PART 28
Al-Mujâdilah
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[58:1]
โดยแน่นอน
อัลลอฮ์ทรงได้ยินถ้อยคำของสตรีที่กำลังโต้แย้งกับเจ้าในเรื่องสามีของนางและนางได้ร้องทุกข์ต่ออัลลอฮ์
และอัลลอฮ์นั้นทรงได้ยินการตอบโต้ของเจ้าทั้งสอง
แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงได้ยิน
ผู้ทรงรู้เห็นเสมอ
[58:2]
บรรดาผู้เปรียบเทียบภรรยาของพวกเขาในหมู่พวกเจ้าว่าเสมือนแม่ของพวกเขานั้น
พวกนางมิได้เป็นแม่ของพวกเขา
บรรดาแม่ของพวกเขามิได้เป็นอื่นใดนอกจากเป็นผู้ให้กำเนิดพวกเขาเท่านั้น
และแท้จริงพวกเขานั้นกล่าวคำพูดที่น่าเกลียดและกล่าวเท็จ
และแท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ
ทรงยกโทษให้เสมอ
[58:3]
และบรรดาผู้เปรียบเทียบภรรยาของพวกเขาว่าเสมือนแม่ของพวกเขานั้น
แล้วพวกเขาจะคืนสู่ถ้อยคำที่พวกเขาได้กล่าวไว้
ดังนั้น
(สิ่งที่จำเป็นแก่เขาต้องปฏิบัติคือ)
การปล่อยทาสหนึ่งคนก่อนที่เขาทั้งสองแตะต้องต่อกัน
(ร่วมหลับนอน)
นั่นคือสิ่งที่พวกเจ้าถูกเตือนเอาไว้ใช้ให้ปฏิบัติ
และอัลลอฮ์ทรงรอบรู้ยิ่งในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
[58:4]
ส่วนผู้ที่ไม่สามารถหา
(ทาส) ได้
ก็ต้องถือศีลอดสองเดือนติดต่อกัน
ก่อนที่เขาทั้งสองจะแตะต้องต่อกัน
(ร่วมหลับนอน)
สำหรับผู้ที่ไม่สามารถจะถือศีลอดได้
ก็ต้องให้อาหารแก่คนยากจนจำนวนหกสิบคน
ทั้งนี้เพื่อจะให้พวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์
นั่นคือขอบเขตของอัลลอฮ์
และสำหรับพวกปฏิเสธศรัทธานั้นจะได้รับการลงโทษอย่างเจ็บปวด
[58:5]
แท้จริงบรรดาผู้ต่อต้านอัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์
พวกเขาจะถูกทำให้อัปยศเช่นเดียวกับบรรดาก่อนหน้าพวกเขาได้ถูกทำให้อัปยศมาก่อนแล้ว
และแน่นอนเราได้ประทานอายาตทั้งหลายอันชัดแจ้ง
และสำหรับพวกปฏิเสธศรัทธาจะได้รับการลงโทษอย่างน่าอดสู
[58:6]
วันที่อัลลอฮ์จะทรงให้พวกเขาทั้งหมดฟื้นคืนชีพขึ้นมา
แล้วพระองค์จะทรงแจ้งให้พวกเขาทราบถึงสิ่งที่พวกเขาปฏิบัติไว้
อัลลอฮ์ทรงประเมินมันไว้อย่างครบถ้วน
แต่พวกเขาลืมมัน
และอัลลอฮ์ทรงเป็นพยานต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
[58:7]
เจ้าไม่เห็นดอกหรือว่า
อัลลอฮ์ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดิน
การซุบซิบกันในสามคนจะไม่เกิดขึ้นเว้นแต่พระองค์จะทรงเป็นที่สี่ของพวกเขา
และมันจะไม่เกิดขึ้นในห้าคนเว้นแต่พระองค์ทรงเป็นที่หกของพวกเขา
และมันจะไม่เกิดขึ้นน้อยกว่านั้น
และจะไม่เกิดขึ้นมากกว่านั้น
เว้นแต่พระองค์จะทรงอยู่ร่วมกับพวกเขา
ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในแห่งหนใด
แล้วพระองค์ก็จะทรงแจ้งพวกเขาให้ทราบในวันกิยามะฮ์ถึงสิ่งที่พวกเขาได้ปฏิบัติไว้
(ในโลกดุนยา)
แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง
[58:8]
เจ้าไม่เห็นดอกหรือว่า
บรรดาผู้ที่ถูกห้ามจากการซุบซิบกัน
แล้วพวกเขาก็กลับไปกระทำในสิ่งที่พวกเขาได้ถูกห้ามเอาไว้
และพวกเขาซุบซิบนินทากันในการทำบาปและการเป็นศัตรูและการฝ่าฝืนท่านร่อซู้ล
และเมื่อพวกเขามาหาเจ้า
พวกเขาจะกล่าวทักทายไม่เหมือนกับที่อัลลอฮ์ทรงกล่าวทักทายด้วยคำพูดนั้น
และพวกเขากล่าวในหมู่พวกเขาว่า
ทำไมอัลลอฮ์จึงไม่ทรงลงโทษเราตามที่เราได้กล่าวทักทาย
(มุฮัมมัด)
นรกก็เป็นการพอเพียงแก่พวกเขาแล้ว
พวกเขาจะถูกเผาไหม้ในนั้น
มันเป็นทางกลับที่ชั่วร้ายยิ่ง
[58:9]
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย
เมื่อพวกเจ้าซุบซิบต่อกัน
ก็อย่าได้ซุบซิบกันด้วยการทำบาปและการเป็นศัตรูและการฝ่าฝืนท่านร่อซู้ล
แต่จงซุบซิบกันเพื่อการทำความดีและการยำเกรง
พวกเจ้าจงยำเกรงอัลลอฮ์
ผู้ซึ่งพวกเจ้าจะถูกรวบรวมให้กลับไปหาพระองค์
[58:10]
แท้จริงการซุบซิบนินทากันนั้นเป็นการงานของชัยฏอน
เพื่อมันจะก่อความเสียใจให้แก่บรรดามุอฺมิน
แต่มันจะไม่ให้ร้ายแต่อย่างใดแก่พวกเขา
เว้นแต่ด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์
และเฉพาะอัลลอฮ์เท่านั้นบรรดามุอฺมินต้องมอบความไว้วางใจ
[58:11]
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย
เมื่อได้มีเสียงกล่าวแก่พวกเจ้าว่า
จงหลีกที่ให้ในที่ชุมนุม
พวกเจ้าก็จงหลีกที่ให้เขา
เพราะอัลลอฮ์จะทรงให้ที่กว้างขวางแก่พวกเจ้า
(ในวันกิยามะฮ์)
และเมื่อมีเสียงกล่าวว่าจงลุกขึ้นยืนจากที่ชุมนุมนั้น
พวกเจ้าก็จงลุกขึ้นยืน
เพราะอัลลอฮ์จะทรงยกย่องเทอดเกียรติแก่บรรดาผู้ศรัทธาในหมู่พวกเจ้า
และบรรดาผู้ได้รับความรู้หลายชั้น
และอัลลอฮ์ทรงรอบรู้ยิ่งในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
[58:12]
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย
เมื่อพวกเจ้าจะปรึกษาหารือท่านร่อซู้ลเป็นการส่วนตัว
(เป็นการลับ)
พวกเจ้าจงบริจาคานก่อนการปรึกษาหารือของพวกเจ้า
นั่นเป็นการกระทำที่ดีสำหรับพวกเจ้า
และเป็นการทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
หากพวกเจ้าไม่สามารถหามาได้
แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัย
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[58:13]
พวกเจ้ากลัวต่อากรบริจาคทานก่อนหน้าการปรึกษาหารือเป็นการส่วนตัวของพวกเจ้ากระนั้นหรือ? หากพวกเจ้ามิได้กระทำเช่นนั้น
อัลลอฮ์ก็ได้ทรงอภัยโทษให้แก่พวกเจ้าแล้ว
ดังนั้นพวกเจ้าจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาดและบริจาคซะกาต
และจงเชื่อฟังภักดีต่ออัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์
และอัลลอฮ์ทรงรอบรู้ยิ่งในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
[58:14]
เจ้ามิเห็นดอกหรือบรรดาผู้ที่เป็นมิตรกับชนกลุ่มหนึ่งซึ่งอัลลอฮ์ทรงกริ้วพวกเขา? พวกเขา
(มุนาฟิกีน)
มิได้เป็นพวกของพวกเจ้า
และมิได้เป็นพวกของพวกเขา
(ยะฮูด) และพวกเขาสาบานในเรื่องโกหกทั้งนั้น
ทั้ง ๆ ที่พวกเรารู้ดีอยู่แล้ว
[58:15]
อัลลอฮ์ทรงเตรียมการลงโทษอย่างสาหัสไว้ให้แก่พวกเขาแล้ว
แท้จริงพวกเขานั้น
สิ่งที่พวกเขากระทำไปมันชั่วช้าจริง
ๆ
[58:16]
พวกเขาได้ยึดถือเอาการสาบานของพวกเขาเป็นโล่ป้องกัน
แล้วพวกเขาก็ขัดขวางผู้คนให้ออกจากทางของอัลลอฮ์
ดังนั้น
สำหรับพวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างน่าอดสู
[58:17]
ทรัพย์สมบัติของพวกเขาและลูกหลานของพวกเขา
จะไม่ช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากการลงโทษของอัลลอฮ์ไปได้แต่อย่างใด
ชนเหล่านั้นเป็นชาวนรก
พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล
[58:18]
วันที่อัลลอฮ์จะทรงให้พวกเขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาทั้งหมด
แล้วพวกเขาก็จะสาบานต่อพระองค์ดังเช่นที่พวกเขาสาบานต่อพวกเจ้า
และพวกเขาคิดว่า
แท้จริงพวกเขาอยู่บนสิ่งหนึ่งแห่งความจริงแล้ว
พึงทราบเถิด
แท้จริงพวกเขาเป็นผู้โกหก
[58:19]
ชัยฏอนมารร้ายได้เข้าไปครอบงำพวกเขาเสียแล้ว
มันจึงทำให้พวกเขาลืมการรำลึกถึงอัลลอฮ์
ชนเหล่านั้นคือบรรดาพรรคพวกของชัยฏอน
พึงทราบเถิดว่า
แท้จริงพรรคพวกของชัยฏอนนั้นพวกเขาเป็นผู้ขาดทุน
[58:20]
แท้จริงบรรดาผู้ฝ่าฝืนอัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์
ชนเหล่านั้นอยู่ในหมู่ผู้อัปยศอดสู
[58:21]
อัลลอฮ์ทรงกำหนดไว้ว่า
แน่นอนข้าและร่อซู้ลของข้าจะมีชัยชนะเหนือกว่า
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงพลัง
ผู้ทรงอำนาจเหนือ
[58:22]
เจ้าจะไม่พบหมู่ชนใดที่พวกเขาศรัทธาต่ออัลลอฮ์และวันปรโลก
รักใคร่ชอบพอผู้ที่ต่อต้านอัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นพ่อของพวกเขาหรือลูกหลานของพวกเขา
หรือพี่น้องของพวกเขา
หรือเครือญาติของพวกเขาก็ตาม
ชนเหล่านั้นอัลลอฮ์ได้ทรงบันทึกการศรัทธาไว้ในจิตใจของพวกเขา
และได้ทรงเสริมพวกเขาให้มีพลังมากขึ้นด้วยการสนับสนุนของพระองค์
และจะทรงให้พวกเขาได้เข้าสวนสวรรค์หลากหลาย
มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน
ณ
เบื้องล่างของสวนสวรรค์
โดยเป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล
อัลลอฮ์ทรงโปรดปรานต่อพวกเขาและพวกเขาก็ยินดีปรีดาต่อพระองค์
ชนเหล่านั้นคือพรรคของอัลลอฮ์
พึงรู้เถิดว่า
แท้จริงพรรคของอัลลอฮ์นั้น
พวกเขาเป็นผู้สบความสำเร็จ
Al-Hashr
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[59:1]
สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย
และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินต่างแซ่ซ้องสดุดีแด่อัลลอฮ์
และพระองค์เป็นผู้ทรงทรงอำนาจ
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[59:2]
พระองค์เป็นผู้ทรงให้บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาในหมู่พวกอะฮ์ลุลกิตาลออกจากบ้านเรือนของพวกเขา
เป็นครั้งแรกของการถูกไล่ออกเป็นกลุ่ม
ๆ
พวกเจ้ามิได้คาดคิดกันเลยว่าพวกเขาจะออกไป
(ในสภาพเช่นนั้น)
และพวกเขาคิดว่า
แท้จริงป้อมปราการของพวกเขานั้นจะป้องกันพวกเขาให้รอดพ้นจากการลงโทษของอัลลอฮ์ได้
แต่การลงโทษของอัลลอฮ์ได้มีมายังพวกเขาโดยมิได้คาดคิดมาก่อนเลย
และพระองค์ทรงทำให้ความหวาดกลัวเกิดขึ้นในจิตใจของพวกเขา
โดยพวกเขาได้ทำลายบ้านเรือนของพวกเขาด้วยน้ำมือของพวกเขาเอง
และด้วยน้ำมือของบรรดามุอฺมิน
จงยึดถือเป็นบทเรียนเถิด
โอ้ผู้มีสติปัญญาทั้งหลายเอ๋ย
[59:3]
และหากมิใช่เพราะอัลลอฮ์ได้ทรงกำหนดการเนรเทศแก่พวกเขาแล้ว
แน่นอนพระองค์จะทรงลงโทษพวกเขาในโลกนี้
และสำหรับพวกเขาในปรโลกนั้นก็คือการลงโทษด้วยนรก
[59:4]
ทั้งนี้ก็เพราะว่า
พวกเขาต่อต้านอัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์
และผู้ใดต่อต้านอัลลอฮ์
แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงเข้มงวดในการลงโทษ
[59:5]
การที่พวกเจ้าโค่นต้นอินทผาลัมหรือปล่อยให้มันยืนไว้บนรากของมันนั้น
เนื่องด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์
และเพื่อพระองค์จะทำให้บรรดาผู้ฝ่าฝืนได้รับอัปยศ
[59:6]
และสิ่งใดที่อัลลอฮ์ทรงให้ร่อซู้ลของพระองค์ยึดมาได้จากพวกเขา
(พวกยะฮูด)
พวกเจ้ามิได้เหน็ดเหนื่อยด้วยการขี่ม้าหรือขี่อูฐออกไป
แต่อัลลอฮ์ทรงให้บรรดาร่อซู้ลของพระองค์มีอำนาจเหนือผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง
[59:7]
และสิ่งใดที่อัลลอฮ์ทรงให้ร่อซู้ลของพระองค์ยึดมาได้จากชาวเมือง
(พวกกุฟฟาร) เป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์และร่อซู้ล
และญาติสนิท
และเด็กกำพร้า
และผู้ขัดสน
และผู้เดินทาง
เพื่อมันจะมิได้หมุนเวียนอยู่ในระหว่างผู้มั่งมีของพวกเจ้าเท่านั้น
และอันใดที่ร่อซู้ลได้นำมายังพวกเจ้าก็จงยึดเอาไว้
และอันใดที่ท่านได้ห้าม
พวกเจ้าก็จงละเว้นเสีย
พวกเจ้าจงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด
แท้ริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงเข้มงวดในการลงโทษ
[59:8]
(สิ่งที่ยึดมาได้จากพวกยะฮูด)
เป็นของบรรดาผู้อพยพที่ขัดสน
ซึ่งถูกขับไล่ออกจากบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขาและทอดทิ้งทรัพย์สินของพวกเขาเพื่อแสวงหาความโปรดปรานจากอัลลอฮ์
และความยินดีของพระองค์
และช่วยเหลืออัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์
ชนเหล่านั้นพวกเขาคือผู้สัตย์จริง
[59:9]
และบรรดาผู้ที่ได้ตั้งหลักแหล่งอยู่ที่นครมะดีนะฮ์
(ชาวอันศอร)
และพวกเขาศรัทธาก่อนหน้าการอพยพของพวกเขา
(ชาวมุฮาญิรีน)
พวกเขารักใคร่ผู้ที่อพยพมายังพวกเขา
และจะไม่พบความต้องการหรือความอิจาฉาอยู่ในทรวงอกของพวกเขาในสิ่งที่ได้ถูกประทานให้
และให้สิทธิผู้อื่นก่อนตัวของพวกเขาเอง
ถึงแม้ว่าพวกเขายังมีความต้องการอยู่มากก็ตาม
และผู้ใดปกป้องการตระหนี่ที่อยู่ในตัวของเขา
ชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นผู้ประสบความสำเร็จ
[59:10]
และบรรดาผู้ที่มาหลังจากพวกเขา
โดยพวกเขากล่าวว่า
ข้าแต่พระเจ้าของเราทรงโปรดอภัยให้แก่เราและพี่น้องของเราผู้ซึ่งได้ศรัทธาก่อนหน้าเรา
และขอพระองค์อย่าได้ให้มีการเคียดแค้นเกิดขึ้นในหัวใจของเราต่อบรรดาผู้ศรัทธา
ข้าแต่พระเจ้าของเรา
แท้จริงพระองค์ท่านเป็นผู้ทรงเอ็นดู
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[59:11]
เจ้ามิเห็นดอกหรือว่า
บรรดาผู้กลับกลอกกล่าวแก่พี่น้องของพวกเขาที่ปฏิเสธศรัทธาในหมู่อะฮ์ลุลกิตาบว่า
หากพวกท่านถูกไล่ออกแน่นอนเราก็จะออกไปพร้อมกับพวกท่านด้วย
และเราจะไม่เชื่อฟังปฏิบัติตามผู้ใดเป็นอันขาดเกี่ยวกับพวกท่าน
และหากพวกท่านถูกโจมตี
แน่นอนเราจะช่วยเหลือพวกท่าน
และอัลลอฮ์ทางเป็นพยานว่า
แท้จริงพวกเขาเป็นผู้กล่าวเท็จ
[59:12]
หากพวกเขาถูกขับไล่ออกไป
บรรดาผู้กลับกลอกเหล่านั้นก็จะไม่ออกไปพร้อมกับพวกเขา
และถ้าพวกเขาถูกโจมตี
บรรดาผู้กลับกลอกเหล่านั้นก็จะไม่ช่วยเหลือพวกเขา
(ยะฮูดบะนีนะฎีร)
และหากบรรดาผู้กลับกลอกช่วยเหลือพวกเขา
แน่นอนบรรดาผู้กลับกลอกก็จะผินหลังหนีออกไป
พวกเขาก็จะไม่ได้รับความช่วยเหลือ
[59:13]
แน่นอนพวกเจ้านั้นเป็นที่หวาดเกรงในทรวงอกของพวกเขายิ่งกว่าที่พวกเขามีต่ออัลลอฮ์
ทั้งนี้ก็เพราะว่าพวกเขาเป็นหมู่ชนที่ไม่เข้าใจ
[59:14]
พวกเขาทั้งหมดจะไม่ต่อสู้กับพวกเจ้า
เว้นแต่ในเมืองที่มีป้องปราการ
หรือจากเบื้องหลังของกำแพง
การเป็นศัตรูระหว่างพวกเขากันเองนั้นรุนแรงยิ่งนัก
เจ้าเข้าใจว่าพวกเขารวมกันเป็นปึกแผ่น
แต่
(ความจริงแล้ว)
จิตใจของพวกเขาแตกแยกกัน
ทั้งนี้ก็เพราะว่าพวกเขาเป็นหมู่ชนที่ไม่ใช้สติปัญญาใคร่ครวญ
[59:15]
(สภาพของพวกเขา)
ประหนึ่งอุปมาสภาพของบรรดา
(พวกยิว)
ก่อนหน้าพวกเขาเพียงเล็กน้อย
ซึ่งพวกเขาได้ลิ้มรสผลร้ายแห่งการงานของพวกเขา
และการลงโทษอันเจ็บปวดจะได้แก่พวกเขา
[59:16]
ประหนึ่งเช่นชัยฏอนเมื่อมันกล่าวแก่มนุษย์ว่า
จงปฏิเสธศรัทธาเถิด
ครั้นเมื่อเขาได้ปฏิเสธศรัทธาแล้ว
มันจะกล่าวว่า
แท้จริงฉันขอปลีกตัวออกจากท่าน
แท้จริงฉันกลัวอัลลอฮ์
พระเจ้าแห่งสากลโลก
[59:17]
ดังนั้น
บั้นปลายของพวกเขาทั้งสองคือ
พวกเขาทั้งสองจะพำนักอยู่ในนรก
เป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล
และนั่นคือการตอบแทนของบรรดาผู้อธรรม
[59:18]
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย
พวกเจ้าจงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด
และทุกชีวิตจงพิจารณาดูว่า
อะไรบ้างที่ตนได้เตรียมไว้สำหรับวันพรุ่งนี้
(วันกิยามะฮ์)
และจงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงรู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
[59:19]
และพวกเจ้าอย่าได้เป็นเช่นบรรดาผู้ที่ลืมอัลลอฮ์
มิฉะนั้นอัลลอฮ์จะทรงทำให้พวกเขาลืมตัวของพวกเขาเอง
ชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นผู้ฝ่าฝืน
[59:20]
บรรดาชาวนรกกับบรรดาชาวสวนสวรรค์นั้นไม่เหมือนกันดอก
บรรดาชาวสวนสวรรค์พวกเขาเป็นผู้ได้รับความสำเร็จ
[59:21]
หากเราประทานอัลกุรอานนี้ลงมาบนภูเขาลูกหนึ่ง
แน่นอนเจ้าจะเห็นมันนอบน้อมแตกแยกออกเป็นเสี่ยง
ๆ
เนื่องเพราะความกลัวต่ออัลลอฮ์
อุปมาเหล่านี้เราได้ยกมันมาเปรียบเทียบสำหรับมนุษย์เพื่อพวกเขาจะได้พิจารณาใคร่ครวญ
[59:22]
พระองค์คืออัลลอฮ์
ซึ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกนอกจากพระองค์
ผู้ทรงรองรู้สิ่งเร้นลับและสิ่งเปิดเผย
พระองค์คือผู้ทรงกรุณาปรานี
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[59:23]
พระองค์คือ
อัลลอฮ์
ซึ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกนอกจากพระองค์
ผู้ทรงอำนาจสูงสุด
ผู้ทรงบริสุทธิ์
ผู้ทรงความศานติสุข
ผู้ทรงคุ้มครองการศรัทธา
ผู้ทรงปกปักรักษาความปลอดภัย
ผู้ทรงอำนาจยิ่ง
ผู้ทรงปราบให้เรียบร้อย
ผู้ทรงความยิ่งใหญ่ภูมิใจ
มหาบริสุทธิ์แด่อัลลอฮ์ให้พ้นจากสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคีต่อพระองค์
[59:24]
พระองค์คือ
อัลลอฮ์
ผู้ทรงสร้าง
ผู้ทรงให้บังเกิด
ผู้ทรงทำให้เป็นรูปร่าง
สำหรับพระองค์คือพระนามทั้งหลายอันสวยงามไพเราะ
สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินต่างแซ่ซ้องสดุดีพระองค์
และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงปรีชาญาณ
Al-Mumtahanah
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[60:1]
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย
พวกเจ้าอย่าได้คบศัตรูของข้าและศัตรูของพวกเจ้าเป็นมิตร
โดยให้ความรักใคร่แก่พวกเขา
และทั้ง ๆ
ที่พวกเขาปฏิเสธศรัทธาต่อสิ่งที่มีมายังพวกเจ้าคือสัจธรรม
พวกเขาขับไล่ร่อซู้ลและโดยเฉพาะพวกเจ้า
เนื่องเพราะพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮ์
พระเจ้าของพวกเจ้า
หากพวกเจ้าได้เคยออกไปต่อสู้ในแนวทางของข้า
และแสวงหาความโปรดของข้า
(ดังนั้น
พวกเจ้าอย่าได้คบพวกปฏิเสธศรัทธาเป็นมิตรอื่นจากข้า)
โดยซ่อนความรักใคร่แก่พวกเขาอย่างลับ
ๆ
และข้ารู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเจ้าปิดบัง
และสิ่งที่พวกเจ้าเปิดเผย
และผู้ใดในหมู่พวกเจ้ากระทำเช่นนั้น
แน่นอนเขาได้หลงจากทางอันเที่ยงธรรม
[60:2]
หากพวกเขามีสถานะดีกว่าพวกเจ้า
พวกเขาก็จะแสดงตัวเป็นศัตรูกับพวกเจ้า
และจะยื่นมือของพวกเขาไปยังพวกเจ้า
(ทำร้าย) และลิ้นของพวกเขาจะกล่าวร้ายสาปแช่ง
และพวกเขาใคร่ที่จะให้พวกเจ้าเป็นพวกปฏิเสธศรัทธา
[60:3]
ความสัมพันธ์ทางเครือญาติของพวกเจ้า
และลูกหลานของพวกเจ้าจะไม่อำนวยประโยชน์อันใดแก่พวกเจ้า
ในวันกิยามะฮ์พระองค์จะทรงตัดสินระหว่างพวกเจ้า
และอัลลอฮ์ทรงสอดส่องในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
[60:4]
แน่นอนได้มีแบบอย่างอันดีงามสำหรับพวกเจ้าแล้วใน
(ตัว)
อิบรอฮีม
และบรรดา
(มุอฺมิน)
ผู้ที่อยู่ร่วมกับเขา
เมื่อพวกเขากล่าวแก่หมู่ชนของพวกเขาว่า
แท้จริงพวกเราขอปลีกตัวจากพวกท่านและสิ่งที่พวกท่านเคารพบูชาอื่นจากอัลลอฮ์
เราขอปฏิเสธศรัทธาต่อ
(ศาสนาของ)
พวกท่าน
และการเป็นศัตรูและการเกลียดชังระหว่างพวกเรากับพวกท่านได้ปรากฏขึ้นแล้ว
(และจะคงอยู่)
ตลอดไป
จนกว่าพวกท่านจะศรัทธาต่ออัลลอฮ์องค์เดียว
นอกจากคำกล่าวของอิบรอฮีมแก่บิดาของเขา
(ที่ว่า)
แน่นอนฉันจะขออภัยโทษให้แก่ท่าน
ทั้ง ๆ
ที่ฉันไม่มีอำนาจอันใดจะช่วยท่าน
(ให้พ้นจากการลงโทษ)
จากอัลลอฮ์ได้
ข้าแต่พระเจ้าของเรา
แด่พระองค์ท่านเราขอมอบหมาย
และยังพระองค์ท่านเท่านั้นเราขอลุแก่โทษ
และยังพระองค์ท่านเท่านั้นคือการกลับไป
[60:5]
ข้าแต่พระเจ้าของเรา
ขอพระองค์ทรงอย่าให้เราเป็นที่ทดสอบของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา
ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยให้แก่เรา
ข้าแต่พระเจ้าของเรา
แท้จริงพระองค์ท่านเป็นผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[60:6]
โดยแน่นอน
ได้มีแบบอย่างอันดีงามในพวกเขาสำหรับพวกเจ้าแล้ว
แก่ผู้ที่หวังใน
(การตอบแทนของ)
อัลลอฮ์และวันสุดท้าย
และผู้ใดผินหลังให้
(การศรัทธา)
ดังนั้น
แท้จริงอัลลอฮ์คือ
ผู้ทรงพอเพียง
ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ
[60:7]
บางทีอัลลอฮ์จะทรงทำให้เกิดความรักใคร่ระหว่างพวกเจ้ากับบรรดาผู้ที่พวกเจ้าถือเป็นศัตรูในหมู่พวกเขา
และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอานุภาพ
และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัย
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[60:8]
อัลลอฮ์มิได้ทรงห้ามพวกเจ้าเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่มิได้ต่อต้านพวกเจ้าในเรื่องศาสนา
และพวกเขามิได้ขับไล่พวกเจ้าออกจากบ้านเรือนของพวกเจ้า
ในการที่พวกเจ้าจะทำความดีแก่พวกเขา
และให้ความยุติธรรมแก่พวกเขา
แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรักผู้มีความยุติธรรม
[60:9]
แต่ว่าอัลลอฮ์ทรงห้ามพวกเจ้าเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่ต่อต้านพวกเจ้าในเรื่องศาสนา
และขับไล่พวกเจ้าออกจากบ้านเรือนของพวกเจ้า
และช่วยเหลือให้ขับไล่พวกเจ้าในการที่พวกเจ้าจะผูกมิตรกับพวกเขา
และผู้ใดผูกมิตรกับพวกเขา
ชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นผู้อธรรม
[60:10]
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย
เมื่อบรรดาหญิงผู้ศรัทธาเป็นผู้ลี้ภัยมาหาพวกเจ้า
ก็จงสอบสวนพวกนาง
อัลลอฮ์ทรงรู้ดียิ่งในการศรัทธาของพวกนาง
ครั้นเมื่อพวกเจ้ารู้ว่าพวกนางเป็นผู้ศรัทธา
ก็อย่าได้ส่งพวกนางกลับไปยังพวกปฏิเสธศรัทธา
พวกนางมิได้เป็นที่อนุมัติแก่พวกเขา
และพวกเขาก็มิได้เป็นที่อนุมัติแก่พวกนาง
และจงจ่ายคือให้พวกเขา
(สามีเดิมที่เป็นกาเฟร)
สิ่งที่พวกเขาได้จ่ายไป
(มะฮัร)
และไม่เป็นบาปอันใดแก่พวกเจ้าที่จะแต่งงานกับพวกนาง
เมื่อพวกเจ้าได้ให้แก่พวกนางซึ่งของหมั้นของพวกนาง
และอย่าหน่วงเหนี่ยวพันธะการแต่งงานของบรรดาหญิงผู้ปฏิเสธศรัทธา
และจงขอคืนสิ่งที่พวกเจ้าได้ใช้จ่ายไป
และให้พวกเขาขอคืนสิ่งที่พวกเขาได้ใช้จ่ายไป
นั่นคือข้อตัดสินของอัลลอฮ์
พระองค์ทรงตัดสินในระหว่างพวกเจ้า
และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[60:11]
และถ้าคนใดในบรรดาภริยาของพวกเจ้าหนีไปสู่พวกปฏิเสธศรัทธาแล้ว
ครั้นเมื่อพวกเจ้าสามารถแก้แค้นริบทรัพย์มาได้
ก็จงจ่ายคืนให้แก่บรรดาผู้ที่บรรดาภริยาของพวกเขาหนีไปเท่ากับจำนวนที่พวกเขาได้จ่ายไป
และจงยำเกรงอัลลอฮ์
ผู้ซึ่งพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธาต่อพระองค์เถิด
[60:12]
โอ้นบีเอ๋ย
เมื่อบรรดาหญิงผู้ศรัทธาได้มาหาเจ้า
โดยพวกนางให้ปฏิญาณแก่เจ้าว่าพวกนางจะไม่ตั้งภาคีใด
ๆ ต่ออัลลอฮ์
และจะไม่ขโมย
และจะไม่ทำชู้
และจะไม่ฆ่าลูก
ๆ ของพวกนาง
และจะไม่นำมาซึ่งการใส่ร้ายโดยการเสกสรรลูกหลงพ่อให้เป็นลูกของเขา
และจะไม่ขัดขืนคำสั่งของเจ้าในเรื่องดีงาม
ดังนั้น
จงรับการปฏิญาณของพวกนาง
และจงขอต่ออัลลอฮ์ให้ทรงอภัยแก่พวกนาง
แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัย
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[60:13]
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย
พวกเจ้าอย่าได้คบกับหมู่ชนที่อัลลอฮ์ทรงกริ้วต่อพวกเขาไว้เป็นมิตรสหาย
แน่นอนพวกเขาหมดหวังต่อวันปรโลกแล้ว
เสมือนกับที่พวกปฏิเสธศรัทธาหมดหวังต่อ
(การฟื้นคืนชีพของ)
ชาวกุบูร
As-Saff
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[61:1]
สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินจ่างแซ่ซ้องสดุดีแด่อัลลอฮ์
และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[61:2]
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย
ทำไมพวกเจ้าจึงกล้าพูดในสิ่งที่พวกเจ้าไม่ปฏิบัติ
[61:3]
เป็นที่น่าเกลียดยิ่งที่อัลลอฮ์
การที่พวกเจ้าพูดในสิ่งที่พวกเจ้าไม่ปฏิบัติ
[61:4]
แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรักบรรดาผู้ที่ต่อสู้ในทางของพระองค์เป็นแถวเดียวกัน
ประหนึ่งพวกเขาเป็นอาคารที่ยึดมั่นแข็งแรง
[61:5]
และจงรำลึกเมื่อมูซาได้กล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า
โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย
ทำไมพวกท่านจึงทำร้ายฉัน
และแน่นอนพวกท่านรู้แล้วมิใช่หรือว่า
แท้จริงฉันเป็นร่อซู้ลของอัลลอฮ์มายังพวกท่าน
ดังนั้น
เมื่อพวกเขาหันเหไป
(จากแนวทางที่เที่ยงตรง)
อัลลอฮ์ก็ทรงทำให้หัวใจของพวกเขาหันเหออกไป
และอัลลอฮ์นั้นจะไม่ชี้แนะทางที่ถูกต้องแก่หมู่ชนผู้ฝ่าฝืน
[61:6]
และจงรำลึก
เมื่ออีซา
อิบนิมัรยัม
ได้กล่าวว่า โอ้วงศ์วานอิสรออีลเอ๋ย
แท้จริงฉันเป็นร่อซู้ลของอัลลอฮ์มายังพวกท่าน
เป็นผู้ยืนยันสิ่งที่มีอยู่ในเตารอฮ์ก่อนหน้าฉัน
และเป็นผู้แจ้งข่าวดีถึงร่อซู้ลคนหนึ่ง
ผู้จะมาภายหลังฉัน
ชื่อของเขาคือ
อะหมัด
ครั้นเมื่อเขา
(อะหมัด)
ได้มายังพวกเขาพร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้งแล้ว
พวกเขากล่าวว่า
นี่คือมายากลแท้
ๆ
[61:7]
และผู้ใดเล่าจะอธรรมยิ่งกว่าผู้กล่าวเท็จต่ออัลลอฮ์ด้วยปากของพวกเขา
ขณะที่เขาถูกเชิญชวนสู่อิสลาม
และอัลลอฮ์นั้นจะไม่ชี้แนะทางที่ถูกต้องแก่หมู่ชนผู้อธรรม
[61:8]
พวกเขาปรารถนาที่จะดับรัศมีของอัลลอฮ์ด้วยปากของพวกเขา
แต่อัลลอฮ์เป็นผู้ทำให้รัศมีของพระองค์สมบูรณ์
แม้ว่าพวกปฏิเสธศณัทธาจะเกลียดชังก็ตาม
[61:9]
พระองค์คือผู้ทรงส่งร่อซู้ลของพระองค์ด้วยการชี้นำทางและศาสนาแห่งสัจธรรม
เพื่อพระองค์จะทรงให้ศาสนาอิสลามอยู่เหนือศาสนาทั้งมวล
ถึงแม้พวกตั้งภาคีจะเกลียดชังก็ตาม
[61:10]
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย
ข้าจะชี้แนะแนวทางแก่พวกเจ้าไหมเล่า
ถึงการค้าที่จะช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากการลงโทษอันเจ็บปวด
[61:11]
นั่นคือ
พวกเจ้าต้องศรัทธาต่ออัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์
และต่อสู้ดิ้นรนในทางอัลลอฮ์
ด้วยทรัพย์สินของพวกเจ้าและชีวิตของพวกเจ้า
นั่นเป็นการดียิ่งสำหรับพวกเจ้าหากพวกเจ้ารู้
[61:12]
พระองค์จะทรงอภัยให้แก่พวกเจ้า
ซึ่งการทำบาปของพวกเจ้า
และจะทรงให้พวกเจ้าเข้าในสวนสวรรค์หลากหลาย
มีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน
ณ
เบื้องล่างของสวนสวรรค์
และที่พำนักอันบรมสุขในสวนสวรรค์หลากหลายอันสถาพร
นั่นคือชัยชนะอันใหญ่หลวง
[61:13]
และสิ่งอื่น
ๆ
อีกที่พวกเจ้ารักชอบมัน
การช่วยเหลือจากอัลลอฮ์
และการพิชิตอันใกล้นี้
และจงแจ้งข่าวดีแด่บรรดาผู้ศรัทธาเถิด
[61:14]
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย!
จงเป็นผู้ช่วยเหลือในทางของอัลลอฮ์
ดังเช่นอีซา
อิบน มัรยัม
ได้กล่าวแก่บรรดาสาวกว่า
ผู้ใดจะเป็นผู้ช่วยเหลือฉันไปยังอัลลอฮ์บ้าง? บรรดาสาวกได้กล่าวว่า
พวกเราเป็นผู้ช่วยเหลือในทางของอัลลอฮ์
ดังนั้น
กลุ่มหนึ่งจากวาศวานของอิสรออีลได้ศรัทธา
และอีกกลุ่มหนึ่งได้ปฏิเสธศรัทธา
แต่เราได้ช่วยเสริมกำลังแก่บรรดาผู้ศรัทธาให้เหนือกว่าศัตรูของพวกเขา
แล้วพวกเขาก็กลายเป็นผู้มีชัยชนะ
Al-Jumu‘ah
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[62:1]
สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย
และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินต่างแซ่ซ้องดุดีแด่อัลลอฮ์
ผู้ทรงอภิสิทธิ์
ผู้ทรงบริสุทธิ์
ผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[62:2]
พระองค์ทรงเป็นผู้แต่งตั้งร่อซู้ลขึ้นคนหนึ่งในหมู่ผู้ไม่รู้จักหนังสือจากพวกเขาเอง
เพื่อสาธยายอายาตต่าง
ๆ
ของพระองค์แก่พวกเขา
และทรงทำให้พวกเขาผุดผ่อง
และทรงสอนคัมภีร์และความสุขุมคัมภีรภาพแก่พวกเขา
และแม้ว่าแต่ก่อนนี้พวกเขาอยู่ในการหลงผิดอย่างชัดแจ้งก็ตาม
[62:3]
และกลุ่มชนอื่น
ๆ
ในกลุ่มพวกเขาที่จะติดตามมาภายหลังจากพวกเขา
และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[62:4]
นั่นคือความโปรดปรานของอัลลอฮ์ทรงประทานความโปรดปรานนั้นแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง
[62:5]
อุปมาบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์เตารอฮ์
แล้วพวกเขามิได้ปฏิบัติตามที่พวกเขาได้รับมอบ
ประหนึ่งเช่นกับลาที่แบกหนังสือจำนวนหนึ่ง
(บนหลังของมัน)
อุปมาหมู่ชนที่ปฏิเสธต่อสัญญาณต่าง
ๆ ของอัลลอฮ์
มันช่างชั่วช้าจริง
ๆ
และอัลลอฮ์จะไม่ชี้แนะทางแก่หมู่ชนผู้อธรรม
[62:6]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
โอ้บรรดายิวเอ๋ย
หากพวกท่านอ้างว่าพวกท่านเป็นมิตรของอัลลอฮ์อื่นจากมนุษย์แล้วไซร้
ดังนั้นพวกท่านก็จงมุ่งหวังความตายกันเถิด
หากพวกท่านเป็นผู้สัตย์จริง
[62:7]
แต่ว่าพวกเขาจะไม่มุ่งหวังมันเป็นอันขาด
เนื่องด้วยสิ่งที่มือของพวกเขาได้ประกอบ
(กรรมชั่ว)
ไว้ก่อน
และอัลลอฮ์ทรงรอบรู้พวกอธรรมทั้งหลาย
[62:8]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
แท้จริงความตายที่พวกท่านหนีจากมันไปนั้น
มันจะมาพบกับพวกท่าน
แล้วพวกท่านจะถูกนำกลับไปยังพระผู้ทรงรอบรู้สิ่งเร้นลับและสิ่งเปิดเผย
แล้วพระองค์จะทรงแจ้งแก่พวกท่านตามที่พวกท่านได้ประกอบกรรมไว้
[62:9]
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย
เมื่อได้มีเสียงร้องเรียก
(อะซาน)
เพื่อทำละหมาดในวันศุกร์
ก็จงรีบเร่งไปสู่การรำลึกถึงอัลลอฮ์
และจงละทิ้งการค้าขายเสีย
นั่นเป็นการดีสำหรับพวกเจ้าหากพวกเจ้ารู้
[62:10]
ต่อเมื่อการละหมาดได้สิ้นสุดลงแล้วก็จงแยกย้ายกันไปตามแผ่นดิน
และจงแสวงหาความโปรดปรานของอัลลอฮ์
และจงรำลึกถึงอัลลอฮ์ให้มาก
ๆ
เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับชัยชนะ
[62:11]
และเมื่อพวกเขาได้เห็นการค้าและการละเล่นพวกเขาก็กรูกันไปที่นั้น
และปล่อยเจ้าให้ยืนอยู่คนเดียว
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
สิ่งที่มีอยู่
ณ
อัลลอฮ์นั้นดีกว่าการละเล่นและการค้า
และอัลลอฮ์นั้นทรงเป็นเลิศยิ่งในหมู่ผู้ประทานปัจจัยยังชีพ
Al-Munâfiqûn
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[63:1]
เมื่อพวกสับปลับ
(มุนาฟิกูน)
มาหาเจ้า พวกเขากล่าวว่า
เราขอปฏิญาณว่า
แท้จริงท่านเป็นร่อซู้ลของอัลลอฮ์
แต่อัลลอฮ์ทรงรู้ดียิ่งว่า
แท้จริงเจ้านั้นเป็นร่อซู้ลของพระองค์อย่างแน่นอน
และอัลลอฮ์ทรงเป็นพยานว่า
แท้จริงพวกมุนาฟิกีนนั้นเป็นผู้กล่าวเท็จอย่างแน่นอน
[63:2]
พวกเขาได้ถือเอาการสาบานของพวกเขาเป็นโล่แล้วกีดกันจากทางของอัลลอฮ์
แท้จริงพวกเขานั้นสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไปนั้นช่างชั่วช้าจริง
ๆ
[63:3]
นั่นเป็นเพราะพวกเขาศรัทธาแล้วก็ปฏิเสธศรัทธา
ดังนั้นจึงถูกผนึกบนหัวใจของพวกเขาแล้วพวกเขาก็ไม่เข้าใจ
[63:4]
และเมื่อเจ้าได้เห็นพวกเขาแล้ว
ร่างกายของพวกเขาจะเป็นที่พึงพอใจแก่เจ้า
และหากพวกเขาพูด
เจ้าก็จะฟังคำพูดของพวกเขา
ประหนึ่งว่าพวกเขาเป็นท่อนไม้ที่ถูกยันไว้
พวกเขาคิดว่า
ทุก ๆ เสียงร้องนั้นเป็นปฏิปักษ์ต่อพวกเขา
พวกเขาคือศัตรู
ดังนั้นจงระวังพวกเขา
ขออัลลอฮ์ทรงให้ความอัปยศแก่พวกเขา
ทำไมเล่าพวกเขาจึงหันเหออกไปทางอื่น
[63:5]
และเมื่อได้มีเสียงกล่าวแก่พวกเขาว่า
จงมาเถิดร่อซู้ลของอัลลอฮ์
จงขออภัยโทษให้แก่พวกท่าน
พวกเขาก็หันศีรษะของพวกเขาไปอีกทางหนึ่ง
และเจ้าเห็นพวกเขาผินหลังออกไปทั้ง
ๆ
ที่พวกเขาเป็นผู้หยิ่งผยอง
[63:6]
มีผลเท่ากันแก่พวกเขาที่เจ้าจะขออภัยโทษแก่พวกเขาหรือไม่ขออภัยโทษให้แก่พวกเขาก็ตาม
อัลลอฮ์จะไม่ทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา
แท้จริงอัลลอฮ์จะไม่ทรงชี้แนะทางแก่หมู่ชนผู้ฝ่าฝืน
[63:7]
พวกเขาคือผู้ที่กล่าวว่า
อย่าบริจาคให้แก่ผู้ที่อยู่กับร่อซู้ลของอัลลอฮ์
เพื่อพวกเขาจะได้แยกย้ายออกไป
แต่ขุมคลังแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นของอัลลอฮ์
แต่ว่าพวกมุนาฟิกีนไม่เข้า
[63:8]
พวกเขากล่าวว่า
ถ้าเรากลับไปยังนครมะดีนะฮ์
พวกที่มีเกียรติกว่าจะขับไล่พวกที่ต่ำต้อยออกจากนครมะดีนะฮ์
ส่วนอำนาจนั้นเป็นของอัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์และบรรดาผู้ศรัทธา
แต่ว่าพวกมุนาฟิกีนนั้นหารู้ไม่
[63:9]
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย
อย่าให้ทรัพย์สินของพวกเจ้าและลูกหลานของพวกเจ้าหันเหพวกเจ้าจากการรำลึกถึงอัลลอฮ์
และผู้ใดกระทำเช่นนั้น
ชนเหล่านั้นคือพวกที่ขาดทุน
[63:10]
และจงบริจาคจากสิ่งที่เราได้ให้ปัจจัยยังชีพพแก่พวกเจ้าก่อนที่ความตายจะเกิดขึ้นแก่ผู้ใดในหมู่พวกเจ้า
แล้วเขาก็จะกล่าวว่า
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์
มาตรว่าพระองค์ท่านทรงผ่อนผันให้แก่ข้าพระองค์อีกชั่วเวลาเพียงเล็กน้อย
เพื่อที่ข้าพระองค์จะได้บริจาค
และข้าพระองค์ก็จะอยู่ในหมู่คนดีทั้งหลาย
(ผู้ทรงคุณธรรม)
[63:11]
แต่อัลลอฮ์จะไม่ทรงผ่อนผันให้แก่ชีวิตใดเมื่อกำหนดของมันได้มาถึงแล้ว
และอัลลอฮ์นั้นทรงรู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
At-Taghâbun
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[64:1]
สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย
และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินต่างแซ่ซ้องดุดีแด่อัลลอฮ์
อำนาจเด็ดขาดเป็นของพระองค์
มวลการสรรเสริญเป็นของพระองค์
และพระองค์เป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่งอย่าง
[64:2]
พระองค์คือผู้ทรงสร้างพวกเจ้า
ดังนั้นในหมู่พวกเจ้ามีผู้ปฏิเสธศรัทธา
และในหมู่พวกเจ้ามีผู้ศรัทธา
และอัลลอฮ์ทรงรู้เห็นในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
[64:3]
พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินด้วยความจริง
และทรงทำให้พวกเจ้าเป็นรูปร่าง
และทรงทำให้รูปร่างของพวกเจ้าสวยงามยิ่ง
และยังพระองค์เท่านั้นคือทางกลับ
[64:4]
พระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน
และทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเจ้าปกปิดและสิ่งที่พวกเจ้าเปิดเผย
และอัลลอฮ์ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในทรวงอก
[64:5]
ข่าวคราวของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาในอดีตมิได้มีมายังพวกเจ้าดอกหรือ? พวกเขาได้ลิ้มรสการลงโทษแห่งกิจกรรมของพวกเขา
(ในโลกดุนยา)
และการลงโทษอันเจ็บปวดจะได้แก่พวกเขา
(ในโลกอาคิเราะฮ์
[64:6]
นั่นเป็นเพราะว่าบรรดาร่อซู้ลของพวกเขาได้มายังพวกเขาพร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้ง
แต่พวกเขาได้กล่าวว่า
สามัญชนเช่นนี้นะหรือจะชี้แนะทางให้แก่เรา
พวกเขาได้ปฏิเสธศรัทธาและผินหลังให้
แต่อัลลอฮ์ทรงพอเพียง
(จากการศรัทธาของพวกเขา)
เพราะอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงมั่งมีอย่างเหลือหลาย
เป็นผู้ได้รับการสรรเสริญ
[64:7]
บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธากล่าวอ้างว่า
พวกเขาจะไม่ถูกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีก
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
หาเป็นเช่นนั้นไม่!
ขอสาบานต่อพระเจ้าของข้าพระองค์
พวกท่านจะถูกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกอย่างแน่นอน
แล้วพวกท่านจะได้รับแจ้งตามที่พวกท่านได้ประกอบกรรมไว้
และนั่นเป็นการง่ายดายสำหรับอัลลอฮ์
[64:8]
ดังนั้น
จงศรัทธาต่ออัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์
และแสงสว่าง
(อัลกุรอาน)
ซึ่งเราได้ประทานลงมา
และอัลลอฮ์นั้นทรงรู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
[64:9]
วันที่พระองค์จะทรงรวบรวมพวกเจ้าเพื่อวันแห่งการชุมนุม
นั่นคือวันแห่งชัยชนะ
(สำหรับมุอฺมิน)
และขาดทุน
(สำหรับกาฟิร)
ส่วนผู้ได้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์และกระทำความดี
พระองค์จะทรงลบล้างความชั่วทั้งหลายของเขาออกไปจากเขา
และจะทรงให้เขาเข้าสวนสวรรค์หลากหลาย
ณ
เบื้องล่างของสวนสวรรค์นั้นมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน
พวกเขาเป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล
นั่นคือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่
[64:10]
ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาและปฏิเสธต่อสัญญาณต่าง
ๆ ของเรา
ชนเหล่านั้นคือชาวนรก
พวกเขาเป็นผู้พำนักอยู่ในนั้น
และมันเป็นทางกลับที่ชั่วช้ายิ่ง
[64:11]
ไม่มีทุกข์ภัยอันใดเกิดขึ้น
เว้นแต่ด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์
และผู้ใดศรัทธาต่ออัลลอฮ์
พระองค์จะทรงเปิดหัวใจของเขา
(สู่แนวทางที่ถูกต้อง)
และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่งอย่าง
[64:12]
และจงเชื่อฟังปฏิบัติตามอัลลอฮ์
และจงเชื่อฟังปฏิบัติตามร่อซู้ล
หากพวกเจ้าผินหลังกลับ
(ไม่เชื่อฟัง)
ดังนั้นหน้าที่ของร่อซู้ลของเราก็คือการเผยแผ่อันชัดแจ้ง
[64:13]
อัลลอฮ์
ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์
ดังนั้น
บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายจงมอบหมายไว้วางใจต่ออัลลอฮ์เถิด
[64:14]
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย
แท้จริงในหมู่คู่ครองของพวกเข้าและลูกหลานของพวกเจ้านั้น
มีบางคนเป็นศัตรูแก่พวกเจ้า
ฉะนั้นจงระวังต่อพวกเขา
แต่ถ้าพวกเจ้าอภัยและยกโทษ
(แก่พวกเขา)
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัย
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[64:15]
แท้จริง
ทรัพย์สมบัติของพวกเจ้าและลูกหลานของพวกเจ้านั้นเป็นเครื่องทดสอบ
และอัลลอฮ์นั้น
ณ
ที่พระองค์มีรางวัลอันยิ่งใหญ่
[64:16]
ดังนั้น
จงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด
เท่าที่พวกเจ้ามีความสามารถ
และจงเชื่อฟังและปฏิบัติตามและบริจาคเถิด
เพราะเป็นการดียิ่งสำหรับตัวของพวกเจ้า
และผู้ใดถูกปกป้องให้พ้นจากความตระหนี่แห่งจิตใจของเขา
ชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นผู้ประสบความสำเร็จ
[64:17]
หากพวกเจ้าให้อัลลอฮ์ยืมอย่างดีเยี่ยมแล้ว
พระองค์ก็จะทรงทวีการยืมให้แก่พวกเจ้า
และจะทรงอภัยให้แก่พวกเจ้า
และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงตอบแทนแก่ผู้กระทำความดี
ทรงผ่อนผันการลงโทษ
[64:18]
ผู้ทรงรอบรู้สิ่งเร้นลับและสิ่งที่เปิดเผย
ผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงปรีชาญาณ
At-Talâq
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[65:1]
โอ้นบีเอ๋ย
เมื่อพวกเจ้าหย่าภริยา
ก็จงหย่าพวกนางตามกำหนด
(อิดดะฮ์) ของพวกนาง
และจงนับกำหนดอิดดะฮ์ให้ครบ
พวกเจ้าจงยำเกรงอัลลอฮ์
พระเจ้าของพวกเจ้าเถิด
อย่าขับไล่พวกนางออกจากบ้านของพวกนาง
และพวกนางก็อย่าออกจากบ้านเว้นแต่พวกนางจะกระทำลามกอย่างชัดแจ้ง
และเหล่านี้คือข้อกำหนดของอัลลอฮ์
และผู้ใดละเมิดข้อกำหนดของอัลลอฮ์
แน่นอนเขาก็ได้อธรรมแก่ตัวของเขาเอง
เจ้าไม่รู้ดอกว่าบางทีอัลลอฮ์จะทรงปรับปรุงกิจการ
(ของเขา)
หลังจากนั้น
[65:2]
ต่อเมื่อพวกนางได้อยู่จนครบกำหนดของพวกนางแล้ว
ก็จงยับยั้งพวกนางให้อยู่โดยดี
หรือให้พวกนางจากไปโดยดี
และจงให้มีพยานสองคนเป็นผู้เที่ยงธรรมในหมู่พวกเจ้า
และจงให้การเป็นพยานนั้นเป็นไปเพื่ออัลลอฮ์
ดังกล่าวมานั้น
ผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์และวันอาคิเราะฮ์จะถูกตักเตือนให้ถือปฏิบัติ
และผู้ใดยำเกรงอัลลอฮ์
พระองค์ก็จะทรงหาทางออกให้แก่เขา
[65:3]
และจะทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่เขาจากที่ที่เขามิได้คาดคิด
และผู้ใดมอบหมายแด่อัลลอฮ์
พระองค์ก็จะทรงเป็นผู้พอเพียงแก่เขา
แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงบรรลุในกิจการของพระองค์
โดยแน่นอนสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนั้น
อัลลอฮ์ทรงกำหนดกฎสภาวะไว้แล้ว
[65:4]
สำหรับผู้หญิงในหมู่ภริยาของพวกเจ้าที่หมดหวังในการมีระดู
หากพวกเจ้ายังสงสัย
(ในเรื่องอิดดะฮ์ของนาง)
ดังนั้น
พึงรู้เถิดว่า
อิดดะฮ์ของพวกนางคือสามเดือน
และบรรดาผู้หญิงที่มิได้มีระดูก็เช่นกัน
ส่วนบรรดาผู้มีครรภ์
กำหนดของพวกนางก็คือ
พวกนางจะคลอดทารถที่อยู่ครรภ์ของพวกนาง
และผู้ใดยำเกรงต่ออัลลอฮ์
พระองค์จะทรงทำให้กิจการของเขาสะดวกง่ายดายแก่เขา
[65:5]
นั่นคือพระบัญชาของอัลลอฮ์
ซึ่งพระองค์ได้ทรงประทานพระบัญชานั้นแก่พวกเจ้า
และผู้ใดยำเกรงอัลลอฮ์
พระองค์จะทรงลบล้างความชั่วทั้งหลายของเขาออกไปจากเขา
และจะทรงเพิ่มรางวัลให้มากขึ้นแก่เขา
[65:6]
จงให้พวกนางพำนักอยู่
ณ
ที่พวกเจ้าพำนักอยู่ตามฐานะของพวกเจ้า
และอย่าทำอันตรายพวกนางเพื่อให้เกิดการคับแค้นแก่พวกนาง
และหากพวกนางตั้งครรภ์ก็จงเลี้ยงดูพวกนางจนกว่าพวกนางจะคลอดทารกที่อยู่ในครรภ์ของพวกนาง
ครั้นเมื่อพวกนางได้ให้นมแก่ทารกของพวกเจ้า
ก็จงให้พวกนางซึ่งค่าตอบแทนของพวกนาง
และจงปรึกษาหารือระหว่างพวกเจ้าด้วยกันโดยดี
และเมื่อพวกเจ้าตกลงกันไม่ได้
ก็จงให้หญิงอื่นให้นมแก่เด็กนั้น
[65:7]
ควรให้ผู้มีฐานะร่ำรวยจ่ายตามฐานะของเขา
ส่วนผู้ที่การยังชีพของเขาเป็นที่คับแค้นแก่เขา
ก็ให้เขาจ่ายตามที่อัลลอฮ์ทรงประทานมาให้แก่เขา
อัลลอฮ์มิได้ทรงให้เป็นที่ลำบากแก่ชีวิตใด
เว้นแต่ตามที่พระองค์ทรงประทานมาแก่ชีวิตนั้น
หลังจากความยากลำบากอัลลอฮ์จะทรงทำให้เกิดความสะดวกสบาย
[65:8]
มีชาวเมืองกี่มากน้อยแล้วที่ฝ่าฝืนพระบัญชาของพระเจ้าของพวกเขาและบรรดาร่อซู้ลของพระองค์
เราได้ชำระพวกเขาด้วยการชำระอย่างเข้มงวด
และเราได้ลงโทษพวกเขาด้วยการลงโทษอย่างหนัก
[65:9]
ดังนั้น
พวกเขาจึงได้ลิ้มรสผลร้ายแห่งกิจกรรมของพวกเขา
และบั้นปลายแห่งกิจกรรมของพวกเขา
คือการขาดทุน
ความหายนะ
[65:10]
อัลลอฮ์ทรงเตรียมการลงโทษอย่างหนักไว้สำรหับพวกเขาแล้ว
ดังนั้นจงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด
โอ้บรรดาผู้มีสติปัญญาที่ศรัทธาเอ๋ย
เพราะแน่นอนอัลลอฮ์ได้ทรงประทานข้อเตือนสติ
(อัลกุรอาน)
ลงมาให้แก่พวกเจ้าแล้ว
[65:11]
(และ)
ร่อซู้ลท่านหนึ่ง
(มุฮัมมัด)
มาสาธยายอายาตต่าง
ๆ
อันชัดแจ้งของอัลลอฮ์แก่พวกเจ้า
เพื่อจะได้นำบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลายออกจากความมืดทึบทั้งมวลสู่แสงสว่าง
ส่วนผู้ใดศรัทธาต่ออัลลอฮ์และกระทำความดี
พระองค์จะทรงให้เขาเข้าสวนสวรรค์หลากหลาย
ณ เบื้องล่างสวนสวรรค์นั้นมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน
พวกเขาเป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล
แน่นอนได้ทรงจัดปัจจัยยังชีพอย่างดีเลิศไว้ให้แก่เขาแล้ว
[65:12]
อัลลอฮ์ผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งเจ็ด
และทรงสร้างแผ่นดินก็เยี่ยงนั้น
พระบัญชาจะลงมาท่ามกลางมันทั้งหลาย
(ชั้นฟ้าและแผ่นดิน)
เพื่อพวกเจ้าจะได้รู้ว่า
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่งอย่าง
และแท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงห้อมล้อมทุกสิ่งอย่างไว้ด้วยความรอบรู้
(ของพระองค์)
At-Tahrîm
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[66:1]
โอ้นบีเอ๋ย
ทำไมเจ้าจึงห้ามสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงอนุมัติแก่เจ้า
เพื่อแสวงหาความพึงพอใจบรรดาภริยาของเจ้าเล่า? และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัย
ผู้ทรงเมตตา
[66:2]
แน่นอนอัลลอฮ์ได้ทรงกำหนดแก่พวกเจ้าแล้วในการแก้คำสาบานของพวกเจ้า
และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงคุ้มครองพวกเจ้า
และพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[66:3]
และจงรำลึกขณะที่ท่านนบีได้บอกความลับเรื่องหนึ่งแก่ภริยาบางคนของเขา
ครั้นเมื่อนางได้บอกเล่าเรื่องนี้
(แก่คนอื่น) และอัลลอฮ์ได้ทรงแจ้งเรื่องนี้แก่เขา
(ท่านนบี)
เขาก็ได้แจ้งบางส่วนของเรื่องนี้
และไม่แจ้งบางส่วน
ครั้นเมื่อเขา
(ท่านนบี)
ได้แจ้งเรื่องนี้แก่นาง
นางได้กล่าวว่า
ใครบอกเล่าเรื่องนี้แก่ท่าน? เขา
(ท่านนบี)
กล่าวว่า
พระผู้ทรงรอบรู้
พระผู้ทรงตระหนักยิ่ง
ทรงแจ้งแก่ฉัน
[66:4]
หากเจ้าทั้งสองกลับเนื้อกลับตัวขออภัยโทษต่ออัลลอฮ์
(ก็จะเป็นการดีแก่เจ้าทั้งสอง)
เพราะแน่นอนหัวใจของเจ้าทั้งสองก็โอนอ่อนอยู่แล้ว
แต่หากเจ้าทั้งสองร่วมกันต่อต้านเขา
(ท่านนบี)
แท้จริงอัลลอฮ์
พระองค์เป็นผู้ทรงคุ้มครองของเขา
อีกทั้งญิบรีลและบรรดาผู้ศรัทธาที่ดี
ๆ
และนอกจากนั้น
มลาอิกะฮ์ก็ยังเป็นผู้ช่วยเหลือสนับสนุนอีกด้วย
[66:5]
หากเขาหย่าพวกนาง
บางทีพระเจ้าของเขาจะทรงเปลี่ยนแปลงให้แก่เขามีภริยาที่ดีกว่าพวกนาง
เป็นหญิงที่นอบน้อมถ่อมตน
เป็นหญิงผู้ศรัทธา
เป็นหญิงผู้ภักดี
เป็นหญิงผู้ขอลุแก่โทษ
เป็นหญิงผู้มั่นต่อการอิบาดะฮ์
เป็นหญิงผู้มั่นต่อการถือศีลอด
เป็นหญิงที่เป็นหม้าย
และที่เป็นหญิงสาว
[66:6]
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย
จงคุ้มครองตัวของพวกเจ้าและครอบครัวของพวกเจ้าให้พ้นจากไฟนรก
เพราะเชื้อเพลิงของมันคือมนุษย์และก้อนหิน
มีมลาอิกะฮ์ผู้แข็งกร้าวหาญคอยเฝ้ารักษามันอยู่
พวกเขาจะไม่ฝ่าฝืนอัลลอฮ์ในสิ่งที่พระองค์ทรงบัญชาแก่พวกเขา
และพวกเขาจะปฏิบัติตามที่ถูกบัญชา
[66:7]
โอ้บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเอ๋ย
วันนี้พวกเจ้าอย่าได้แก้ตัวเลย
แต่ว่าพวกเจ้าจะถูกตอบแทนตามที่พวกเจ้าได้กระทำไว้
[66:8]
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย
จงขอลุแก่โทษแด่อัลลอฮ์ด้วยการลุแก่โทษอย่างจริงจังเถิด
บางทีพระเจ้าของพวกเจ้าจะลบล้างความผิดของพวกเจ้าออกจากพวกเจ้า
และจะทรงให้พวกเจ้าเข้าสวนสวรรค์หลากหลาย
ณ
เบื้องล่าวสวนสวรรค์นั้นมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน
วันที่อัลลอฮ์จะไม่ทรงทำให้นบีและบรรดาผู้ศรัทธาร่วมกับเขาต้องอัปยศ
แสงสว่างของพวกเขาจะส่องจ้าไปเบื้องหน้าของพวกเขาและทางเบื้องขวาของพวกเขา
พวกเขาจะกล่าวว่า
ข้าแต่พระเจ้าของเรา
ขอพระองค์ได้ทรงโปรดทำให้แสงสว่างของเราอยู่กับเราตลอดไป
และทรงยกโทษให้แก่เรา
แท้จริงพระองค์ท่านเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง
[66:9]
โอ้นบีเอ๋ย
จงต่อสู้กับพวกปฏิเสธศรัทธาและพวกมุนาฟิกีน
และจงแข็งกร้าวกับพวกเขา
เพราะที่พำนักของพวกเขาคือนรก
และมันเป็นทางกลับที่ชั่วช้ายิ่ง
[66:10]
อัลลอฮ์ทรงยกอุทาหรณ์แก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาถึงภริยาของนูห์
และภริยาของลู้ฏ
นางทั้งสองอยู่ภายใต้การปกครองของบ่าวที่ดีทั้งสองในหมู่ปวงบ่าวของเรา
แต่นางทั้งสองได้ทรยศต่อเขาทั้งสอง
ดังนั้น
เขาทั้งสองจึงไม่สามารถช่วยเขาทั้งสองให้พ้นจากการลงโทษของอัลลอฮ์แต่ประการใด
จึงมีเสียงกล่าวขึ้นว่า
เจ้าทั้งสองจงเข้าไปในไฟนรกพร้อมกับบรรดาผู้ที่เข้าไปในมัน
[66:11]
และอัลลอฮ์ทรงยกอุทาหรณ์แก่บรรดาผู้ศรัทธา
ถึงภริยาของของฟิรเอาน์
เมื่อนางได้กล่าวว่า
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์
ขอพระองค์ทรงโปรดสร้างบ้านหลังหนึ่งให้แก่ข้าพระองค์
ณ
ที่พระองค์ท่านในสวนสวรรค์
และทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากฟิรเอาน์และการกระทำของเขา
และทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากหมู่ชนผู้อธรรม
[66:12]
และมัรยัมบุตรีของอิมรอน
ผู้ซึ่งรักษาพรหมจารีของนาง
แล้วเราได้เป่าวิญญาณของเราเข้าไปในนาง
และนางได้ศรัทธาต่อบัญญัติต่าง
ๆ
แห่งพระเจ้าของนาง
และ
(ได้ศรัทธาต่อ)
คัมภีร์ต่าง
ๆ ของพระองค์
และนางจึงอยู่ในหมู่ผู้นอบน้อม