PART 25
[41:47]
ความรู้แห่งยามอวสานนั้นถูกอ้างกลับไปยังพระองค์
ไม่มีผลไม้ใดออกมาจากเปลือกของมัน
และไม่มีหญิงใดอุ้มครรภ์
หรือคลอดทารกออกมา
เว้นแต่ด้วยความรอบรู้ของพระองค์
และวันที่พระองค์ทรงร้องเรียกพวกเขาว่า
ไหนเล่าภาคีทั้งหลายของข้า
พวกเขาจะกล่าวว่า
เราขอยืนยันต่อพระองค์ว่า
ไม่มีผู้ใดในหมู่พวกเราเป็นพยานได้
[41:48]
และสิ่งที่พวกเขาวิงวอนกราบไหว้
ได้เตลิดหนีไปจากพวกเขา
และพวกเขาเชื่อมั่นว่า
พวกเขานั้นไม่มีทางที่จะหลบหนีไปได้
[41:49]
มนุษย์จะไม่เบื่อหน่ายต่อการวิงวอนขอความดี
แต่เมื่อความทุกข์ยากประสบแก่พวกเขาเข้าเขาก็จะท้อถอยหมดอาลัย
[41:50]
และเมื่อเราได้ให้เขาลิ้มรสความเมตตาจากเราหลังจากความทุกข์ยากได้ประสบแก่เขา
แน่นอนเขาก็จะกล่าวว่า
นี่คือความสามารถของฉัน
และฉันไม่คิดว่ายามอวสานนั้นจะเกิดขึ้น
แต่ถ้าฉันถูกส่งกลับไปยังพระเจ้าของฉัน
แน่นอนฉันจะมีคุณความดี
ณ ที่พระองค์
ดังนั้นเรา
(อัลลอฮ์)
จะให้บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้รู้เห็นในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้
และแน่นอนเราจะให้พวกเขาได้ลิ้มรสการลงโทษอันรุนแรง
[41:51]
และเมื่อเราได้ให้ความโปรดปรานแก่มนุษย์
เขาก็เหินห่างและปลีกตัวออกไปข้าง
ๆ และเมื่อความทุกข์ประสบแก่เขา
เขาก็เป็นผู้วิงวอนขออย่างยืดเยื้อ
[41:52]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
พวกท่านไม่เห็นดอกหรือว่า
ถ้าอัลกุรอานมาจากอัลลอฮ์
แล้วพวกท่านปฏิเสธที่จะศรัทธาต่ออัลกุรอาน
ใครเล่าจะหลงทางมากไปกว่าผู้ที่อยู่ในการแตกแยกอย่างลิบลับ
[41:53]
เราจะให้พวกเขาได้เห็นสัญญาณทั้งหลายของเราในขอบเขตอันไกลโพ้นและ
ในตัวของพวกเขาเอง
จนกระทั่งจะเป็นประจักษ์แก่พวกเขาว่า
อัลกุรอานนั้นเป็นความจริง
ยังไม่พอเพียงอีกหรือ
ที่พระเจ้าของเจ้านั้นทรงเป็นพยานต่อทุกสิ่ง
[41:54]
พึงรู้เถิดว่า
แท้จริงพวกเขาอยู่ในการสงสัยเกี่ยวกับการพบพระเจ้าของพวกเขาพึงรู้เถิดว่า
แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงล้อมทุก
ๆ สิ่งไว้
Ash-shûrâ
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[42:1]
แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้ทุกอย่าง
[42:2]
อัยนฺ
ซีน ก๊อฟ
[42:3]
เช่นนั้นแหละ
ได้มีวะฮีย์ยฺมายังเจ้า
และมายังบรรดา
(ร่อซู้ล)
ก่อนหน้าเจ้า
อัลลอฮ์ผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[42:4]
สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย
และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินเป็นสิทธิของพระองค์
และพระองค์เป็นผู้สูงส่ง
ผู้ทรงยิ่งใหญ่
[42:5]
ชั้นฟ้าทั้งหลายแทบจะพังทลายลงมาจากเบื้องบนพวกมันขณะที่มลาอิกะฮ์ต่างก็แซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญต่อพระเจ้าของพวกเขา
และขออภัยให้แก่ผู้ที่อยู่ในโลกนี้
พึงรู้เถิดว่า
แท้จริงอัลลอฮ์นั้น
พระองค์เป็นผู้ทรงอภัย
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[42:6]
และบรรดาผู้ที่ยึดถือเอาผู้คุ้มครองอื่นจากพระองค์นั้น
อัลลอฮ์ทรงเฝ้าดูพวกเขาและเจ้ามิใช่ผู้ดูแลคุ้มครองพวกเขา
[42:7]
และเช่นนั้นแหละ
เราได้วะฮีย์ยฺอัลกุรอานเป็นภาษาอาหรับแก่เจ้า
เพื่อเจ้าจะได้ตักเตือนอุมมุลกุรอ
(ชาวมักกะฮ์)
และผู้ที่อยู่รอบเมืองนั้น
และเตือนถึงวันแห่งการชุมนุมซึ่งไม่มีข้อสงสัยใด
ๆ ในวันนั้น พวกหนึ่งจะอยู่ในสวรรค์
และอีกพวกหนึ่งจะอยู่ในไฟที่ลุกช่วงโชติ
[42:8]
และหากอัลลอฮ์ทรงประสงค์
แน่นอนจะทรงให้พวกเขาเป็นประชาชาติเดียวกัน
แต่พระองค์จะทรงให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์เข้าสู่ความเมตตาของพระองค์
ส่วนบรรดาผู้อธรรมนั้น
พวกเขาไม่มีผู้คุ้มครอง
และไม่มีผู่ช่วยเหลือ
[42:9]
หรือว่าพวกเขาได้ยึดถือเอาคนอื่นจากพระองค์เป็นผู้คุ้มครอง
แต่อัลลอฮ์คือผู้คุ้มครอง
และพระองค์คือผู้ทรงให้ชีวิตแก่คนตาย
และพระองค์คือผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่งอย่าง
[42:10]
และอันใดที่พวกเจ้าขัดแย้งกันในเรื่องนั้นฯ
ดังนั้นการชี้ขาดตัดสินย่อมกลับไปหาอัลลอฮ์
นั้นคืออัลลอฮ์พระเจ้าของฉัน
แด่พระองค์เท่านั้น
ฉันขอมอบหมายและยังพระองค์เท่านั้นฉันจะกลับไปหา
[42:11]
พระเจ้าผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน
พระองค์ทรงทำให้มีคู่ครองแก่พวกเจ้าจากตัวของพวกเจ้าเอง
และจากปศุสัตว์ทรงให้มีคู่ผัวเมีย
ด้วยเหตุนี้พระองค์ทรงแพร่พันธุ์พวกเจ้าให้มากมาย
ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์
และพระองค์ผู้ทรงได้ยิน
ผู้ทรงเห็น
[42:12]
กุญแจ
(การควบคุมกิจการ)
แห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นสิทธิ์ของพระองค์
พระองค์ทรงเพิ่มพูนปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงให้คับแคบ
[42:13]
พระองค์ได้ทรงกำหนดศาสนาแก่พวกเจ้าเช่นเดียวกับที่พระองค์ได้ทรงบัญชาแก่นูห์
และที่เราได้วะฮีย์ยฺแก่เจ้าก็เช่นเดียวกับที่เราได้บัญชาแก่อิบรอฮิม
และมูซา
และอีซาว่า
พวกเจ้าจงดำรงศาสนาไว้ให้คงมั่น
และอย่าแตกแยกกันในเรื่องศาสนา
แต่เป็นเรื่องใหญ่แก่พวกตั้งภาคีที่เจ้าเรียกร้อง
เชิญชวนพวกเขาไปสู่ศาสนานั้น
อัลลอฮ์ทรงเลือกสำหรับพระองค์ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
และทรงชี้แนะทางสู่พระองค์ผู้ที่ผินหน้าสู่พระองค์
[42:14]
และพวกเขามิได้แตกแยกกันเว้นแต่หลังจากได้มีความรู้มายังพวกเขาแล้ว
ทั้งนี้เพราะความริษยาระหว่างพวกเขากันเอง
และหากมิใช่ลิขิตได้บันทึกไว้ที่พระเจ้าของเจ้าจนถึงวาระที่กำหนดไว้แล้ว
แน่นอนก็จะในระหว่างพวกเขาถูกตัดสิน
และแท้จริงบรรดาผู้ได้รับมรดก
คัมภีร์นี้หลังจากพวกเขานั้น
อยู่ในการสงสัยวุ่นวายเกี่ยวกับคัมภีร์นั้น
[42:15]
ดังนั้น
เพื่อการนี้แหละเจ้าจงเรียกร้องเชิญชวนและดำรงมั่นอยู่ในแนวทางที่เที่ยงธรรมดังที่เจ้าได้รับบัญชา
และอย่าได้ปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำของพวกเขา
และจงกล่าวว่า
ฉันได้ศรัทธาในสิ่งที่มีอยู่ในคัมภีร์ตามที่อัลลอฮ์ทรงประทานลงมา
และฉันรับบัญชาให้ตัดสินระหว่างพวกท่านด้วยความเที่ยงธรรม
อัลลอฮ์คือ
พระเจ้าของฉันและพระเจ้าของพวกท่าน
(การตอบแทน)
การงานของฉันก็จะได้แก่ฉันและ
(การตอบแทน)
การงานของพวกท่านก็จะได้แก่พวกท่าน
ไม่มีการโต้แย้งใด
ๆ
ระหว่างพวกเรากับพวกท่าน
อัลลอฮ์จะทรงรวบรวมพวกเราทั้งหมด
และยังพระองค์คือการกลับไป
[42:16]
ส่วนบรรดาผู้โต้แย้งเกี่ยวกับ
(ศาสนาของ)
อัลลอฮ์หลังจาก
(ศาสนานั้น)
ได้เป็นที่ยอมรับแล้ว
การโต้แย้งของพวกเขาปราศจากเหตุผลในทัศนะของพระเจ้าของพวกเขา
และพวกเขาจะได้รับความกริ้วโกรธ
และพวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างสาหัส
[42:17]
อัลลอฮ์คือผู้ประทานคัมภีร์นี้
(อัลกุรอาน)
ลงมาด้วยความจริงและทรงประทานความสมดุล
และอะไรเล่าจะทำให้เจ้ารู้ได้
บางทียามอวสานนี้อยู่ใกล้
ๆ นี่เอง
[42:18]
บรรดาผู้ไม่ศรัทธาในเรื่องนี้เร่งเร้าจะให้เกิดขึ้น
ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาก็มีความหวั่นกลัวในเรื่องยามอวสาน
และพวกเขารู้ว่ามันเป็นความจริง
พึงรู้เถิดว่าแท้จริงบรรดาผู้โต้เถียงเกี่ยวกับเรื่องยามอวสานนั้นอยู่ในการหลงผิดอันไกลลิบอย่างแน่นอน
[42:19]
อัลลอฮ์ทรงเอ็นดูต่อปวงบ่าวของพระองค์
ทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
และพระองค์เป็นผู้ทรงพลัง
ผู้ทรงอำนาจ
[42:20]
ผู้ใดปรารถนาผลตอบแทนของปรโลกเราจะเพิ่มผลตอบแทนของเขาแก่เขา
และผู้ใดปรารถนาผลตอบแทนของโลกดุนยา
เราจะให้แก่เขาบางส่วนในสิ่งนั้น
และสำหรับเขาจะไม่ได้ส่วนใดอีกในปรโลก
[42:21]
หรือว่าพวกเขามีภาคีต่าง
ๆ
ที่ได้กำหนดศาสนาแก่พวกเขา
ซึ่งอัลลอฮ์มิได้ทรงอนุมัติและหากมิใช่ลิขิตแห่งการตัดสิน
(ที่ได้กำหนดไว้ก่อนแล้ว)
ก็คงมีการตัดสินใจในระหว่างพวกเขา
แท้จริงบรรดาผู้อธรรมสำหรับพวกเขาได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด
[42:22]
เจ้าจะเห็นบรรดาผู้อธรรมเป็นผู้หวั่นกลัวเนื่องจากสิ่งที่พวกเขาขวนขวายเอาไว้
และมันจะต้องเกิดขึ้นแก่พวกเขา
ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและปฏิบัติความดีต่าง
ๆ
จะอยู่ในอุทยานแห่งสวนสวรรค์
สำหรับพวกเขาจะได้สิ่งที่พวกเขาปรารถนา
ณ
ที่พระเจ้าของพวกเจ้านั่นคือความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่
[42:23]
นั่นคือ
(ความโปรดปราน)
อัลลอฮ์ทรงแจ้งข่าวดีแก่ปวงบ่าวของพระองค์
ซึ่งพวกเขาได้ศรัทธาและปฏิบัติความดีต่าง
ๆ จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
ฉันมิได้ขอร้องค่าตอบแทนใด
ๆ
เพื่อการนี้
เว้นแต่เพื่อความรักใคร่ในเครือญาติและผู้ใดกระทำความดี
เราจะเพิ่มพูนความดีในนั้นให้แก่เขา
แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัยผู้ทรงชื่นชม
(เพราะการภักดีของพวกเขา)
[42:24]
หรือพวกเขากล่าวว่า
เขา
(มุฮัมมัด)
ได้อุปโลกน์ความเท็จให้แก่อัลลอฮ์
ดังนั้นหากอัลลอฮ์ทรงประสงค์
พระองค์จะทรงผนึกหัวใจเจ้าก็ได้
และอัลลอฮ์ทรงขจัดความเท็จให้หมดไป
และทรงยืนยันความจริงด้วยคำกล่าวของพระองค์
(อัลกุรอาน)
แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในทรวงอก
[42:25]
และพระองค์คือผู้ทรงรับการขออภัยโทษจากปวงบ่าวของพระองค์
และทรงอภัยจากความผิดทั้งหลายและพระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
[42:26]
และพระองค์ทรงตอบรับ
(การวิงวอน)
ของบรรดาผู้ศรัทธา
และพวกเขากระทำความดีทั้งหลาย
และพระองค์จะทรงเพิ่มพูนจากความโปรดปรานของพระองค์แก่พวกเขา
และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น
พวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างสาหัส
[42:27]
และหากอัลลอฮ์ทรงประทานปัจจัยยังชีพอย่างกว้างขวางแก่ปวงบ่าวของพระองค์
แน่นอนพวกเขาก็จะก่อความเสียหายขึ้นในแผ่นดิน
แต่พระองค์ทรงประทานให้ตามปริมาณที่พระองค์ทรงประสงค์
แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงตระหนักรู้
ผู้ทรงเห็นต่อปวงบ่าวของพระองค์
[42:28]
และพระองค์คือผู้ทรงหลั่งน้ำฝนลงมาหลังจากที่พวกเขาหมดหวังกันแล้ว
และพระองค์ทรงแผ่กระจายพระเมตตาของพระองค์
และพระองค์เป็นผู้ทรงคุ้มครอง
ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ
[42:29]
และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์
คือการสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน
และสิ่งที่พระองค์ทรงแพร่กระจายไปทั่วในระหว่างทั้งสองนั้นแก่สิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายและพระองค์เป็นผู้ทรงอานุภาพที่จะรวบรวมพวกเขาเมื่อพระองค์ทรงประสงค์
[42:30]
และเคราะห์กรรมอันใดที่ประสบแก่พวกเจ้า
ก็เนื่องด้วยน้ำมือของพวกเจ้าได้ขวนขวายได้
และพระองค์ทรงอภัย
(ความผิดให้) มากต่อมากแล้ว
[42:31]
และพวกเจ้าไม่สามารถจะหนีรอดไปได้ในแผ่นดินนี้
และอื่นจากอัลลอฮ์
สำหรับพวกเจ้านั้นไม่มีผู้คุ้มครอง
และไม่มีผู้ช่วยเหลือ
[42:32]
และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือมีนาวาทั้งหลายเดินราบเรียบอยู่ในท้องทะเลเยี่ยงภูเขา
[42:33]
ถ้าพระองค์ทรงประสงค์
พระองค์ก็จะทรงให้ลมหยุดนิ่งแล้วมัน
(นาวานั้น)
ก็จะหยุดลอยนิ่งอยู่ในท้องทะเลนั้น
แท้จริงในการนั้นย่อมเป็นสัญญาณแก่ผู้อดทน
ผู้ขอบคุณทุกคน
[42:34]
หรือพระองค์จะทรงทำให้มัน
(นาวานั้น)
อับปางลงก็ได้
เนื่องด้วย
(ความชั่ว)
ที่พวกเขาขวนขวายเอาไว้
และพระองค์ทรงอภัย
(ความผิดให้)
มากต่อมากแล้ว
[42:35]
และเพื่อให้บรรดาผู้โต้แย้งเกี่ยวกับสัญญาณทั้งหลายของเราจะได้รู้ว่า
สำหรับพวกเขานั้นไม่มีทางที่จะหลบหนีไปได้
[42:36]
และสิ่งใดที่พวกเจ้าได้รับนั้นเป็นเพียงการสนุกสนานเพลิดเพลินแห่งชีวิตของโลกนี้เท่านั้น
แต่สิ่งที่มีอยู่
ณ ที่อัลลอฮ์นั้น
ดีกว่าและจีรังกว่า
สำหรับบรรดาผู้ศรัทธาและพวกเขามอบหมายไว้วางใจแด่พระเจ้าของพวกเขา
[42:37]
และบรรดาผู้ที่หลีกเลี่ยงการทำบาปใหญ่และการทำลามก
และเมื่อพวกเขาโกรธพวกเขาก็อภัยให้
[42:38]
และบรรดาผู้ตอบรับต่อพระเจ้าของพวกเขาและดำรงละหมาด
และกิจการของพวกเขามีการปรึกษาหารือระหว่างพวกเขาและเขาบริจาคสิ่งที่เราได้ให้เครื่องปัจจัยยังชีพแก่พวกเขา
[42:39]
และบรรดาผู้ที่เมื่อมีความยุติธรรมเกิดขึ้นแก่พวกเขา
พวกเขาก็แก้แค้นตอบแทน
[42:40]
และการตอบแทนความชั่วคือความชั่วเยี่ยงมัน
แต่ผู้ใดอภัย
และไกล่เกลี่ยคืนดีกันรางวัลตอบแทนของเขาอยู่ที่อัลลอฮ์
แท้จริงพระองค์ไม่ชอบบรรดาผู้อธรรม
[42:41]
แต่ถ้าผู้ใดแก้แค้นตอบแทนหลังจากได้รับความอธรรม
ชนเหล่านั้นจะไม่มีทางตำหนิแก่พวกเขา
[42:42]
ส่วนที่จะเกิดโทษนั้นได้แก่บรรดาผู้ที่อธรรมต่อมนุษย์
และก่อความเสียหายให้เกิดขึ้นในแผ่นดินโดยปราศจากความเป็นธรรม
ชนเหล่านี้พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด
[42:43]
และแน่นอนผู้ที่อดทนและให้อภัย
แท้จริงนั่นคือ
ส่วนหนึ่งจากกิจการที่หนักแน่นมั่นคง
[42:44]
และผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงให้เขาหลงทาง
ดังนั้นสำหรับเขาจะไม่มีผู้คุ้มครองภายหลังจากพระองค์และเจ้าจะเห็นบรรดาผู้อธรรมเมื่อพวกเขามองเห็นการลงโทษ
พวกเขาจะกล่าวว่า
มีทางบ้างไหมที่จะกลับไป
(ยังโลกดุนยา)
[42:45]
และเจ้าจะเห็นพวกเขาถูกนำมาข้างหน้าไฟนรกพวกเขาจะถ่อมตัวลงอย่างน่าสังเวชมองดูอย่างหลบสายตา
และบรรดาผู้ศรัทธาจะกล่าวว่า
แท้จริงพวกที่ขาดทุนคือ
บรรดาผู้ที่ทำตัวของพวกเขาและครอบครัวของพวกเขาให้เสียหายยับเยินในวันกิยามะฮ์
พึงทราบเถิด
แท้จริงบรรดาผู้อธรรมนั้นอยู่ในการลงโทษอันถาวร
[42:46]
และสำหรับพวกเขาจะไม่มีผู้คุ้มครองให้ความช่วยเหลือแก่พวกเขานอกจากอัลลอฮ์
และผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงให้เขาหลงทาง
เขาผู้นั้นก็จะไม่มีทาง
(ไปสู่การฮิดายะฮ์ได้)
[42:47]
จงตอบรับการเรียกร้องของพระเจ้าของพวกเจ้าเถิด
ก่อนที่วันหนึ่งจะมาถึง
ซึ่งจะไม่มีทางหลีกเลี่ยงไปจากอัลลอฮ์ได้
และในวันนั้นสำหรับพวกเจ้าจะไม่มีที่พักพิง
และพวกเจ้าก็จะไม่มีทางปฏิเสธด้วย
[42:48]
แต่ถ้าพวกเขาผินหลังให้
(ไม่ยอมรับการเรียกร้อง)
ดังนั้นเรามิได้ส่งเจ้ามายังพวกเขาเพื่อเป็นผู้คุ้มกันรักษา
หน้าที่ของเจ้ามิใช่อื่นใดนอกจากการเผยแผ่เท่านั้น
และแท้จริงถ้าเราจะให้มนุษย์ลิ้มรสความเมตตาจากเรา
เขาก็จะยินดีปรีดาต่อความเมตตานั้น
และหากเคราะห์กรรมประสบแก่พวกเขา
เนื่องจากน้ำมือของพวกเขาได้ประกอบเอาไว้
ดังนั้นแน่นอนมนุษย์นั้นเป็นผู้เนรคุณเสมอ
[42:49]
อำนาจเด็ดขาดแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์
พระองค์ทรงสร้างสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์
พระองค์ทรงประทานลูกหญิงแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
และทรงประทานลูกชายแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
[42:50]
หรือพระองค์ทรงประทานรวมให้แก่พวกเขาทั้งหลาย
และลูกหญิง
และพระองค์ทำให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์เป็นหมัน
แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้
ผู้ทรงอนุภาพ
[42:51]
และไม่เป็นการบังควรแก่มนุษย์คนใดที่จะให้อัลลอฮ์ตรัสแก่เขาเว้นแต่โดยทางวะฮีย์ยฺ
หรือโดยทางเบื้องหลังม่าน
หรือโดยที่พระองค์จะส่งทูตมา
แล้วเขา
(มะลัก) ก็จะนำวะฮีย์ยฺมาตามที่พระองค์ทรงประสงค์โดยบัญชาของพระองค์
แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงสูงส่งผู้ทรงปรีชาญาณ
[42:52]
และเช่นนั้นแหละเราได้วะฮีย์ยฺอัลกุรอาน
แก่เจ้าตามบัญชาของเรา
เจ้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอะไรคือคัมภีร์
และอะไรคือการศรัทธาแต่ว่าเราได้ทำให้อัลกุรอานเป็นแสงสว่างเพื่อชี้แนะทาง
โดยนัยนั้นแก่ผู้ที่เราประสงค์จากปวงบ่าวของเรา
และแท้จริงเจ้านั้น
จะได้รับการชี้แนะสู่ทางอันเที่ยงธรรมอย่างแน่นอน
[42:53]
ทางของอัลลอฮ์
ซึ่งสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย
และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์
พึงทราบเถิดกิจการทั้งหลายย่อมไปสู่อัลลอฮ์
Az-Zukhruf
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[43:1]
ฮามีม
[43:2]
ขอสาบานด้วยคัมภีร์อันชัดแจ้ง
[43:3]
แท้จริงเราได้ทำให้คัมภีร์เป็นกุรอานภาษาอาหรับ
เพื่อพวกเจ้าจะได้ใช้สติปัญญา
[43:4]
และแท้จริงอัลกุรอานนั้นอยู่ในแม่บทแห่งคัมภีร์
(อัลลูฮุลมะฮ์ฟูซ)
ณ ที่เรา คือสูงส่งพรั่งพร้อมด้วยปรัชญา
[43:5]
ดังนั้นจะให้เราหันเหข้อตักเตือนนี้จากพวกเจ้าเสียทีเดียว
เพราะพวกเจ้าเป็นหมู่ชนผู้ฝ่าฝืนกระนั้นหรือ
[43:6]
และกี่มากน้อยแล้วที่เราได้ส่งนบีมาในชนชาติรุ่นก่อน
ๆ
[43:7]
และไม่มีนบีคนใดที่ได้มายังพวกเขาเว้นแต่พวกเขาจะได้เยาะเย้ยเขา
(นบี)
[43:8]
ฉะนั้นเราจึงได้ทำลาย
(หมู่ชน)
ซึ่งเข้มแข็งทางสมรรถภาพมากกว่าพวกเขา
และอุทาหรณ์ของชนชาติรุ่นก่อน
ๆ
ก็ได้ล่วงลับไปแล้ว
[43:9]
และหากเจ้าถามพวกเขาใครเล่าเป็นผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย
และแผ่นดินนี้
แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่า
พระผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงรอบรู้ทรงสร้างมันเหล่านั้น
[43:10]
ผู้ทรงทำให้แผ่นดินแผ่กว้างสำหรับพวกเจ้า
และทรงทำให้มีถนนหนทางในแผ่นดินนั้นสำหรับพวกเจ้า
เพื่อพวกเจ้าจะบรรลุสู่เป้าหมาย
[43:11]
และเป็นผู้ทรงหลั่งน้ำลงมาจากฟากฟ้าตามปริมาณ
และด้วยน้ำนั้นเราได้ทรงทำให้แผ่นดินที่แห้งแล้งมีชีวิตชีวาขึ้น
เช่นนั้นแหละพวกเจ้าจะถูกให้ออกมา
(จากกุบูร)
[43:12]
และเป็นผู้ทรงสร้างทุกสิ่งทั้งหมดเป็นคู่
ๆ
และทรงทำให้เรือและปศุสัตว์สำหรับพวกเจ้าเป็นสิ่งที่พวกเจ้าใช้ขี่เป็นพาหนะ
[43:13]
เพื่อพวกเจ้าจะได้นั่งอยู่บนหลังของมันอย่างมั่นคง
แล้วพวกเจ้าจะได้รำลึกถึงความโปรดปรานของพระเจ้าของพวกเจ้า
เมื่อพวกเจ้าได้นั่งขี่บนมันอย่างเรียบร้อยแล้ว
พวกเจ้าก็จะกล่าวว่า
มหาบริสุทธิ์ผู้ทรงให้พาหนะนี้เป็นความสะดวกแก่เรา
และเรานั้นไม่สามารถจะควบคุมมันได้
[43:14]
และแท้จริงเราจะต้องเป็นผู้กลับไปสู่พระเจ้าของเราอย่างแน่นอน
[43:15]
และพวกเขาได้ตั้งบางส่วนจากปวงบ่าวของพระองค์คู่เคียงกับพระองค์
แท้จริงมนุษย์นั้นเนรคุณอย่างชัดแจ้ง
[43:16]
หรือว่าพระองค์ยึดเอาลูกหญิงจากสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างและพระองค์ทรงเลือกลูกชายให้แก่พวกเจ้า
[43:17]
และเมื่อผู้ใดในหมู่พวกเขาได้รับข่าวตามที่เขาได้ตั้งอุปมาพระผู้ทรงกรุณาปรานี
ใบหน้าของเขากลายเป็นหมองคล้ำ
และเศร้าสลด
[43:18]
และผู้ที่ถูกเติบโตเลี้ยงดูมาท่ามกลางเครื่องประดับ
และในการโต้ถียงก็ไม่มีอะไรชัดแจ้ง
(จะตั้งให้เป็นภาคีต่ออัลลอฮ์)
กระนั้นหรือ ?
[43:19]
และพวกเขาได้ตั้งมลาอิกะฮ์
ซึ่งพวกเขาเป็นบ่าวของพระผู้ทรงกรุณาปรานีว่าเป็นเพศหญิง
และพวกเขารู้เห็นเป็นพยานในการสร้างพวกเขาทั้งหลาย
(มลาอิกะฮ์)
กระนั้นหรือ ? การเป็นพยานของพวกเขาจะถูกบันทึกไว้และพวกเขาจะถูกสอบสวน
[43:20]
และพวกเขากล่าวอีกว่า
หากพระผู้ทรงกรุณาปรานี
ทรงประสงค์พวกเราจะไม่เคารพสักการะพวกเขาดอก
(มลาอิกะฮ์)
พวกเขาไม่มีความรู้อันใดในเรื่องนั้น
พวกเขาไม่มีอะไรเลยนอกจากคาดคะเนเท่านั้น
[43:21]
หรือว่าเราได้ประทานคัมภีร์เล่มนึ่งแก่พวกเขาก่อนหน้านั้น
ดังนั้นพวกเขาจึงยึดถือคัมภีร์นั้นไว้อย่างมั่นคง
[43:22]
เปล่าเลย
พวกเขากล่าวว่า
แท้จริงเราได้พบเห็นบรรพบุรุษของเราอยู่ในแนวทางนี้
ดังนั้นเราจึงดำเนินตามแนวทางของพวกเขา
[43:23]
และเช่นนั้นแหละ
เรามิได้ส่งผู้ตักเตือนคนใดก่อนหน้าเจ้าไปยังเมืองใด
เว้นแต่บรรดาผู้ฟุ่มเฟือยของมัน
(เมืองนั้น)
จะกล่าวว่า
แท้จริงเราได้พบเห็นบรรพบุรุษของเราอยู่ในแนวทางนี้
ดังนั้นเราจึงดำเนินตามแนวทางของพวกเขา
[43:24]
เขา
(ร่อซู้ลของพวกเขา)
กล่าวว่าหากว่าฉันได้นำมาให้พวกท่าน
ซึ่งแนวทางที่ถูกต้องกว่าที่พวกท่านได้พบเห็นบรรพบุรุษของพวกท่านยึดถืออยู่เล่า
? พวกเขากล่าวว่าแท้จริงเราเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อสิ่งที่พวกท่านถูกส่งมานั้น
[43:25]
ดังนั้นเราได้ตอบแทนพวกเขา
บัดนี้จงดูเถิดว่าบั้นปลายของบรรดาผู้ปฏิเสธนั้นจะเป็นเช่นไร
[43:26]
และจงรำลึกถึงเมื่ออิบรอฮีมได้กล่าวแก่บิดาของเขา
และหมู่ชนของเขาว่า
แท้จริงฉันขอปลีกตัวจากสิ่งที่พวกท่านเคารพภักดี
[43:27]
นอกจาก
(อัลลอฮ์) ซึ่งทรงบังเกิดฉันเท่านั้น
เพราะแท้จริงพระองค์จะทรงชี้แนะทางที่ถูกต้องแก่ฉัน
[43:28]
และเขา
(อิบรอฮีม)
ได้ทำให้คำกล่าว
(ชะฮาดะฮ์)
อยู่คงต่อไปในลูกหลานของเขา
หวังว่าพวกเขาจะกลับมาสำนึกผิด
[43:29]
ยิ่งกว่านั้น
ข้าได้ให้พวกเขาเหล่านั้น
และบรรพบุรุษของพวกเขาหลงระเริงอยู่จนกระทั่งได้มีสัจธรรม
(อัลกุรอาน)
และร่อซู้ล
ผู้ประกาศสาส์นอย่างชัดแจ้งมายังพวกเขา
[43:30]
ครั้งเมื่อได้มีสัจธรรมมายังพวกเขา
พวกเขาก็กล่าวว่า
นี้คือมายากล
และแท้จริง พวกเราเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อสัจธรรมนั้น
[43:31]
และพวกเขากล่าวว่า
ทำไมอัลกุรอานนี้จึงไม่ถูกประทานลงมาให้แก่ชายผู้มีความสำคัญแห่งสองเมืองนี้
[43:32]
พวกเขาเป็นผู้แบ่งปันความเมตตาแห่งพระเจ้าของเจ้า
กระนั้นหรือ ? เราต่างหากที่เป็นผู้จัดสรรการทำมาหากินของพวกเขาระหว่างพวกเขาในการมีชีวิตอยู่ในบนโลกนี้
และเราได้เชิดชูบางคนในหมู่พวกเขาเหนือกว่าอีกบางคนหลายชั้น
เพื่อบางคนในหมู่พวกเขาจะเอาอีกบางคนมาใช้งาน
และความเมตตาของพระเจ้าของเจ้านั้นดียิ่งกว่าที่พวกเขาสะสมไว้
[43:33]
และหากมิใช่มนุษย์ทั้งหลายจะได้เป็นประชาชาติหนึ่งเดียวกันแล้ว
แน่นอนเราจะให้ผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาต่อพระผู้ทรงกรุณาปรานีมีบ้านของพวกเขาหลังคาทำด้วยเงิน
และบันไดที่พวกเขาขึ้น
(ก็ทำด้วยเงิน)
[43:34]
และบ้านของพวกเขามีประตูและเตียงนอน
(ทำด้วยเงิน)
ซึ่งพวกเขาจะนอนเอกเขนกบนมัน
[43:35]
และ
(เราจะให้เครื่องประดับแก่พวกเขาที่ทำด้วย)
ทองคำ
แต่ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวแห่งชีวิตในโลกนี้เท่านั้น
ส่วนในปรโลก
ณ ที่พระเจ้าของเจ้านั้นสำหรับบรรดาผู้ยำเกรง
[43:36]
และผู้ใดผินหลังจากการรำลึกถึงพระผู้ทรงกรุณาปรานี
เราจะให้ชัยตอนตัวหนึ่งแก่เขา
แล้วมันก็จะเป็นสหายของเขา
[43:37]
และแท้จริง
พวกมันจะขัดขวางพวกเขาออกจากทางที่ถูกต้อง
แต่พวกเขาคิดว่า
พวกเขานั้นอยู่ในแนวทางที่ถูกต้องแล้ว
[43:38]
จนกระทั่งเมื่อเขาได้มายังเรา
(ในวันกิยามะฮ์)
เขาจะเปรยขึ้นว่า
อนิจจา
ถ้ระหว่างฉันกับเจ้ามีระยะทางห่างกันเช่นทิศตะวันออกกับทิศตะวันตกก็จะดี
ชั่วช้าแท้ ๆ
สหายเช่นนี้
[43:39]
และในวันนี้มันจะไม่เกิดผลอันใดเลยแก่พวกเจ้า
เพราะพวกเจ้าได้อธรรม
(แก่ตัวเอง)
แม้ว่าพวกเจ้าจะมีหุ้นส่วนร่วมกันในการได้รับโทษก็ตาม
[43:40]
แล้วเจ้าจะทำให้คนหูหนวกได้ยินหรือคนตาบอดได้เห็นทาง
และผู้ที่อยู่ในการหลงผิดอย่างชัดแจ้งกระนั้นหรือ
?
[43:41]
มาตรว่าเราได้ยึดเอาชีวิตเจ้าไป
แน่นอนเราก็จะตอบแทนพวกเขาให้สาสม
[43:42]
หรือเราจะแสดงให้เจ้าเห็นการลงโทษซึ่งเราได้สัญญากับพวกเขาไว้
แท้จริงเรานั้นมีอนุภาพเหนือพวกเขา
[43:43]
ดังนั้นจงยึดมั่นตามที่ได้ถูกวะฮีย์ยฺแก่เจ้า
แท้จริงเจ้านั้นอยู่บนแนวทางอันเที่ยงตรง
[43:44]
และแท้จริงอัลกุรอานคือข้อตักเตือนแก่เจ้าและแก่หมู่ชนของเจ้า
และพวกเจ้าจะถูกสอบสวน*
[43:45]
และเจ้าจงถามผู้ที่เราได้ส่งมาก่อนเจ้าจากบรรดารอซูลของเราว่า
เราได้ตั้งพระเจ้าหลายองค์อื่นจากรพะผู้ทรงกรุณาปรานี
เพื่อเคารพบูชากระนั้นหรือ
?*
[43:46]
และโดยแน่นอนเราได้ส่งมูซาพร้อมด้วยสัญญาณต่าง
ๆ
ของเราไปยังฟิรเอานฺ
และบรรดาผู้นำของเขา
แล้วเขากล่าวว่า
แท้จริงฉันเป็นร่อซูลของพระเจ้าแห่งสากลโลก
*
[43:47]
ครั้งเมื่อเขาได้มายังพวกเขาพร้อมด้วยสัญญาณต่าง
ๆ ของเรา
แล้วพวกเขาก็หัวเราะเยาะต่อสัญญาณนั้น
ๆ *
[43:48]
และเรามิได้แสดงสัญญาณอันใดแก่พวกเขา
เว้นแต่ว่าแต่ละอันจะยิ่งใหญ่กว่าอีกอันหนึ่งและเราได้คร่าพวกเขาด้วยการลงโทษ
หวังว่าพวกเขาจะกลับมาสำนึกผิด
*
[43:49]
และพวกเขากล่าวว่า
โอ้มายากรเอ๋ย
โปรดวิงวอนต่อพระเจ้าของท่านแก่พวกเราด้วย
ตามที่พระองค์ได้ทรงทำสัญญากับท่าน
แท้จริงเราจะเป็นผู้อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง
*
[43:50]
ครั้งเมื่อเราได้ปลดเปลื้องการลงโทษให้พ้นไปจากพวกเขาแล้ว
เมื่อนั้นพวกเขาก็ผิดสัญญา
*
[43:51]
และฟิรเอานฺได้ประกาศท่ามกลางหมู่ชนของเขา
เขากล่าวว่า
หมู่ชนของฉันเอ๋ยอาณาจักรแห่งอียิปต์นี้มิได้เป็นของฉันดอกหรือ
? และแม่น้ำเหล่านี้ไหลผ่านเบื้องล่าง(วังของ)ฉัน
พวกท่านไม่เห็นดอกหรือ
*
[43:52]
ยิ่งกว่านั้นฉันยังดีกว่าคนนี้
ซึ่งเขาต่ำต้อย
และแทบจะพูดจาไม่ชัดถ้อยชัดคำ
*
[43:53]
ถ้าเช่นนั้นแล้วทำไมจึงไม่สวมกำไลทองให้เขาเล่า
? หรือมีมะลาอิกะฮ์ติดตามมาอยู่กับเขา
*
[43:54]
ด้วยเหตุนี้เขา
(ฟิรเอานฺ)
ได้หลอกลวงหมู่ชนของเขา
แล้วพวกเขาก็เชื่อฟังเขา
แท้จริงพวกเขาเป็นหมู่ชนผู้ฝ่าฝืน
*
[43:55]
เมื่อพวกเขาได้ทำให้เรากริ้ว
เราได้ตอบแทนพวกเขาอย่างสาสม
แล้วเราได้ให้พวกเขาจมน้ำทั้งหมด
*
[43:56]
และเราได้ทำให้พวกเขาเป็นอดีตที่ล่วงเลยไปและอุทธาหรณ์แก่คนรุ่นต่อไป
ๆ ไป *
[43:57]
และเมื่ออีซา
ดูซิหมู่ชนของเจ้าก็โห่ร้องด้วยความขบขัน
*
[43:58]
และพวกเขากล่าวว่า
พระเจ้าทั้งหลายของเราดีกว่าหรือว่าเขา
(อีซา)
พวกเขามิได้เปรียบเทียบเรื่องนี้แก่เจ้าเพื่ออื่นใดนอกจากการโต้เถียง
ยิ่งกว่านั้นพวกเขาเป็นหมู่ชนที่ชอบการโต้เถียงอีกด้วย
*
[43:59]
เขา
(อีซา)
มิใช่ใครคนอื่นนอกจากเป็นบ่าวคนหนึ่ง
ซึ่งเรา
(อัลลอฮ์)
ได้ให้ความโปรดปรานแก่เขา
และเราได้ทำให้เขาเป็นแบบอย่างที่ดีแก่วงศ์วานของอิสรออีล
*
[43:60]
และหากเราประสงค์เราจะตั้งให้มี
มะลาอีกะฮ์ขึ้นจากในหมู่พวกเจ้าให้เป็นผู้สืบช่วงในแผ่นดินนี้
*
[43:61]
และแท้จริงเขา
(อีซา)
แน่นอนเป็นเครื่องหมายแห่งยามอวสาน
ดังนั้นเจ้าอย่าได้สงสัยในเรื่องนี้
แต่จงปฏิบัติตามฉัน
นี้คือแนวทางอันเที่ยงตรง
*
[43:62]
และอย่าให้ชัยตอนมาขัดขวางพวกเจ้า
แท้จริงมันเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกเจ้า
*
[43:63]
และเมื่ออีซาได้มาพร้อมด้วยหลักฐานทั้งหลายอันชัดแจ้ง
เขากล่าวว่า
แน่นอนฉันได้มาหาพวกท่านพร้อมด้วยการเป็นนะบีและบทบัญญัติแห่งอินญีล
และเพื่อฉันจะได้ชี้แจงแก่พวกท่านให้กระจ่างแจ้งในบางเรื่องที่พวกท่านขัดแย้งกัน
ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์
และเชื่อฟังปฏิบัติตามฉันเถิด
*
[43:64]
แท้จริงอัลลอฮ์นั้น
พระองค์คือพระเจ้าของฉัน
และพระเจ้าของพวกท่าน
ดังนั้นจงเคารพภักดีพระองค์เถิด
นี่คือแนวทางอันเที่ยงตรง
*
[43:65]
นิกายต่าง
ๆ
ได้ขัดแย้งกันในระหว่างพวกเขา
ดังนั้นความหายนะจงประสบแด่บรรดาผู้อธรรมเนื่องจากการลงโทษแห่งวันอันเจ็บปวด
*
[43:66]
พวกเขามิได้คอยสิ่งใดนอกจากยามอวสาน
ซึ่งมันจะมาหาพวกเขาอย่างกระทันหันโดยที่พวกเขาไม่รู้สึกตัว
*
[43:67]
ในวันนั้นบรรดามิตรสหายจะเป็นศัตรูกัน
นอกจากบรรดาผู้ยำเกรง
(อัลลอฮ์) *
[43:68]
โอ้ปวงบ่าวของข้าเอ๋ย
ไม่มีความหวาดกลัวอันใดแก่พวกเจ้าในวันนี้
และพวกเจ้ามิต้องเศร้าสลดใจ
*
[43:69]
บรรดาผู้ศรัทธาต่อสัญญาณทั้งหลายของเรา
และพวกเขาเป็นผู้นอบน้อม
*
[43:70]
พวกเจ้าจงเข้าไปในสวนสวรรค์
ทั้งตัวของพวกเจ้าและคู่ครองของพวกเจ้าอย่างแช่มชื่นแจ่มใส
*
[43:71]
จะมีจานทำด้วยทองคำและแก้วน้ำถูกนำมาเวียนรอบ
ๆ พวกเขา
และในสวนสวรรค์นั้น
จะมีสิ่งที่จิตใจของพวกเขาต้องการและสายตาของพวกเขาชื่นชมยินดี
และพวกเจ้าจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล
*
[43:72]
และนั่นคือสวนสวรรค์
ซึ่งพวกเจ้าได้ถูกให้รับเป็นมรดกตามที่พวกเจ้าได้กระทำ
(ความดี) ไว้ *
[43:73]
ในสวนสวรรค์นั้นจะมีผลไม้มากมายสำหรับพวกเจ้า
พวกเจ้าจะได้กินส่วนหนึ่งจากมัน
*
[43:74]
แท้จริงบรรดาผู้กระทำความผิด
(ผู้ปฏิเสธศรัทธา)
นั้นจะอยู่ในการลงโทษในนรกญะฮันนัมตลอดกาล
*
[43:75]
การลงโทษนั้นจะไม่ถูกลดหย่อนแก่พวกเขา
และในการลงโทษนั้นพวกเขาเป็นผู้หมดหวัง
*
[43:76]
และเรามิได้อธรรมต่อพวกเขา
แต่พวกเขาต่างหากที่เป็นผู้อธรรมต่อตัวเอง
*
[43:77]
และพวกเขาจะร้องเรียกขึ้นว่า
โอ้มาลิก (ยามเฝ้าประตูนรก)
โปรดให้พระเจ้าของท่านจัดการให้เราตายเสียเถิด
เขา (มาลิก)
จะกล่าวว่า
แท้จริงส่วนมากของพวกเจ้าเป็นผู้พำนักอยู่ตลอดไป
*
[43:78]
โดยแน่นอนเราได้นำความจริงมายังพวกเจ้าแล้ว
แต่ส่วนมากของพวกเจ้าเป็นผู้ชิงชังความจริง
*
[43:79]
หรือว่าพวกเขาได้ตกลงวางแผนในเรื่องใด
ดังนั้นแน่นอนเราก็ได้ตกลงวางแผนเช่นกัน
(ที่จะทำลายแผนของพวกเขา)
*
[43:80]
หรือพวกเขาคิดว่า
เราไม่ได้ยินความลับของพวกเขา
และการประชุมลับของพวกเขาแน่นอน
(เราได้ยิน)
และทูตของเราอยู่กับพวกเขา
เพื่อบันทึก *
[43:81]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
ถ้าหากพระผู้ทรงกรุณาปรานี
ทรงมีโอรส
ดังนั้นฉันจะเป็นคนแรกในหมู่ผู้เคารพภักดีทั้งหลาย
*
[43:82]
มหาบริสุทธิ์แด่พระเจ้าแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน
พระเจ้าแห่งบัลลังก์
(ทรงบริสุทธิ์)
จากสิ่งพวกเขากล่าวอ้าง
*
[43:83]
ดังนั้นเจ้าจงปล่อยพวกเขาให้มั่วสุมและหลงระเริง
จนกว่าพวกเขาจะได้พบกับวัน
(กิยามะฮ์)
ของพวกเขา
ซึ่งพวกเขาถูกสัญญาไว้
*
[43:84]
และพระองค์คือพระผู้เป็นเจ้าแห่งชั้นฟ้า
และพระผู้เป็นเจ้าแห่งแผ่นดิน
และพระองค์เป็นเจ้าแห่งแผ่นดิน
และพระองค์เป็นผู้ทรงปรีชาญาณ
ผู้ทรงรอบรู้
*
[43:85]
ความเจริญสุขจงมีแด่พระผู้ซึ่งอำนาจแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน
และสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสองเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์
และ ณ
ที่พระองค์นั้นคือความรอบรู้แห่งยามอวสาน
และยังพระองค์เท่านั้นที่พวกเจ้าจะถูกนำกลับไป
*
[43:86]
และบรรดาผู้ที่วิงวอนขอสิ่งอื่นจากพระองค์นั้น
จะไม่มีอำนาจในการขอชะฟาอะฮ์
นอกจากผู้ยืนยันเป็นพยานด้วยความจริง
และพวกเขารู้ดี
*
[43:87]
และถ้าพวกเจ้าถามพวกเขาว่า
ใครเป็นผู้สร้างพวกเขา
แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่าอัลลอฮ์
แล้วทำไมเล่าพวกเขาจึงหันเหออกไปทางอื่น
*
[43:88]
และจะมีเสียงกล่าวของเขาว่า
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์
แท้จริงชนเหล่านั้นเป็นหมู่ชนที่ไม่ศรัทธา
*
[43:89]
ดังนั้น
เจ้าจงให้อภัยแก่พวกเขา
และจงกล่าวว่าศานติ
แล้วพวกเขาก็จะรู้
*
Ad-Dukhân
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[44:1]
ฮามีม
[44:2]
ขอสาบานด้วยคัมภีร์อันชัดแจ้ง
[44:3]
แท้จริงเราได้ประทานอัลกุรอานลงมาในคืนอันจำเริญ
แท้จริงเราเป็นผู้ตักเตือน
[44:4]
ในคืนนั้นทุก
ๆ
กิจการที่สำคัญถูกจำแนกไว้แล้ว
[44:5]
โดยทางบัญชามาจากเรา
แท้จริงเราเป็นผู้ส่งมา
[44:6]
เป็นความเมตตาจากพระเจ้าของเจ้า
แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน
ผู้ทรงรอบรู้
[44:7]
พระเจ้าแห่งชั้นฟ้าทั้งหลาย
และแผ่นดินและสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสอง
หากพวกเจ้าเป็นผู้เชื่อมั่น
[44:8]
ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดอีกนอกจากพระองค์
ผู้ทรงให้เป็นและผู้ทรงให้ตาย
พระเจ้าของพวกเจ้าและพระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของพวกเจ้าในสมัยก่อน
ๆ
[44:9]
แต่ทว่าพวกเขากังวลอยู่ในการสงสัย
[44:10]
ดังนั้น
เจ้าจงคอยเฝ้าดูวันที่ชั้นฟ้าจะนำไอหมอกออกมาซึ่งจะเห็นได้ชัด
[44:11]
ซึ่งจะครอบคลุมผู้คน
นี่คือการลงโทษอันเจ็บปวด
[44:12]
(พวกเขาจะกล่าวว่า)
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ได้ทรงปลดเปลื้องการลงโทษนี้
ให้พ้นจากข้าพระองค์
แท้จริงพวกเราเป็นผู้ศรัทธา
[44:13]
ข้อตักเตือนนั้นจะเป็นผลแก่พวกเขาได้อย่างไร
ทั้ง ๆ
ที่ได้มีร่อซู้ลผู้ชี้แจงอย่างแจ้งชัดมายังพวกเขาแล้ว
[44:14]
แล้วพวกเขาก็ผินหลังออกไปจากเขา
และพวกเขากล่าวว่าเขา
(มุฮัมมัด)
เป็นคนบ้าที่ได้รับการเสี้ยมสอน
[44:15]
แน่นอนเราจะปลดเปลื้องการลงโทษนั้นให้พ้นไป
(จากพวกเจ้า)
ชั่วขณะหนึ่ง
แล้วพวกเจ้าก็จะกลับไปสู่สภาพเดิม
[44:16]
วันที่เราจะปราบพวกเขาด้วยการปราบครั้งยิ่งใหญ่
แน่นอนเราเป็นผู้ตอบแทนอย่างสาสม
[44:17]
และโดยแน่นอน
เราได้ทดสอบหมู่ชนของฟิรเอาน์ก่อนหน้าพวกเขา
และได้มีร่อซู้ล
(มูซา)
ผู้มีเกียรติมายังพวกเขา
[44:18]
(โดยกล่าวว่า)
จงมอบปวงบ่าวของอัลลอฮ์ให้แก่ฉัน
แท้จริงฉันคือร่อซู้ลผู้ซื่อสัตย์สำหรับพวกท่าน
[44:19]
และพวกท่านอย่ายกตนเหนืออัลลอฮ์
แท้จริงฉันมาหาพวกท่านพร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้ง
[44:20]
และแท้จริงฉันขอความคุ้มครองต่อพระเจ้าของฉัน
และพระเจ้าของพวกท่านมิให้พวกท่านทำร้ายฉัน
[44:21]
และถ้าหากพวกท่านไม่เชื่อฉันก็จงถอยห่างไปจากฉัน
[44:22]
แล้วเขาก็วิงวอนขอต่อพระเจ้าของเขาว่า
ชนเหล่านี้เป็นหมู่ชนผู้กระทำความผิด
[44:23]
ดังนั้น
จงเดินทางในเวลากลางคืนพร้อมด้วยปวงบ่าวของข้า
เพราะพวกเจ้าจะถูกติดตามอย่างแน่นอน
[44:24]
และจงปล่อยทะเลให้สงบนิ่ง
(เหมือนเดิม)
เพราะแท้จริงพวกเขาเป็นไพร่พลที่ถูกจมน้ำตาย
[44:25]
กี่มากน้อยที่พวกเขาได้ทิ้งสวนหลากหลาย
และน้ำพุหลายแห่ง
[44:26]
และเรือกสวนไร่นา
และอาคารระโหฐานอันมีเกียรติ
[44:27]
และความสะดวกสะบายที่พวกเขาสนุกสนานร่าเริง
[44:28]
เช่นนั้นแหละ
เราได้ให้หมู่ชนอื่นรับมรดกครอบครองมัน
[44:29]
และชั้นฟ้า
และแผ่นดินมิได้ร่ำไห้เพราะ
(เสียดาย)
พวกเขาและพวกเขาจะไม่ถูกประวิงเวลา
[44:30]
และโดยแน่นอน
เราได้ให้วงศ์วานของอิสราเอลรอดพ้นจากการทรมานที่น่าอดสู
[44:31]
จากฟิรเอาน์แท้จริงเขาเป็นผู้โอหังที่มาจากผู้ฝ่าฝืน
[44:32]
และโดยแน่นอนเราได้เลือกพวกเขาเหนือประชาชาติทั้งหลายในยุคนั้น
เนื่องด้วยความรอบรู้ของเรา
[44:33]
และเราได้ประทานสัญญาณต่าง
ๆ แก่พวกเขา ซึ่งในนั้นมีข้อทดสอบอย่างชัดแจ้ง
[44:34]
แท้จริงชนเหล่านั้น
แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่า
[44:35]
มันเป็นเพียงความตายครั้งแรกของเรา
และเราจะไม่ถูกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีก
[44:36]
ดังนั้น
จงนำบรรพบุรุษของเรากลับมาอีกซิ
หากพวกท่านเป็นผู้ซื่อสัตย์จริง
[44:37]
พวกเขา
(กุฟฟารมักกะฮ์)
ดีกว่า
หรือว่าหมู่ชนแห่งตุบบะอ์
(ชาวสะบะอ์แห่งเยเมน)
และบรรดาหมู่ชนก่อนหน้าพวกเขาเราได้ทำลายล้างพวกเขา
เพราะพวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้กระทำความผิด
[44:38]
และเรามิได้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย
และแผ่นดิน
และสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสองอย่าง
อย่างไร้สาระ
[44:39]
เรามิได้สร้างทั้งสอง
(ดังกล่าวนั้น)
เพื่ออื่นใดนอกจากเพื่อความจริง
แต่ว่าส่วนมากของพวกเขาไม่รู้
[44:40]
แท้จริงวันแห่งการตัดสินนั้นเป็นเวลาที่ถูกกำหนดไว้สำหรับพวกเขาทั้งหมด
[44:41]
วันที่ญาติสนิทจะไม่อำนวยประโยชน์อันใดให้แก่ญาติสนิทอีกคนหนึ่งได้
และพวกเขาเองก็จะไม่ได้รับความช่วยเหลือ
[44:42]
เว้นแต่ผู้ที่อัลลอฮ์ทรงมีเมตตา
แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[44:43]
แท้จริงต้นซักกูม
[44:44]
จะเป็นอาหารของผู้ทำบาปมาก
[44:45]
เช่นทองแดงที่ถูกหลอมเดือด
มันจะต้มเดือดอยู่ในท้อง
[44:46]
เช่นการเดือดพล่านของน้ำร้อน
[44:47]
(มีเสียงกล่าวแก่ยามเฝ้านรกว่า)
จงจับเขาไปและลากเขาไปสู่กลางไฟที่ลุกโชน
[44:48]
แล้วจงราดลงบนหัวของเป็นการลงโทษแห่งน้ำเดือด
[44:49]
จงลิ้มรสการลงโทษซิ
แท้จริงเจ้า
(เคยพูดว่า)
เป็นผู้มีอำนาจ
ผู้มีเกียรติ
[44:50]
แท้จริง
นี้คือสิ่งที่พวกเจ้าเคยสงสัยไว้
[44:51]
แท้จริงบรรดาผู้ยำเกรงจะอยู่ในสถานที่อันสงบปลอดภัย
[44:52]
ท่ามกลางสวนสวรรค์หลากหลาย
และน้ำพุหลายแห่ง
[44:53]
พวกเขาจะสวมอาภรณ์ทำด้วยผ้าไหมละเอียด
และผ้าไหมหยาบ
หันหน้าเข้าหากัน
[44:54]
เช่นนั้นแหละเราจะให้พวกเขามีคู่ครอง
เป็นหญิงสาววัยรุ่นมีดวงตาสวยงาม
[44:55]
พวกเขาจะเรียกเอาผลไม้ทุกชนิดที่อยู่ในสวนสวรรค์นั้นอย่างปลอดภัย
[44:56]
ในสวนสวรรค์นั้น
พวกเขาจะไม่ได้ลิ้มรสความตาย
นอกจากความตายครั้งแรก
(ในโลกดุนยา)
และพระองค์จะทรงคุ้มครองพวกเขาให้พ้นจากการลงโทษแห่งไฟนรก
[44:57]
เป็นความโปรดปรานจากพระเจ้าของเจ้า
นั่นคือความสำเร็จอันใหญ่หลวง
[44:58]
ดังนั้นแท้จริงเราได้ทำให้อัลกุรอานเป็นที่ง่ายดายในภาษาของเจ้า
(อาหรับ) เพื่อพวกเขาจะได้ใคร่ครวญ
[44:59]
ฉะนั้น
จงคอยดูเถิด
แท้จริงพวกเขาก็จะเป็นผู้คอยเช่นกัน
Al-Jâthiyah
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[45:1]
ฮา
มีม
[45:2]
การประทานลงมาขอคัมภีร์นี้จากอัลลอฮ์
ผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[45:3]
แท้จริงในชั้นฟ้าทั้งหลาย
และแผ่นดินนั้น
แน่นอนย่อมมีสัญญาณหลากหลายสำหรับบรรดาผู้ศรัทธา
[45:4]
และในการบังเกิดพวกเจ้า
และสิ่งที่พระองค์ทรงให้สัตว์แต่ละชนิดแพร่สะพัดออกไปนั้นย่อมเป็นสัญญาณหลากหลายสำหรับหมู่ชนผู้เชื่อมั่น
[45:5]
และการสับเปลี่ยนของกลางคืนและกลางวัน
และสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงหลั่งลงมาจากฟากฟ้า
เพื่อเป็นปัจจัยยังชีพนั้น
พระองค์ทรงให้แผ่นดินมีชีวิตชีวาโดยน้ำฝนหลังจากการแห้งแล้งของมัน
และการเปลี่ยนทิศทางเดินของลมย่อมเป็นสัญญาณหลากหลายสำหรับหมู่ชนผู้ใช้สติปัญญา
[45:6]
นั่นคือสัญญาณต่าง
ๆ ของอัลลอฮ์
ซึ่งเราได้สาธยายสัญญาณเหล่านั้นแก่เจ้าด้วยความจริง
และสัญญาณต่าง
ๆ
ของพระองค์ที่พวกเขาจะศรัทธากัน
[45:7]
ความหายนะจงประสบแด่ทุกคนที่เป็นผู้โกหก
ผู้ทำบาปมาก
[45:8]
เขาได้ฟังอายาต
(อัลกุรอาน)
ของอัลลอฮ์ถูกสาธยายแก่เขา
แล้วเขาก็ดื้อรั้นอย่างยะโส
ประหนึ่งว่าเขาไม่เคยฟังอายาตมาก่อนเลยดังนั้นจงแจ้งข่าวแก่เขาถึงการลงโทษอันเจ็บปวด
[45:9]
และเมื่อเขาได้ทราบสิ่งใดจากอายาตของเรา
เขาก็ถือเอาอายาตนั้น
ๆ
เป็นการล้อเลียน
ชนเหล่านี้สำหรับพวกเขาจะได้รับการลงโทษอันอัปยศ
[45:10]
เบื้องหน้าพวกเขาคือนรกญะฮันมัน
และสิ่งที่พวกเขาขวนขวายไว้จะไม่อำนวยประโยชน์อันใดแก่พวกเขาได้
และสิ่งที่พวกเขายึดถือเอาเป็นผู้คุ้มครองอื่นจากอัลลอฮ์
ก็จะไม่อำนวยประโยชน์เช่นกัน
และสำหรับพวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างใหญ่หลวง
[45:11]
นี่คือแนวทางที่ถูกต้อง
ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาต่ออายาต
(อัลกุรอาน)
แห่งพระเจ้าของพวกเขา
สำหรับพวกเขาจะได้รับการลงโทษอันมหันต์อย่างเจ็บปวด
[45:12]
อัลลอฮ์
คือผู้ทรงทำให้ทะเลเป็นประโยชน์สำหรับพวกเจ้า
เพื่อให้เรือเดินสมุทรแล่นไปตามน่านน้ำโดยพระบัญชาของพระองค์
และเพื่อพวกเจ้าจะได้แสวงหาความโปรดปรานของพระองค์
และเพื่อพวกเจ้าจะได้ขอบคุณ
[45:13]
และพระองค์ทรงทำให้สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย
และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินเป็นประโยชน์แก่พวกเจ้า
ทั้งหมดนี้มาจากพระองค์แท้จริงในการนั้น
แน่นอนย่อมเป็นสัญญาณสำหรับหมู่ชนผู้ใคร่ครวญ
[45:14]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดแก่บรรดาผู้ศรัทธาให้พวกเขาอภัยแก่บรรดาผู้ที่ไม่หวังในวันทั้งหลายของอัลลอฮ์
เพื่อพระองค์จะทรงตอบแทนแก่หมู่ชนตามที่พวกเขาได้ขวนขวายเอาไว้
[45:15]
ผู้ใดกระทำความดีก็จะได้แก่ตัวของเขาเอง
และผู้ใดกระทำความชั่ว
ก็จะตกหนักแก่ตัวของเขาเองแล้วพวกเจ้าย่อมจะกลับไปหาพระเจ้าของพวกเจ้า
[45:16]
และโดยแน่นอนเราได้ประทานคัมภีร์และข้อชี้ขาดตัดสินและการเป็นนบีแก่วงศ์วานของอิสรออีล
และเราได้ให้ปัจจัยยังชีพจากสิ่งดีๆ
แก่พวกเขา
และเราได้ยกย่องพวกเขาให้เหนือประชาชาติทั้งหลายในยุคนั้น
[45:17]
และเราได้ประทานหลักฐานอันชัดแจ้งทั้งหลายแก่พวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้
พวกเขามิได้ขัดแย้งกันเว้นแต่หลักการ
ได้มีความรู้มายังพวกเขาแล้วแต่เนื่องจากความริษยาระหว่างพวกเขากันเอง
แท้จริงพระเจ้าจะทรงตัดสินระหว่างพวกเขาในวันกิยามะฮ์
ในสิ่งที่พวกเขาได้ขัดแย้งกันในเรื่องนั้น
[45:18]
แล้วเราได้ตั้งเจ้าให้อยู่บนแนวทางหนึ่ง
ในเรื่องของศาสนาที่แท้จริง
ดังนั้นจงปฏิบัติตามแนวทางนั้น
และอย่าได้ปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำของบรรดาผู้ไม่รู้
[45:19]
แท้จริงพวกเขาไม่อาจจะช่วยเจ้าให้พ้นจากอัลลอฮ์แต่อย่างใด
และแท้จริงพวกอธรรมนั้นต่างก็เป็นมิตรซึ่งกันและกัน
แต่อัลลอฮ์นั้นทรงเป็นผู้คุ้มครองบรรดาผู้ยำเกรง
[45:20]
อัลกุรอานนี้เป็นแสงสว่างแก่มวลมนุษย์
และเป็นแนวทางที่ถูกต้องและความเมตตาแก่หมู่ชนที่มีความเชื่อมั่น
[45:21]
หรือบรรดาผู้ที่กระทำความชั่ว
คิดหรือว่าเราจะทำให้พวกเขาเป็นเช่นกับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลาย
ให้เท่าเทียมกันทั้งในเวลามีชีวิตของพวกเขาและการตายของพวกเขา
สิ่งที่พวกเขาตัดสินนั้นมันชั่วแท้
ๆ
[45:22]
และอัลลอฮ์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินด้วยความเที่ยงธรรม
และเพื่อทุก ๆ
ชีวิต (ทุกคน)
จะได้รับการตอบแทนตามที่ได้ขวนขวยเอาไว้
และพวกเขาจะไม่ถูกอธรรมแต่อย่างใด
[45:23]
เจ้าเคยเห็นผู้ที่ยึดถือเอาอารมณ์ต่ำของเขาเป็นพระเจ้าของเขาบ้างไหม
? และอัลลอฮ์จะทรงให้เขาหลงทางด้วยการรอบรู้
(ของพระองค์)
และทรงผนึกการการฟังของเขาและหัวใจของเขาและทรงทำให้มีสิ่งบดบังดวงตาของเขา
ดังนั้นผู้ใดเล่าจะชี้แนะแก่เขาหลังจากอัลลอฮ์
พวกเจ้ามิได้ใคร่ครวญกันดอกหรือ
?
[45:24]
และพวกเขากล่าวว่า
ไม่มีชีวิตอื่นใดดอกนอกจากการมีชีวิตของเราในโลกนี้
เราจะตายไปและเราจะมีชีวิตอยู่
และไม่มีสิ่งใดจะมาทำลายเราได้
(ให้เราตาย)
นอกจากกาลเวลาเท่านั้น
สำหรับพวกเขาไม่มีความรู้ในเรื่องนั้นดอก
นอกจากพวกเขาเดาเองเท่านั้น
[45:25]
และเมื่ออายาตต่าง
ๆ
อันชัดแจ้งของเราถูกสาธยายแก่พวกเขา
ข้อขัดแย้งของพวกเขาก็ไม่มีอะไร
นอกจากพวกเขาจะกล่าวว่า
จงนำบรรพบุรุษของเราให้คืนชีพกลับมา
หากพวกท่านเป็นผู้สัตย์จริง
[45:26]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
อัลลอฮ์ทรงให้พวกท่านมีชีวิตขึ้นมา
และทรงให้พวกท่านตายไป
แล้วพระองค์จะทรงรวบรวมพวกท่านในวันกิยามะฮ์
อย่างไม่มีข้อสงสัยใด
ๆ ในเรื่องนั้น
แต่ส่วนมากของมนุษย์ไม่รู้
[45:27]
และอำนาจเด็ดขาดแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นของอัลลอฮ์
วันแห่งยามอวสานจะเกิดขึ้นในวันนั้น
บรรดาผู้กล่าวเท็จจะขาดทุนอย่างย่อยยับ
[45:28]
และเจ้าจะเห็น
(กลุ่มชน)
ทุกชาติอยู่ในสภาพคุกเข่า
ทุกชนชาติจะถูกเรียกมาตามบันทึกของตน
วันนี้พวกเจ้าจะได้รับการตอบแทนตามที่พวกเจ้าได้กระทำไว้
[45:29]
นี้คือบันทึกของเราจะพูดถึงเรื่องของพวกเจ้าด้วยความจริง
แท้จริงเราได้ให้บันทึกไว้ตามที่พวกเจ้าได้กระทำไว้
[45:30]
ดังนั้นส่วนบรรดาผู้ศรัทธา
และกระทำความดีทั้งหลาย
พระเจ้าของพวกเจ้าของพวกเขาก็จะทรงให้พวกเขาเข้าอยู่ในความเมตตาของพระองค์
นั่นคือความสำเร็จอันชัดแจ้ง
[45:31]
และส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธผู้ศรัทธานั้นอายาตต่าง
ๆ ของข้า
มิได้ถูกสาธยายแก่พวกเจ้าดอกหรือ
? แต่พวกเจ้าอวดโอหังและพวกเจ้าเป็นหมู่ชนผู้กระทำผิด
[45:32]
และเมื่อได้มีการกล่าวว่า
แท้จริงสัญญาของอัลลอฮ์นั้นเป็นความจริง
และยามอวสานนั้นไม่มีข้อสงสัยใด
ๆ
ในเรื่องนั้น
พวกเจ้าก็จะกล่าวว่า
เราไม่รู้ว่ายามอวสานคืออะไร
? เราคิดว่ามันมิใช่อะไรเลย
นอกจากเป็นการเดาเท่านั้น
และเรามิได้เป็นผู้เชื่อมั่นในเรื่องนี้
[45:33]
และความชั่วที่พวกเขาได้กระทำเอาไว้จะเป็นที่ประจักษ์แก่พวกเขา
และสิ่งที่พวกเขาเคยเยาะเย้ยไว้นั้นห้อมล้อมพวกเขา
[45:34]
และจะมีเสียงกล่าวขึ้นว่า
วันนี้เราจะลืมพวกเจ้าเช่นที่พวกเจ้าได้ลืมการพบในวันนี้ของพวกเจ้า
และนรกคือที่พำนักของพวกเจ้า
และสำหรับพวกเจ้าจะไม่มีผู้ช่วยเหลือ
[45:35]
เช่นนั้นแหละ
เพราะพวกเจ้าได้ยึดถือเอาอายาตต่าง
ๆ ของอัลลอฮ์เป็นการล้อเลียนและชีวิตในโลกดุนยานี้
ได้ล่อลวงพวกเจ้า
ดังนั้นวันนี้พวกเข้าจะไม่ถูกนำออกจากนรกนั้นและพวกเข้าจะไม่ถูกขอร้องให้กลับไปแก้ตัวเพื่อขอขมาโทษ
[45:36]
ฉะนั้นมวลการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮ์
พระเจ้าแห่งชั้นฟ้าทั้งหลาย
และพระเจ้าแห่งแผ่นดินนี้
พระเจ้าแห่งสากลโลก
[45:37]
ความยิ่งใหญ่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย
และในแผ่นดินนี้เป็นกรรมสิทธิของอัลลอฮ์เท่านั้น
และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงปรีชาญาณ