่าวว่า โอ้หมู่บริพารทั้งหลายเอ๋ย
!
แน่แท้สารอันมีเกียรติถูกนำมาให้ฉัน
[27:30]
แท้จริงมันมาจากสุลัยมาน
และแท้จริงมันเริ่มว่า
ด้วยพระนามของอัลลอฮ์
ผู้ทรงกรุณาปรานี
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[27:31]
พวกท่านอย่าเย่อหยิ่งต่อฉัน
และจงมาหาฉันอย่างนอบน้อม
[27:32]
พระนางทรงกล่าวว่า
โอ้หมู่บริหารทั้งหลายเอ๋ย
!
จงให้ข้อชี้ขาดแก่ฉันในเรื่องของฉัน
ฉันไม่อาจจะตัดสินใจในกิจการใด
จนกว่าพวกท่านจะอยู่ร่วมด้วย
[27:33]
พวกเขากล่าวว่า
เราเป็นพวกที่มีพลังและเป็นพวกที่มีกำลังรบเข็มแข็ง
สำหรับพระบัญชานั้นเป็นของพระนางดังนั้น
พระนางได้โปรดตรึกตรองดูสิ่งใดที่พระนางจะทรงบัญชา
[27:34]
พระนางทรงกล่าวว่า
แท้จริงเหล่ากษัตริย์นั้น
เมื่อเข้าไปในเมืองใดก็ทำลายมัน
และทำให้บรรดาผู้มีอำนาจของเมืองนั้นเป็นผู้ต่ำต้อย
และเช่นนั้นแหละพวกเขากระทำกัน
[27:35]
และแท้จริงฉันจะส่งของกำนัลไปให้พวกเขา
แล้วฉันจะเฝ้าคอยดูว่า
ผู้ที่ถูกส่งไปนั้นจะกลับมาอย่างไร
?
[27:36]
เมื่อพวกเขาได้เข้าพบสุลัยมานแล้ว
เขา (สุลัยมาน)
กล่าวว่า
พวกท่านจะนำทรัพย์สินมากำนัลแก่เราหรือ
? สิ่งที่อัลลอฮ์ทรงประทานให้แก่ฉันนั้น
ดียิ่งกว่าสิ่งที่พระองค์ประทานให้แก่พวกท่าน
แต่พวกท่านดีใจต่อของกำนัลของพวกท่าน
[27:37]
จงกลับไปยังพวกเขา
เพราะแน่นอนเราจะนำไพร่พลไปยังพวกเขา
โดยที่พวกเขาไม่มีกำลังที่จะต่อต้านมันได้
และแน่นอน
เราจะให้พวกเขาออกจากที่นั่นอย่างอัปยศ
และพวกเขาจะเป็นผู้ต่ำต้อย
[27:38]
เขา
(สุลัยมาน) กล่าวว่า
โอ้หมู่บริพารทั้งหลายเอ๋ย
! ผู้ใดในหมู่พวกท่านจะนำบัลลังก์ของนางมายังฉัน
ก่อนที่พวกเขาจะมาหาฉันอย่างผู้นอบน้อม
[27:39]
ผู้ปรีชาสามารถล้ำเลิศคนหนึ่งของพวกญินได้กล่าวว่า
ฉันจะนำมันมาเสนอท่าน
ก่อนที่ท่านจะลุกขึ้นจากที่นั่งของท่าน
และแท้จริงฉันเป็นผู้มีพลังและไว้วางใจได้ในเรื่องนี้
[27:40]
ผู้ที่มีความรู้ในเรื่องคัมภีร์
กล่าวว่า
ฉันจะนำมันมาเสนอท่านชั่วพริบตาเดียว
เมื่อเขา
(สุลัยมาน)
เห็นมันวางมั่นคงอยู่ต่อหน้าเขา
เขากล่าวว่า
นี่เนื่องจากความโปรดปรานของพระเจ้าของฉัน
เพื่อพระองค์จะได้ทรงทดสอบฉันว่าฉันกตัญญูหรือเนรคุณ
และผู้ใดกตัญญูแท้จริงเขาก็กตัญญูต่อตัวเขาเอง
และผู้ใดเนรคุณแท้จริงพระเจ้าของฉันนั้นเป็นผู้ทรงมั่งมี
ผู้ทรงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ยิ่ง
[27:41]
เขากล่าวว่า
พวกท่านจงดัดแปลงบัลลังก์ของพระนาง
เพื่อดูซิว่าพระนางจะจำมันได้หรือพระนางจะอยู่ในหมู่ผู้จำมันไม่ได้
[27:42]
ครั้นเมื่อพระนางได้มาถึงก็ได้ทูลพระนางว่า
บัลลังก์ของพระนางเหมือนอย่างนี้หรือ
? พระนางตรัสว่า
มันคล้ายอย่างนี้แหละ
และเราได้รับความรู้มาก่อนนาง
และเราได้เป็นมุสลิมมาก่อนนาง
[27:43]
และการที่นางได้สักการะบูชาอื่นจากอัลลอฮ์
ได้หันห่างนางออกไป
แท้จริงนางอยู่ในหมู่ชนผู้ปฏิเสธ
[27:44]
ได้มีเสียงกล่าวแก่นางว่า
โปรดเข้าไปในวังเถิด
ครั้นเมื่อนางเห็นมันนางคิดว่า
มันเป็นสระที่เป็นห้วงน้ำ
และนางได้เลิกหน้าแข็งของนาง
เขา
(สุลัยมาน)
กล่าวว่า มันเป็นวังทำให้ราบเรียบด้วยกระจาก
นางได้กล่าวว่า
ข้าแต่พระเจ้าของฉัน
แท้จริงฉันได้อธรรมแก่ตัวฉันเอง
และฉันขอนอบน้อมปฏิบัติตามสุลัยมาน
เพื่ออัลลอฮ์พระเจ้าแห่งสากลโลก
[27:45]
และโดยแน่นอน
เราได้ส่งพี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือซอและฮ์
ไปยัง
(หมู่ชนของ)
ษะมูดโดยให้พวกเขาเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์
แล้วพวกเขาได้แบ่งออกเป็นสองพวกแล้วโต้เถียงกัน
[27:46]
เขา
(ซอและฮ์)
กล่าวว่า
โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย
!
ทำไมพวกท่านจึงรีบเร่งหาความชั่วก่อนความดีเล่า
? ทำไมพวกท่านจึงไม่ขออภัยต่ออัลลอฮ์เพื่อพวกท่านจะได้รับความเมตตา
[27:47]
พวกเขากล่าวว่า
พวกเราได้ประสบโชคร้ายเพราะท่าน
และผู้ที่ร่วมกับท่าน
เขา (ซอและฮ์)
กล่าวว่า
โชคร้ายของพวกท่านอยู่ที่อัลลอฮ์
ยิ่งกว่านั้นพวกท่านเป็นหมู่ชนที่ถูกทดสอบ
[27:48]
และในเมืองนั้นมีเก้าคนที่เป็นผู้บ่อนทำลายในแผ่นดิน
และพวกเขาไม่เป็นผู้ฟื้นฟูการทำดี
[27:49]
พวกเขากล่าวว่า
จงร่วมกันสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮ์
แน่นอนพวกเราเตรียมที่จะทำร้ายเขาและครอบครัวของเขาในเวลากลางคืนแล้วเราก็จะกล่าวแก่ทายาทของเขาว่า
เราไม่รู้เห็นความพินาศของครอบครัวของเขา
และแท้จริงเรานั้นเป็นผู้สัตว์จริง
[27:50]
และพวกเขาได้วางแผน
และเราก็ได้วางแผนโดยที่พวกเขาไม่รู้สึกตัว
[27:51]
ดังนั้นจงคอยดูเถิด
ผลสุดท้ายแห่งแผนการณ์ของพวกเขาจะเป็นเช่นไร
กล่าวคือเราได้ทำลายล้างพวกเขา
และหมู่ชนของพวกเขารวมทั้งหมด
[27:52]
ดังนั้น
นั่นคือบ้านของพวกเขาก็ว่างเปล่า
ทั้งนี้เพราะพวกเขาอธรรม
แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอน
สำหรับหมู่ชนที่รู้
[27:53]
และเราได้ช่วยบรรดาผู้ศรัทธา
และพวกเขาเป็นผู้ยำเกรง
ให้รอดพ้น
[27:54]
และ
(จงรำลึกถึง)
ลูฏ
เมื่อเขากล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า
พวกท่านกระทำการลามกทั้งๆ
ที่พวกท่านรู้เห็นอยู่กระนั้นหรือ
?
[27:55]
แท้จริงพวกท่านสมสู่พวกผู้ชายด้วยตัณหา
แทนพวกผู้หญิงกระนั้นหรือ
? ยิ่งกว่านั้นพวกท่านเป็นหมู่ชนที่โง่เขลา