PART 6
[4:148]
อัลลอฮ์ไม่ทรงชอบการใช้เสียงดังในถ้อยคำที่เลวร้าย
นอกจากผู้ที่ถูกข่มเหง
และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงได้ยิน
ผู้ทรงรอบรู้เสมอ
[4:149]
หากพวกเจ้าเปิดเผยความดี
หรือปกปิดมันไว้
หรือให้อภัยในความเลวร้ายใดๆแล้ว
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ
ผู้ทรงอานุภาพเสมอ
[4:150]
แท้จริงบรรดาผู้ที่ปฏิเสธการศรัทธาต่ออัลลอฮ์
และบรรดาร่อซู้ลของพระองค์และต้องการที่จะแยกระหว่างอัลลอฮ์
และบรรดาร่อซู้ลของพระองค์
และกล่าวว่า
เราศรัทธาในบางคน
และปฏิเสธในบางคน
และพวกเขาต้องการที่จะยึดเอาในระหว่างนั้น
ซึ่งทางใดทางหนึ่งนั้น
[4:151]
ชนเหล่านี้แหละคือผู้ปฏิเสธศรัทธาอย่างแท้จริง
และเราได้เตรียมไว้แล้ว
ซึ่งการลงโทษที่ยังความอัปยศแก่ผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย
[4:152]
และบรรดาผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์
และบรรดาร่อซู้ลของพระองค์
และมิได้แยกระหว่างคนหนึ่งคนใดในพวกเขานั้น
ชนเหล่านี้แหละพระองค์จะทรงประทานแก่พวกเขาซึ่งรางวัลของพวกเขา
และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[4:153]
บรรดาผู้ได้รับคัมภีร์
จะขอร้องเจ้าให้เจ้านำคัมภีร์ฉบับหนึ่งจากฟากฟ้าลงมาแก่พวกเขา
แท้จริงนั้นพวกเขาได้ขอร้องแก่มูซาซึ่งสิ่งที่ใหญ่กว่านั้นมาแล้ว
โดยที่พวกเขากล่าวว่า
จงให้พวกเราเห็นอัลลอฮ์โดยชัดแจ้งเถิด
แล้วฟ้าผ่าก็ได้คร่าพวกเขา
เนื่องด้วยความอธรรมของพวกเขา
ภายหลังพวกเขาก็ได้ยึดถือลูกวัวหลังจากที่บรรดาหลักฐานอันชัดเจนได้มายังพวกเขา
แล้วเราก็อภัยให้ในเรื่องนั้นและเราได้ให้แก่มูซาซึ่งอำนาจอันชัดเจน
[4:154]
และเราได้ยกภูเขาอัฏฏูรขึ้นเหนือพวกเขาเพื่อให้ได้มาซึ่งสัญญาของพวกเขา
และเราได้กล่าวแก่พวกเขาว่า
จงเข้าประตูนั้นไป
โดยโน้มศรีษะลง
และเราได้กล่าวแก่พวกเขาว่า
จงอย่าได้ละเมิดในวันสับบะโต
และเราได้เอาจากพวกเขาซึ่งสัญญาอันหนักแน่น
[4:155]
และเราจึงได้กริ้วพวกเขา
และละอนัตพวกเขา
เนื่องด้วยการที่พวกเขาทำลายสัญญาของพวกเขา
และปฏิเสธบรรดาโองการของอัลลอฮ์และฆ่าบรรดานบี
โดยปราศจากความเป็นธรรม
และการที่พวกเขากล่าวว่า
หัวใจของเรามีเปลือกหุ้มอยู่
หามิได้
อัลลอฮ์ได้ทรงประทับตราบนหัวใจของพวกเขาต่างหาก
เนื่องจากการปฏิเสธศรัทธาของพวกเขา
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ศรัทธากัน
นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
[4:156]
และเนื่องจากการที่พวกเขาปฏิเสธศรัทธา
และกล่าวให้ร้ายแก่มัรยัม
ซึ่งความเท็จอันใหญ่หลวง
[4:157]
และการที่พวกเขากล่าวว่า
แท้จริงพวกเราได้ฆ่า
อัล-มะซีห
อีซา
บุตรของมัรยัม
ร่อซู้ลของอัลลอฮ์
และพวกเขาหาได้ฆ่าอีซา
และหาได้ตรึงเขาบนไม้กางเขนไม่
แต่ทว่าเขาถูกให้เหมือนแก้พวกเขา
และแท้จริงบรรดาผู้ที่ขัดแย้งในตัวเขานั้น
แน่นอนย่อมอยู่ในความสงสัยเกี่ยวกับเขา
พวกเขาหามีความรู้ใดๆ
ต่อเขาไม่
นอกจากคล้อยตามความนึกคิดเท่านั้น
และพวกเขามิได้ฆ่าเขาด้วยความแน่ใจ
(อีซา)
[4:158]
หามิได้
อัลลอฮ์ได้ทรงยกเขา
(อีซา) ขึ้นไปยังพระองค์ต่างหาก
และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงเดชานุภาพ
ผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ
[4:159]
และไม่มีอะฮลิลกิตาบคนใด
นอกจากแน่นอนเขาจะต้องศรัทธา
ต่อท่านนบีอีซา
ก่อนที่เขาจะตาย
และวันกิยามะฮ์
เขา (อีซา)
จะเป็นพยานยืนยันพวกเขาเหล่านั้น
[4:160]
แล้วก็เนื่องด้วยความอธรรมจากบรรดาผู้ที่เป็นยิว
เราจึงได้ให้เป็นที่ต้องห้ามแก่พวกเขาซึ่งบรรดาสิ่งดีๆ
ที่ได้ถูกอนุมัติแก่พวกเขามาแล้ว
และเนื่องด้วยการที่พวกเขาขัดขวางทางของอัลลอฮ์อย่างมากมายด้วย
[4:161]
และเนื่องด้วยการที่พวกเขาเอาดอกเบี้ย
ทั้งๆที่พวกเขาถูกห้ามในเรื่องนั้น
และเนื่องด้วยการที่พวกเขากินทรัพย์สินของผู้คนโดยไม่ชอบ
และเราได้เตรียมไว้แล้ว
สำหรับผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย
ซึ่งการลงโทษอันเจ็บแสบ
[4:162]
แต่ทว่าบรรดาผู้มั่นในความรู้ในหมู่พวกเขา
และบรรดาผู้ที่ศรัทธานั้น
พวกเขาย่อมศรัทธาต่อสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เจ้า
และสิ่งที่ถูกประทานลงมาก่อนเจ้า
และบรรดาผู้ที่ดำรงไว้ซึ่งการละหมาด
และบรรดาผู้ที่ชำระซะกาต
และบรรดาผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์
และในวันปรโลกชนเหล่านี้แหละ
เราจะให้เขาซึ่งรางวัลอันใหญ่หลวง
[4:163]
แท้จริงเราได้มีโองการแก่เจ้า
เช่นเดียวกับที่เราได้มีโองการแก่นูฮ
และบรรดานบีหลังจากเขา
และเราได้มีโองการแก่อิบรอฮีม
และอิสมาอีล
และอิสหาก
และยะอกูบ
และอัล-อัสบาฏ
และอีซา
และอัยยูบ
และยูนุส
และฮารูน
และสุลัยมาน
และเราได้ให้ซะบูรแก่ดาวูด
[4:164]
และมีบรรดาร่อซู้ล
ซึ่งเราได้เล่าถึงพวกเขาแก่เจ้ามาก่อนแล้ว
และมีบรรดาร่อซู้ลซึ่งเรามิได้เล่าแก่เจ้าเกี่ยวกับพวกเขา
และอัลลอฮ์ได้ตรัสแก่มูซาจริงๆ
[4:165]
คือบรรดาร่อซู้ลในฐานะผู้แจ้งข่าวดีและในฐานะผู้ตักเตือน
เพื่อว่ามนุษย์จะได้ไม่มีหลักฐานใดๆ
อ้างแก้ตัวแก่อัลลอฮ์ได้
หลังจากบรรดาร่อซู้ลเหล่านั้น
และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงเดชานุภาพ
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[4:166]
แต่ทว่าอัลลอฮ์นั้นทรงยืนยันในสิ่งที่พระองค์ได้ทรงประทานลงมาแก่เจ้าว่า
พระองค์ได้ทรงประทานสิ่งนั้นมาด้วยความรู้ของพระองค์และมลาอิกะฮ์ก็ยืนยันด้วย
และเพียงพอแล้วที่อัลลอฮ์เป็นผู้ทรงยืนยัน
[4:167]
แท้จริงบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา
และขัดขวางทางของอัลลอฮ์นั้น
แน่นอนพวกเขาได้หลงทางไปแล้วอย่างไกล
[4:168]
แท้จริงบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา
และอธรรมแก่ตัวเองนั้น
ใช่ว่าอัลลอฮ์จะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขาก็หาไม่
และก็ใช่ว่าพระองค์จะทรงแนะนำแก่พวกเขา
ซึ่งทางหนีทางใดก็หาไม่
[4:169]
นอกจากทางแห่งนรกญะฮันนัม
โดยที่พวกเขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล
และนั่นเป็นสิ่งง่ายดายแก่อัลลอฮ์เป็นสิทธิของอัลลอฮ์ทั้งสิ้น
และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[4:170]
มนุษย์ชาติทั้งหลาย!
แท้จริงร่อซู่ลผู้นั้น
ได้นำความจริงจากพระเจ้าของพวกเจ้ามายังพวกเจ้าแล้ว
จงศรัทธากันเถิด
มันเป็นสิ่งดียิ่งแก่พวกเจ้า
และหากพวกเจ้าปฏิเสธศรัทธา
แล้วแท้จริงสิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้า
และในแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์ทั้งสิ้น
และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[4:171]
อะฮ์ลุลกิตาบทั้งหลาย
จงอย่าปฏิบัติให้เกินขอบเขต
ในศาสนาของพวกเจ้า
และจงอย่ากล่าวเกี่ยวกับอัลลอฮ์
นอกจากสิ่งที่เป็นจริงเท่านั้น
แท้จริง
อัล-มะซีฮ์
อีซาบุตรของมัรยัมนั้น
เป็นเพียงร่อซู้ลของอัลลอฮ์และเป็นเพียงดำรัสของพระองค์ที่ได้ทรงกล่าวมันแก่มัรยัม
และเป็นเพียงวิญญาณหนึ่งจากพระองค์
เท่านั้น
ดังนั้นจงศรัทธาต่ออัลลอฮ์
และบรรดาร่อซู้ลของพระองค์เถิด
และจงอย่ากล่าวว่าสามองค์เลย
จงหยุดยั้งเสียเถิด
มันเป็นสิ่งดียิ่งแก่พวกเจ้า
แท้จริงอัลลอฮ์คือผู้ควรได้รับการเคารพสักการะแต่เพียงองค์เดียวเท่านั้น
พระองค์ทรงบริสุทธิ์จากการที่จะทรงมีพระบุตร
สิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้า
และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิของพระองค์ทั้งสิ้นและเพียงพอแล้วที่อัลลอฮ์เป็นผุ้ได้รับมอบหมายให้คุ้มครองรักษา
[4:172]
อัล-มะซีห์นั้นจะไม่หยิ่งเป็นอันขาดที่จะเป็นบ่าวของอัลลอฮ์
และมลาอิกะฮ์ผู้ใกล้ชิด
(พระองค์)
ก็ไม่หยิ่งด้วย
และผู้ใดหยิ่งต่อการที่อิบาดะฮ์
ต่อพระองค์
และยะโสแล้ว
พระองค์ก็จะทรงชุมนุมพวกเขาไว้ยังพระองค์ทั้งหมด
[4:173]
ส่วนบรรดาผู้ที่ศรัทธา
และประกอบสิ่งที่ดีงามทั้งหลายนั้น
พระองค์จะทรงตอบแทนพวกเขาโดยครบถ้วน
ซึ่งรางวัลของพวกเขา
และจะทรงเพิ่มให้แก่พวกเขาด้วย
จากความกรุณาของพระองค์
และส่วนบรรดาผู้ที่หยิ่งยะโสนั้น
พระองค์จะทรงลงโทษพวกเขา
ซึ่งการลงโทษอันเจ็บแสบ
และพวกเขาจะไม่พบผู้คุ้มครอง
และผู้ช่วยเหลือใด
สำหรับพวกเขาอื่นจากอัลลอฮ์
[4:174]
มนุษยชาติทั้งหลาย!
แน่นอนได้มีหลักฐานจากพระเจ้าของพวกเจ้ามายังพวกเจ้าแล้ว
และเราได้ให้แสงสว่าง
อันแจ่มแจ้งลงมาแก่พวกเจ้าด้วย
[4:175]
ส่วนบรรดาผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์
และยึดมั่นในพระองค์นั้น
พระองค์จะทรงให้พวกเขาเข้าอยู่ในความเอ็นดูเมตตา
และความโปรดปรานจากพระองค์
และจะทรงแนะนำพวกเขาซึ่งทางอันเที่ยงตรงไปสู่พระองค์
[4:176]
เขาเหล่านั้นจะขอให้เจ้าชี้ขาดปัญหา
จงกล่าวเถิดว่า
อัลลอฮ์
จะทรงชี้ขาดให้แก่พวกเจ้าในเรื่องของผู้เสียชีวิตที่มีมีบิดาและบุตร
คือถ้าชายคนหนึ่งตาย
โดยที่เขาไม่มีบุตรแต่มีพี่สาวหรือน้องสาวคนหนึ่งแล้ว
นางจะได้รับครึ่งหนึ่งของมรดกที่เขาได้ทิ้งไว้
และขณะเดียวกันเขาก็จะได้รับมรดาของนาง
หากนางไม่มีบุตร
แต่ถ้าปรากฏว่าพี่สาวหรือน้องสาวของเขามีด้วยกันสองคน
ทั้งสองนั้นจะได้รับสองในสามจากมรดกที่เขาได้ทั้งไว้
แต่ถ้าพวกเขาเป็นพี่น้องหลายคนทั้งชายและหญิง
สำหรับชายจะได้รับเท่ากับส่วนได้ของหญิงสองคน
ที่อัลลอฮ์ทรงแจกแจงแก่พวกเจ้านั้น
เนื่องจากการที่พวกเจ้าหลงฟิดและอัลลอฮ์นั้นทรงรอบรู้ในทุกสิ่งทุกอย่าง
Al-Mâ’idah
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[5:1]
บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย!
จงรักษาบรรดาสัญญา
ให้ครบถ้วนเถิด
สัตว์ประเภทปศุสัตว์นั้นได้ถูกอนุมัติแก่พวกเจ้าแล้ว
นอกจากที่จุถูกอ่านให้พวกเจ้าฟัง
โดยที่พวกเจ้ามิใช่ผู้ที่ให้สัตว์ที่จะถูกล่านั้น
เป็นที่อนุมัติขณะที่พวกเจ้าอยู่ในอิหรอม
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงชี้ขาดตามที่พระองค์ทรงประสงค์
[5:2]
ผู้ศรัทธาทั้งหลาย!
จงอย่าให้เป็นที่อนุมัติ
ซึ่งบรรดาเครื่องหมายแห่งศาสนาของอัลลอฮ์และเดือนที่ต้องห้ามและสัตว์พลี
และสัตว์ที่ถูกสามเครื่องหมายไว้ที่คอเพื่อเป็นสัตว์พลี
และบรรดาผุ้ที่มุ่งสู่บ้านอันเป็นที่ต้องห้าม
โดยแสวงหาความโปรดปราน
และความพอพระทัยจากพระเจ้าของพวกเขา
แต่เมื่อพวกเจ้าเปลื้องอิห์รอมแล้ว
ก็จงล่าสัตว์ได้
และจงอย่าให้การเกลียดชังแก่พวกหนึ่งพวกใด
ที่ขัดขวางพวกเจ้ามิให้เข้ามัศยิดหะรอม
ทำให้พวกเจ้ากระทำการละเมิด
และพวกจงช่วยเหลือกันในสิ่งที่เป็นคุณธรรม
และความยำเกรง
และจงอย่าช่วยกันในสิ่งที่เป็นบาป
และเป็นศัตรูกันและพึงกลัวเกรงอัลลอฮ์เถิด
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงรุนแรงในการลงโทษ
[5:3]
ได้ถูกห้ามแก่พวกเจ้าแล้ว
ซึ่งสัตว์ที่ตายเอง
และเลือด
และเนื้อสุกร
และสัตว์ที่ถูกเปล่งนามอื่นจากอัลลอฮ์
ที่มัน
(ขณะเชือด)
และสัตว์ที่ถูกรัดคอตาย
และสัตว์ที่ถูกตีตาย
และสัตว์ที่ตกเหวตายและสัตว์ที่ถูกขวิดตาย
และสัตว์ที่สัตว์ร้ายกัดกิน
นอกจากที่พวกเจ้าเชือดกัน
และสัตว์ที่ถูกเชือดบนแท่นหินบูชา
และการที่พวกเจ้าเสี่ยงทายด้วยไม้ติ้ว
เหล่านั้นเป็นการละเมิด
วันนี้
บรรดาผู้ปฏิเสธการศรัทธา
หมดหวังในศาสนาของพวกเจ้าแล้ว
ดังนั้นพวกเจ้าจงอย่ากลัวพวกเขา
และจงกลัวข้าเถิด
วันนี้ข้าได้ให้สมบูรณ์แก่พวกเจ้าแล้ว
ซึ่งศาสนาของพวกเจ้าและข้าได้ให้ครบถ้วนแก่พวกเจ้าแล้ว
ซึ่งความกรุณาเมตตาของข้า
และข้าได้เลือกอิสลามให้เป็นศาสนาแก่พวกเจ้าแล้ว
ผู้ใดได้รับความคับขันในความหิวโหย
โดยมิใช่เป็นผู้จงใจกระทำบาปแล้วไซร้
แน่นอนอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงเมตตาเสมอ
[5:4]
เขาเหล่านั้นจะถามเจ้าว่า
มีอะไรบ้างที่ถูกอนุมัติแก่พวกเขา
จงกล่าวเถิด
ที่ถูกอนุมัติแพวกเจ้านั้นคือสิ่งดี
ๆ ทั้งหลาย
และบรรดาสัตว์สำหรับล่าเนื้อที่พวกเจ้าฝึกสอนมัน
พวกเจ้าจงบริโภคจากสิ่งที่มันจับมาให้แก่พวกเจ้า
และจงกล่าวพระนามของอัลลอฮ์บนมันเสียก่อน
และจงกลัวเกรงอัลลอฮ์เถิด
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงรวดเร็วในการชำระสอบสวน
[5:5]
วันนี้สิ่งดี
ๆ
ทั้งหลายได้ถูกอนุมัติแก่พวกเจ้าแล้ว
และอาหารของบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์นั้นเป็นที่อนุมัติแก่พวกเจ้าแล้ว
และอาหารของพวกเจ้าก็เป็นที่อนุมัติแก่พวกเขาและบรรดาหญิงบริสุทธิ์ในหมู่ผู้ศรัทธาหญิงและบรรดาหญิงบริสุทธิ์ในหมู่ผู้ที่ได้รับคัมภีร์ก่อน
จากพวกเจ้าก็เป็นอนุมัติแก่พวกเจ้าด้วย
เมื่อพวกเจ้าได้มอบให้แก่พวกนางซึ่งมะหัร์ของพวกนางในฐานะเป็นผู้แต่งงานมิใช่เป็นผู้กระทำการซินาโดยเปิดเผย
และมิใช่ยึดเอานางเป็นเพื่อน
โดยกระทำซินาลับ
ๆ
และผู้ใดปฏิเสธการศรัทธา
แน่นอนงานของเขาก็ไร้ผล
ขณะเดียวกันในวันปรโลกพวกเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ที่ขาดทุน
[5:6]
พวกเขามิได้เห็นดอกหรือว่า
กี่ประชาชาติมาแล้ว
ที่เราได้ทำลายมาก่อนหน้าพวกเขา
ซึ่งเราได้ให้พวกเขามีอำนาจและความสามารถในแผ่นดิน
ซึ่งสิ่งที่เรามิได้ให้มีแก่พวกเจ้า
และเราได้ส่งฝนมายังพวกเขาอย่างมากมาย
และเราได้ให้มีแม่น้ำหลายสายไหลอยู่เบื้อล่าง
ของพวกเขา
แล้วเราก็ทำลายพวกเขาเสีย
เนื่องด้วยบรรดาความผิด
ของพวกเขา
และเราได้ให้มีขึ้นหลังจากพวกเขาซึ่งประชาชาติอื่น
[5:7]
และจงรำลึกถึงความกรุณาเมตตาของอัลลอฮ์ที่มีต่อพวกเจ้า
และสัญญาของพระองค์ที่ได้ทรงกระทำมันไว้แก่พวกเจ้า
ขณะที่พวกเจ้ากล่าวว่า
พวกเราได้ยินแล้ว
และพวกเราเชื่อฟังแล้ว
และพึงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงรอบรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในทรวงอก
[5:8]
ผู้ศรัทธาทั้งหลาย
!
จงเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยดีเพื่ออัลลอฮ์
เป็นพยานด้วยความเที่ยงธรรมและจงอย่าให้การเกลียดชังพวกหนึ่งพวกใด
ทำให้พวกเจ้าไม่ยุติธรรม
จงยุติธรรมเถิด
มันเป็นสิ่งที่ใกล้กับความยำเกรงยิ่งกว่า
และพึงยำเกรง
อัลลอฮ์เถิด
แท้จริงอัลลอฮ์นั้น
เป็นผู้ทรงรอบรู้อย่างละเอียดในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกัน
[5:9]
และอัลลอฮ์ได้ทรงสัญญาแก่บรรดาผู้ที่ศรัทธา
และประกอบสิ่งที่ดีงามทั้งหลายว่าสำหรับพวกเขานั้นคือ
การอภัยโทษ
และรางวัลอันยิ่งใหญ่
[5:10]
และบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา
และปฏิเสธบรรดาโองการของเรานั้น
ชนเหล่านี้แหละคือชาวนรก
[5:11]
ผู้ศรัทธาทั้งหลาย
!
จงรำลึกถึงความกรุณาของอัลลอฮ์ที่มีต่อพวกเจ้า
ขณะที่พกวหนึ่งปลงใจที่จะยื่นมือของพวกเขามาทำร้ายพวกเจ้าแล้วพระองค์ก็ทรงยับยั้งและหันเหมือนพวกเขาออกจากพวกเจ้าเสีย
และพึงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด
และแต่อัลลอฮ์เท่านั้น
ผู้ศรัทธาทั้งหลายจงมอบหมาย
[5:12]
และแท้จริงอัลลอฮ์ได้ทรงเอาสัญญาแก่วงศ์วานอินรออีล
และเราได้แต่งตั้งผู้ดูแลจากหมู่พวกเขาขึ้นสิบสองคน
และอัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า
แท้จริงข้านั้นร่วมอยู่ด้วยกับพวกเจ้า
ถ้าหากพวกเจ้าดำรงไว้ซึ่งการละหมาด
และชำระซากาต
และศรัทธาต่อบรรดาร่อซู้ลของข้า
และสนับสนุนพวกเขา
และให้อัลลอฮ์ยืมหนี้ที่ดี
แล้วแน่นอนข้าจะลบล้างให้พ้นจากพวกเจ้า
ซึ่งความชั่วทั้งหลายของพวกเจ้า
และแน่นอนข้าจะให้พวกเจ้าเข้าบรรดาสวนสวรรค์
ซึ่งมีแม่น้ำหลายสายไหลอยู่เบื้องล่างของสวนสวรรค์เหล่านั้น
แล้วผู้ใดในหมู่พวกเจ้าปฏิเสธ
หลังจากนั้นแล้ว
แน่นอนเขาก็หลงทางอันเที่ยงตรง
[5:13]
แต่เนื่องจากการที่พวกเขาทำลายสัญญาของพวกเขา
เราจึงได้ให้พวกเขาห่างไกลจากความกรุณาเมตตาของเราและให้หัวใจของพวกเขาแข็งกระด้าง
พวกเขากระทำการบิดเบือน
บรรดาถ้อยคำให้เฉออกจากตำแหน่งของมันและลืมส่วนหนึ่งจากสิ่งที่พวกเขาถูกเตือนไว้
และเจ้า
ก็ยังคงมองเห็นอยู่ในการคดโกงจากพวกเขานอกจากเพียงเล็กน้อยในหมู่พวกเขาเท่านั้น
จงอภัยให้แก่พวกเขาเถิด
และเมินหน้าเสีย
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงชอบผู้ทำดีทั้งหลาย
[5:14]
และจากบรรดาผู้ที่กล่าวว่า
พวกเราเป็นคริสต์นั้น
เราได้เอาสัญญาจากพวกเขา
แต่แล้วพวกเขาก็ลืมส่วนหนึ่งจากสิ่งที่พวกเขาถูกเตือนไว้เราจึงได้ให้เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาซึ่งการเป็นศัตรูและการเกลียดชังกันจนกระทั่งวันกิยามฮ์
และอัลลอฮ์จะทรงบอกเขาเหล่านั้นถึงสิ่งที่เขาเหล่านั้นได้กระทำมาก่อน
[5:15]
บรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ทั้งหลาย
! แท้จริงร่อซู้ลของเราได้มายังพวกเจ้าแล้ว
โดยที่เขาจะแจกแจงแก่พวกเจ้า
ซึ่งมากมายจากสิ่งที่พวกเจ้าปกปิดไว้จากคัมภีร์
และเขาจะระงับไว้มากมาย
แท้จริงแสงสว่างจากอัลลอฮ์
และคัมภีร์อันชัดแจ้งนั้นได้มายังพวกเจ้าแล้ว
[5:16]
ด้วยคัมภีร์นั้นแหละ
อัลลอฮ์จะทรงแนะนำผู้ที่ปฏิบัติตามความพึงพระทัยของพระองค์ซึ่งบรรดาทางแห่งความปลอดภัย
และจะทรงให้พวกเขาออกจากความมืดไปสู่แสงสว่างด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์
และจะทรงแนะนำพวกเขาสู่ทางอันเที่ยงตรง
[5:17]
แน่นอนได้ปฏิเสธศรัทธาแล้วบรรดาผู้ที่กล่าวว่า
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นคืออัลมะซีห์
บุตรของมัรยัม
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด) ก็ใครเล่าที่จะมีอำนาจครอบครองสิ่งของ
จากอัลลอฮ์ได้
หากพระองค์ทรงประสงค์ที่จะทำลายอัล-มะซีห์
บุตรของมัรยัม
และมารดาของเขา
และผู้ที่อยู่ในแผ่นดินทั้งหมด
และอำนาจแห่งบรรดาชั้นฟ้า
และแผ่นดินและสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสองนั้นเป็นสิทธิของอัลลอฮ์เท่านั้น
และอัลลอฮ์นั้นทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง
[5:18]
และบรรดาชาวยิว
และชาวคริสต์ได้กล่าวว่า
พวกเราคือบุตรของอัลลอฮ์
และเป็นที่รักใคร่ของพระองค์
จงกล่าวเถิด
(มุฮัดมัด)
แล้วไฉนเล่าพระองค์จึงทรงลงโทษพวกท่าน
เนื่องด้วยความผิดทั้งหลายของพวกท่าน
มิใช่เช่นนั้นดอกพวกท่านเป็นสามัญชนในหมู่ผู้ที่พระองคืทรงบังเกิดมาต่างหาก
ซึ่งพระองค์จะทรงอภัยโทษแก่ผู้ที่พระงอค์ทรงประสงค์
และอำนาจแห่งบรรดาชั้นฟ้า
และแผ่นดิน
และสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสองนั้น
เป็นสิทธิของอัลลอฮ์เท่านั้น
และยังพระองค์นั้นคือการกลับไป
[5:19]
บรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ทั้งหลาย
! แท้จริงร่อซู้ล
ของเราได้มายังพวกเจ้าแล้ว
โดยที่เขาจะได้ชี้แจงแก่พวกเจ้า
ตามวาระสมัยที่ได้ว่างเว้นบรรดาร่อซู้ลมา
ทั้งนี้เนื่องจากการที่พวกเจ้าจะกล่าวว่า
มิได้มีผู้แจ้งข่าวดีคนใด
และผู้ตักเตือนคนใดมายังพวกเรา
แท้จริงได้มีผู้แจ้งข่าวดีและผู้ตักเตือนมายังพวกเจ้าแล้ว
และอัลลอฮ์นั้นทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง
[5:20]
และจงรำลึกถึงขณะที่มูซาได้กล่าวแก่ประชาชาติของเขาว่า
โอ้ประชาชาติของฉัน
!
พึงรำลึกถึงความกรุณาเมตตาของอัลลอฮ์ที่มีแด่พวกท่านเถิด
เพราะว่าพระองค์ได้ทรงให้มีบรรดานบีขึ้นในหมู่พวกท่าน
และได้ทรงให้พวกท่านเป็นกษัตริย์
และได้ทรงประทานแก่พวกท่าน
สิ่งที่มิได้ทรงประทานให้แก่ผู้ใดในหมู่ประชาชาติทั้งหลาย
[5:21]
โอ้ประชาชาติของฉัน
!
จงเข้าไปในแผ่นดินอันบริสุทธิ์
ที่อัลลอฮ์ได้ทรงกำหนดให้แก่พวกท่านเถิด
และจงอย่าหันหลังของพวกท่านกลับ
เพราะจะทำให้พวกท่านกลับกลายเป็นผู้ขาดทุน
[5:22]
พวกเขากล่าวว่า
โอ้มูซา
แท้จริงในแผ่นดินอันบริสุทธิ์นั้นมีพวกที่เหี้ยมโหด
และพวกเราจะไม่เข้าไปในแผ่นดินนั้นเป็นอันขาด
จนกว่าพวกเขาจะออกไปจากที่นั้น
แต่ถ้าพวกเขาออกไปจากที่นั้นแล้ว
พวกเราจึงจะเป็นผู้เข้าไป
[5:23]
มีชายสองคนในหมู่ผู้ยำเกรงที่อัลลอฮ์ได้ทรงกรุณาเมตตาแก่เขามทั้งสองได้กล่าวว่าพวกท่านจงเข้าประตูนั้นไปเผชิญหน้ากับพวกเขาเถิดครั้นเมื่อพวกท่านเข้าประตูนั้นไปแล้ว
แน่นอนพวกท่านจะเป็นผู้ชนะ
และแด่อัลลอฮ์นั้นพวกเจ้าจงมอบหมายเถิด
หากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธา
[5:24]
พวกเขากล่าวว่า
โอ้มูซา !
แท้จริงพวกเราจะไม่เข้าไปที่นั้นโดยเด็ดขาด
ตราบใดที่พวกเขายังคงอยู่ที่นั้น
ดังนั้นท่านและพระเจ้าของท่านจงไปเถิด
แล้วจงต่อสู้
พวกเราจะนั่งอยู่ที่นี่
[5:25]
เขากล่าวว่า
โอ้พระเจ้าแห่งข้าพระองค์แท้จริงข้าพระองค์ไม่มีอำนาจ
นอกจากตัวของข้าพระองค์เองและพี่ชายของข้าพระองค์
เท่านั้น
ดังนั้นโปรดได้แยกระหว่างเรา
กับประชาชาติผู้ละเมิดด้วยเถิด
[5:26]
พระองค์ตรัสว่า
แท้จริงแผ่นดินนั้นเป็นที่ต้องห้ามแก่พวกเขา
สี่สิบปี
ซึ่งพวกเขาจะระเหเร่ร่อนไปในผืนแผ่นดิน
ดังนั้นเจ้าจงอย่าเสียใจให้แก่ประชาชาติผู้ละเมิดเหล่านั้นเลย
[5:27]
และเจ้าจงอ่านให้พวกเขาฟัง
ซึ่งข่าวคราวเกี่ยวกับบุตรชายสองคน
ของอาดัมตามความเป็นจริง
ขณะที่ทั้งสองได้กระทำการพลีซึ่งสิ่งพลีอยู่นั้น
แล้วสิ่งพลีนั้นก็ถูกรับจากคนหนึ่งในสองคนและมันมิไสด้ถูกรับจากอีกคนหนึ่งเขา
จึงได้กล่าวว่า
แน่นอนข้าจะฆ่าเจ้า
ให้ได้เขา
กล่าวว่า
แท้จริงอัลลอฮ์จะทรงรับจากหมู่ผู้มีความยำเกรงเท่านั้น
[5:28]
หากท่าน
ยื่นมือของท่านมายังฉัน
เพื่อจะฆ่าฉัน
ฉันก็จะไม่ยื่นมือของฉันไปยังท่าน
เพื่อจะฆ่าท่าน
แท้จริงฉันกลัวอัลลอฮ์ผู้เป็นพระเจ้าแห่งสากลโลก
[5:29]
แท้จริงฉันต้องการที่จะให้ท่านนำบาปของฉันและบาปของท่านกลับไป
แล้วท่านก็จะกลายเป็นคนหนึ่งในหมู่ชาวนรก
และนั่นแหละคือการตอบแทนแก่บรรดาผู้อธรรม
[5:30]
แล้วจิตใจของเขาก็คล้อยตามเขาในการที่จะฆ่าน้องชายของเขา
แล้วเขาก็ฆ่าน้องชายของเขา
ดังนั้นเขาจึงได้กลายเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้ขาดทุน
[5:31]
แล้วอัลลอฮ์ก็ได้ส่งกาตัวหนึ่งมาคุ้ยหาในดิน
เพื่อที่จะให้เขาเห็นว่าเขาจะกลบศพน้องชายของเขาอย่างไรเขากล่าวว่า
โอ้ความพินาศของฉัน
ฉันไม่สามารถที่จะเป็นเช่นกาตัวนี้แล้วกลบศพน้องชายของฉันเชียวหรือนี่? แล้วเขาก็กลายเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้ตรอมใจ
[5:32]
เนื่องจากเหตุนั้นแหละ
เราจึงได้บัญญัติแก่วงศ์วาน
อิสรออีลว่า
แท้จริงผู้ใดฆ่าชีวิตหนึ่งโดยมิใช่เป็นการชดเชยอีกชีวิตหนึ่ง
หรือมิใช่เนื่องจากกการบ่อนทำลายในแผ่นดินแล้วก็ประหนึ่ง่าเขาได้ฆ่ามนุษย์ทั้งมวล
และแท้จริงนั้นบรรดาร่อซู้ลของเราได้นำหลักฐานต่าง
ๆ อันชัดแจ้งมายังพวกเขาแล้ว
แล้วได้มีจำนวนมากมายในหมู่พวกเขาเป็นผู้ฟุ่มเฟือยในแผ่นดิน
[5:33]
แท้จริงการตอบแทนแก่บรรดาผู้ที่ทำสงครามต่ออัลลอฮ์
และร่อซู้ลของพระองค์
และพยายามบ่อนทำลายในแผ่นดิน
นั้นก็คือการที่พวกเขาจะถูกฆ่า
หรือถูกตรึงบนไม่กางเขน
หรือมือของพวกเขาและเท้าของพวกเขาจะถูกตัดสลับข้าง
หรือถูกเนรเทศออกไปจากแผ่นดิน
นั้นก็คือพวกเขาจะได้รับความอัปยศในโลกนี้
และจะได้รับการลงโทษอันใหญ่หลวงในปรโลก
[5:34]
นอกจากบรรดาผู้ที่สำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัว
ก่อนจากที่พวกเจ้าจะสามารถลงโทษพวกเขา
พึงรู้เถิดว่า
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ
ผู้ทรงเอ็นดูเมตตา
[5:35]
ผู้ศรัทธาทั้งหลาย
!
พึงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด
และจงแสวงหาสื่อ
ไปสู่พระองค์
และจงต่อสู้และเสียสละในทางของอัลลอฮ์เถิด
เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความสำเร็จ
[5:36]
แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น
หากพวกเขามีสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินทั้งหมด
และมีเยี่ยงนั้นอีกรวมกัน
เพื่อจะใช้มันไถ่ตัวให้พ้นจากการลงโทษในวันกิยามะฮ์แล้ว
มันก็จะไม่ถูกรับจากพวกเขา
และสำหรับพวกเขานั้นคือการลงโทษอันเจ็บแสบ
[5:37]
เขาเหล่านั้นปรารถนาที่จะออกจากไฟนรก
แต่พวกเขาก็หาได้ออกจากมันไปได้ไม่
และสำหรับพวกเขานั้นคือการลงโทษที่คงอยู่ตลอดไป
[5:38]
และขโมยชายและขโมยหญงนั้นจงตัดมือของเขา
ทั้งสองคน
ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอบแทนในสิ่งที่ทั้งสองนั้นได้แสวงหาไว้
(และ)
เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างการลงโทษ
จากอัลลอฮ์
และอัลลอฮ์นั้นทรงเดชานุภาพ
ทรงปรีชาญาณ
[5:39]
แล้วผู้ใดสำหนึกผิดกลับเนื้อกลับตัวหลังจากการอธรรมของเขา
และแก้ไขปรับปรุงแล้ว
แท้จริงอัลลอฮ์จะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ
ผู้ทรงเอ็นดูเมตตาเสมอ
[5:40]
เจ้ามิได้รู้ดอกหรือว่า
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงมีอำนาจในบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน
โดยที่พระองค์จะทรงลงโทษใครก็ได้ที่พระองค์ทรงประสงค์
และจะทรงอภัยโทษแก่ใครก็ได้ที่พระองค์ทรงประสงค์
และอัลลอฮ์นั้น
ทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง
[5:41]
รอซูลเอ๋ย
!
จงอย่าให้เป็นที่เสียใจแก่เจ้าซึ่งบรรดาผู้ที่รีบเร่งกันในการปฏิเสธศรัทธาจากหมู่ผู้ที่กล่าวด้วยปากของพวกเขาว่า
พวกเราศรัทธาแล้วโดยที่หัวใจของพวกเขามิได้ศรัทธา
และจากหมู่ผู้ที่เป็นยิวด้วย
โดยที่พวกเขาชอบฟังคำมุสา
พวกเขาชอบฟังเพื่อพวกอื่นที่มิได้มุ่งหาเจ้า
พวกเขาบิดเบือนบรรดาถ้อยคำหลังจาก
(ที่มันถูกวางใน)
ที่ของมัน พวกเขากล่าวว่า
หากพวกท่านได้รับสิ่งนี้ก็จงเอามันไว้
และถ้าหากพวกท่านมิได้รับมันก็จงระวัง
และผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงประสงค์ซึ่งการทดสอบเขาแล้ว
เจ้าก็ไม่มีสิทธิแต่อย่างใดจากอัลลอฮ์ที่จะช่วยเหลือเขาได้
ชนเหล่านี้แหละคือผู้ที่อัลลอฮ์มิทรงประสงค์จะให้หัวใจของพวกเขาสะอาด
โดยที่พวกเขาจะได้รับความอัปยศในโลกนี้
และจะได้รับการลงโทษอันมหันต์ในปรโลก
[5:42]
พวกเขาชอบฟังคำมุสา
ชอบกินสิ่งต้องห้าม
ถ้าหากพวกเขามาหาเจ้า
ก็จงตัดสินระหว่างพวกเขา
หรือไม่ก็หลีกเลี่ยงพวกเขาเสีย
และถ้าหากเจ้าหลีกเลี่ยงพวกเขา
พวกเขาก็จะไม่ให้โทษแก่เจ้าได้แต่อย่างใดเลย
และหากเจ้าตัดสินใจ
ก็จงตัดสินใจระหว่างพวกเขา
ด้วยความยุติธรรม
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงรักบรรดาผู้ที่ยุติธรรม
[5:43]
และอย่างไรเล่าที่พวกเขาจะให้เจ้าตัดสินทั้ง
ๆ ที่พวกเขามี
อัต-เตารอตอยู่
ซึ่งในนั้นมีข้อตัดสินของอัลลอฮ์อยู่แล้วแล้วพวกเขาก็ผินหลังให้
หลังจากนั้น
ชนเหล่านี้หาใช่เป็นผู้ศรัทธาไม่
[5:44]
แท้จริงเราได้ให้อัต-เตารอตลงมา
โดยที่ในนั้นมีข้อแนะนำ
และแสงสว่าง
ซึ่งบรรดานบีที่สวามิภักดิ์ได้ใช้อัต-เตารอตตัดสินบรรดาผู้ที่เป็นยิว
และบรรดาผู้ที่รู้แล้วในอัลลอฮ์
และนักปราชญ์ทั้งหลายก็ได้ใช้อัต-เตารอต
ตัดสินด้วย
เนื่องด้วยสิ่งที่พวกเขาได้รับมอบหมายให้รักษาไว้
(นั่นคือ)
คัมภีร์ของอัลลอฮ์
และพวกเขาก็เป็นพยานยืนยันในคัมภีร์นั้นด้วย
ดังนั้นพวกเจ้า
จงอย่ากลัวมนุษย์แต่จงกลัวข้าเถิด
และจงอย่าแลกเปลี่ยนบรรดาโองการของข้ากับราคาอันเล็กน้อย
และผู้ใดที่มิได้ตัดสินด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาแล้วชนเหล่านี้แหละคือผู้ปฏิเสธการศรัทธา
[5:45]
และเราได้บัญญัติแก่พวกเขาไว้ในคัมภีร์นั้นว่า
ชีวิตด้วยชีวิต
และตาด้วยตา
และจมูกด้วยจมูก
และหูด้วยหู
และฟันด้วยฟัน
และบรรดาบาดแผลก็ให้มีการชดเชยเยี่ยงเดียวกัน
และผู้ใดให้การชดเชยนั้นเป็นทาน
มันก็เป็นสิ่งลบล้างบาปของเขา
และผู้ใดมิได้ตัดสินด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาแล้ว
ชนเหล่านี้แหละคือผู้อธรรม
[5:46]
และเราได้ให้อีซาบุตรของมัรยัมตามหลังพวกเขามา
ในฐานะผู้ยืนยันสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเขาคือ
อัต-เตารอต
และเราได้ให้อัล-อินญีลแก่เขา
ซึ่งในนั้นมีคำแนะนำและแสงสว่าง
และเป็นที่ยืนยันสิ่งที่อยู่เบื้องหน้ามัน
คืออัต-เตารอต
และเป็นคำแนะนำ
และคำตักเตือนแก่ผู้ยำเกรงทั้งหลาย
[5:47]
และบรรดาผู้ที่ได้รับอัล-อินญีลก็จงตัดสินด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาในนั้น
และผู้ใดที่มิได้ตัดสินด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาแล้ว
ชนเหล่านี้คือผู้ที่ละเมิด
[5:48]
และเราได้ให้คัมภีร์ลงมาแก่เจ้าด้วยความจริงในฐานะเป็นที่ยืนยันคัมภีร์ที่อยู่เบื้องหน้ามันและเป็นที่ควบคุมคัมภีร์
(เบื้องหน้า)
นั้น ดังนั้นเจ้าจงตัดสินสินระหว่างพวกเขา
ด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงประทานลงมาเถิด
และจงอย่าปฏิบัติตามความใคร่ใฝ่ต่ำของพวกเขา
โดยเขวออกจากความจริงที่ได้มายังเจ้า
สำหรับแต่ละประชาชาติในหมู่พวกเจ้านั้น
เราได้ให้มีบทบัญญัติและแนวทางไว้
และหากอัลลอฮ์ทรงประสงค์แล้วแน่นอนก็ทรงให้พวกเจ้าเป็นประชาชาติเดียวกันแล้ว
แต่ทว่าเพื่อที่จะทรงทดสอบพวกเจ้าในสิ่งที่พระองค์ได้ประทานแก่พวกเจ้า
ดังนั้นพวกเจ้าจงแข่งขันกันในความดีทั้งหลายเถิด
ยังอัลลอฮ์นั้นคือ
การกลับไปของพวกเจ้าทั้งหมด
แล้วพระองค์จะทรงแจ้งให้พวกเจ้าทราบในสิ่งที่พวกเจ้ากำลังขัดแย้งกันในสิ่งนั้น
[5:49]
และเจ้า
จงตัดสินระหว่างพวกเขาด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาเถิด
และจงอย่าปฏิบัติตามความใคร่ใฝ่ต่ำของพวกเขา
และจงระวังพวกเขา
ในการที่พวกเขาจะจูงใจเจ้าให้เขวออกจากบางสิ่ง
ที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาแก่เจ้า
แล้วถ้าหากพวกเจ้าผินหลังให้
ก็พึงรู้เถิดว่า
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเพียงประสงค์จะให้ประสบแก่พวกเขาซึ่งบางส่วนแห่งโทษของพวกเขาเท่านั้น
และแท้จริง
จำนวนมากมายในหมู่มนุษย์นั้นเป็นผู้ละเมิด
[5:50]
ข้อตัดสินสมัยญาฮิลีญะฮ์
กระนั้นหรือ
ที่พวกเขาปรารถนา
และใครเล่าที่จะมีข้อตัดสินดียิ่งกว่าอัลลอฮ์สำหรับกลุ่มชนที่เชื่อมั่น
[5:51]
ผู้ศรัทธาทั้งหลาย
!
จงอย่าได้ยึดเอาชาวยิวและชาวคริสต์เป็นมิตร
บางส่วนของพวกเขาคือมิตรของอีกบางส่วน
และผู้ใดในหมู่พวกเจ้าเอาพวกเขามาเป็นมิตรแล้วไซร้
แน่นอนผู้นั้นก็เป็นคนหนึ่งในพวกเขา
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นไม่ทรงแนะนำกลุ่มชนที่อธรรม
[5:52]
แล้วเจ้าจะได้เห็นบรรดาผู้ที่ในหัวใจของพวกเขามีโรค
ต่างรีบเร่งกันไปอยู่ในหมู่พวกเขา
โดยกล่าวว่า
พวกเรากลัวภัยพิบัติ
จะเวียนมาประสบแก่พวกเรา
อาจเป็นไปได้ว่าอัลลอฮ์นั้นจะทรงนำมาซึ่งชัยชนะหรือไม่ก็นำพระบัญชาอย่างหนึ่งอย่างใดมาจากที่พระองค์
แล้วพวกเขาก็กลายเป็นผู้เสียใจต่อสิ่งที่พวกเขาปกปิดไว้ในใจของพวกเขา
[5:53]
และบรรดาผู้ที่ศรัทธากล่าวว่า
ชนเหล่านี้หรือ
คือผู้ที่สามบานต่ออัลลอฮ์อย่างเข้มแข็งว่า
แท้จริงพวกเขานั้นจะรวมอยู่กับพวกเจ้า
การงานของพวกเขานั้นไร้ผล
แล้วพวกเขาก็กลายเป็นผู้ขาดทุน
[5:54]
บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย
!
ผู้ใดในหมู่พวกเจ้ากลับออกจากศาสนาของพวกเขาไปอัลลอฮ์
ก็จะทรงนำมาซึ่งพวกหนึ่ง
ที่พระองค์ทรงรักพวกเขาและพวกเขาก็รักพระองค์
เป็นผู้นอบน้อมถ่อมตนต่อบรรดามุอ์มิน
ไว้เกียรติแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาพวกเขาจะเสียสละและต่อสู้ในทางของอัลลอฮ์
และไม่กลัวการตำหนิของผู้ตำหนิคนใดนั่นคือความโปรดปรานของอัลลอฮ์ซึ่งพระองค์จะทรงประทานมันแก่ผุ้ที่พระองค์ทรงประสงค์
และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงกว้างขวาง
ผู้ทรงรอบรู้
[5:55]
แท้จริงผู้ที่เป็นมิตรของพวกเจ้านั้น
คืออัลลอฮ์
และร่อซู้ลของพระองค์
และบรรดาผู้ศรัทธาที่ดำรงไว้ซึ่งการละหมาด
และชำระซะกาตและขณะเดียวกันพวกเขาก็เป็นผู้นอบน้อม
[5:56]
และผู้ใดให้อัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์
และบรรดาผู้ทีศรัทธาเป็นมิตรแล้วไซร้
แท้จริงพรรคของอัลลอฮ์นั้น
คือพวกที่ชนะ
[5:57]
ผู้ศรัทธาทั้งหลาย
!
จงอย่าได้ยึดเอามาเป็นมิตรผู้ซึ่งถือเอาศรัทธาของพวกเจ้าเป็นการเย้ยหยัน
และเป็นการล้อเล่นจากบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ก่อนพวกเจ้าและบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลายและพึงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด
หากพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธา
[5:58]
และเมื่อพวกเจ้าได้เรียกร้องไปสู่การละหมาด
พวกเขาก็ถือเอาการละหมาดเป็นการเย้ยหยันเป็นการล้อเล่นนั่นก็เพราะพวกเขาเป็นพวกที่ไม่ใช้ปัญญา
[5:59]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
ว่า
โอ้บรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ทั้งหลาย
!
พวกท่านมิได้ตำหนิติเตียนและปฏิเสธพวกเรา
(เพราะอื่นใด)
นอกจากว่าพวกเราศรัทธาต่ออัลลอฮ์
และสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เรา
และสิ่งที่ถูกประทานลงมาก่อนแล้วเท่านั้น
และแท้จริงส่วนมากของพวกท่านนั้นเป็นผู้ละเมิด
[5:60]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
ว่าจะให้ฉันบอกแก่พวกท่านไหม
ถึงการตอบแทนที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้น
ณ ที่อัลลอฮ์
คือผู้ที่อัลลอฮ์ได้ทรงละอ์นัต
เขาและกริ้วโกรธเขา
และให้ส่วนหนึ่งในพวกเขาเป็นลิง
และเป็นสุกร
และเป็นผู้สักการะชัยตอน
ชนเหล่านี้แหละคือผู้ที่มีตำแหน่งอันชั่วร้ายและเป็นผู้ที่หลงไปจากทางอันเที่ยงตรง
[5:61]
และเมื่อเขาเหล่านั้น
มาหาพวกเจ้า
พวกเขาก็กล่าวว่า
เราศรัทธาแล้ว
ทั้ง ๆ
ที่โดยแท้จริงนั้น
พวกเขาเข้ามาในสภาพผู้ปฏิเสธศรัทธา
และขณะที่พวกเขาออกไปก็ในสภาพนั้น
และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรู้ยิ่งในสิ่งที่พวกเขาปกปิด
[5:62]
และเจ้าจะได้เห็นมากมายในหมู่พวกเขาต่างรีบเร่งกันในการทำบาป
และการเป็นศัตรูกันและการที่พวกเขากินสิ่งที่เป็นที่ต้องห้าม
ช่างเลวจริง
ๆ
สิ่งที่พวกเขากระทำกัน
[5:63]
ไฉนเล่าผู้ที่รู้แจ้งในอัลลอฮ์และนักปราชญ์เหล่านั้นจึงไม่ห้ามพวกเขา
ในการที่พวกเขาพูดสิ่งที่เป็ฯบาป
และในการที่พวกเขากินสิ่งที่ต้องห้ามช่างเลวจริง
ๆ สิ่งที่พวกเขาทำ
[5:64]
และชาวยิวนั้นได้กล่าวว่า
พระหัตถ์ของอัลลอฮ์นั้นถูกล่ามตรวน
มือของพวกเขาต่างหากที่ถูกล่ามตรวนและพวกเขาได้รับละอ์นัต
เนื่องจากสิ่งที่พวกเขาพูดมิได้
พระหัตถ์ทั้งสองของพระองค์ถูกแบออกต่างหาก
ซึ่งพระองค์จะทรงแจกจ่ายอย่างไรก็ได้ที่พระองค์ทรงประสงค์
และแน่นอนสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เจ้าจากพระเจ้าของเจ้านั้นจะเพิ่มการละเมิด
และการปฏิเสธศรัทธาแก่จำนวนมากมายในหมู่พวกเขา
และเราได้ก่อให้เกิดการเป็นศัตรูกันและการเกลียดชังกันในระหว่างพวกเขา
จนถึงวันกิยามะฮ์
ทุกครั้งที่พวกเขาจุดไฟขึ้น
เพื่อทำสงคราม
อัลลอฮ์ก็ทรงดับไฟนั้นเสีย
และพวกเขาเพียรพยายามบ่อนทำลายในผืนแผ่นดิน
และอัลลอฮ์นั้นไม่ทรงชอบผู้บ่อนทำลายทั้งหลาย
[5:65]
และหากอะฮ์ลุลกิตาบศรัทธา
และยำเกรงแล้ว
แน่นอนเราก็จะลบล้างบรรดาความชั่วของพวกเขาให้พ้นจากพวกเขา
และแน่นอนเราจะให้พวกเขาเข้าบรรดาสวนสวรรค์แห่งความสุขสำราญ
[5:66]
และหากว่าเขาเหล่านั้นได้ตำรงไว้ซึ่งอัต-เตารอต
และอัล-อินญีล
และสิ่งที่ถูกปผระทานลงมา
แก่พวกเขาจากพระเจ้าของพวกเขาแล้ว
แน่นอนพวกเขาก็ได้บริโภคไปแล้วที่มาจากเบื้องบนของพวกเขา
และที่มาจาภายใต้เท้า
ของพวกเขาในหมู่พวกเขานั้นมีกลุ่มหนึ่งที่มีความยุติธรรม
และมากมายในหมู่พวกเขานั้น
ช่างเลวร้ายจริง
ๆ สิ่งที่พวกเขากระทำกัน
[5:67]
ร่อซู้ลเอ๋ย
!
จงประกาศสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เจ้าจากพระเจ้าของเข้า
และถ้าเจ้ามิได้ปฏิบัติ
เจ้าก็มิได้ประกาศสารของพระองค์
และอัลลอฮ์นั้นจะทรงคุ้มกันเจ้าให้พ้นจากมนุษย์
แท้จริงอัลลอฮ์จะไม่ทรงแนะนำพวกที่ปฏิเสธศรัทธา
[5:68]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
ว่า
บรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ทั้งหลาย!
พวกท่านมิได้ตั้งอยู่บนสิ่งใด
จนกว่าพวกท่านจะดำรงไว้ซึ่งอัต-เตารอต
และอัล-อินญีล
และสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่พวกท่านจากพระเจ้าของพวกท่านและแน่นอนสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เจ้า
จากพระเจ้าของเจ้านั้นจะเพิ่มการละเมิด
และการปฏิเสธศรัทธาแก่จำนวนมากในหมู่พวกเขา
ดังนั้นเจ้าจงอย่าเศร้าใจแก่พวกที่ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้นเลย
[5:69]
แท้จริงบรรดาผู้ที่ศรัทธา
และบรรดาผู้ที่เป็นยิว
และพวกซอบิอูน
และบรรดาผู้ที่เป็นคริสต์นั้น
ผู้ใดที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์
และวันปรโลกและประกอบสิ่งที่ดีงามแล้ว
ก็ไม่มีความกลัวใด
ๆ แก่พวกเขา
และทั้งพวกเขาก็จะไม่สียใจ
[5:70]
แท้จริงนั้นเราได้เอาสัญญาแก่วงศ์วานอิสราอีล
และเราได้ส่งบรรดาร่อซุลมายังพวกเขาทุกครั้งที่ร่อซู้ลคนใดนำสิ่งที่จิตใจของพวกเขาไม่ชอบมายังพวกเขาแล้ว
กลุ่มหนึ่ง
พวกเขาก็ปฏิเสธและอีกกลุ่มหนึ่งพวกเขาก็ฆ่าเสีย
[5:71]
และพวกเขาคิดว่าจะไม่มีการทดสอบใด
ๆ เกิดขึ้น
แล้วพวกเขาจึงได้ตาบอด
และหูหนวก แล้วอัลลอฮ์ก็ทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา
แล้วพกวกเขาก็ตาบอดและหูหนวกอีก
คือจำนวนมากในหมู่พวกเขา
และอัลลอฮ์นั้นทรงเห็นสิ่งที่พวกเขากระทำกัน
[5:72]
แท้จริงบรรดาผุ้ที่กล่าวว่า
อัลลอฮ์คือ อัล-มะซีห์บุตรของมัรยัมนั้นได้ตกเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาแล้ว
และอัล-มะซีห์ได้กล่าวว่า
วงศ์วานอิสรออีลเอ๋ย!
จงเคารพอิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์ผุ้เป็นพระเจ้าของฉัน
และเป็นพระเจ้าของพวกท่านเถิด
แท้จริงผู้ใดให้มีภาแก่อัลลอฮ์
แน่นอนอัลลอฮ์จะทรงให้สวรรค์เป็นที่ต้องห้ามแก่เขา
และที่พำนักของเขานั้นคือนรก
และสำหรับบรรดาผู้อธรรมนั้นย่อมไม่มีผู้ช่วยเหลือใด
ๆ
[5:73]
แท้จริงบรรดาผู้ที่กล่าวว่า
อัลลอฮ์เป็นผู้ที่สามของสามองค์
นั้นได้ตกเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาแล้ว
ไม่มีสิ่งใดที่ควรได้รับการเคารพสักการะนอกจากผู้ที่ควรเคารพสักการะองค์เดียวเท่านั้น
และหากพวกเขามิหยุดยั้งจากสิ่งที่พวกเขากล่าวแน่นอนบรรดาผู้ที่ปฏิเสธการศรัทธาในหมู่พวกเขานั้นจะต้องประสบการลงโทษอันเจ็บแสบ
[5:74]
พวกเขาจะไม่สำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัวต่อัลลอฮ์
และขออภัยโทษต่อพระองค์กระนั้นหรือ? และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงเอ็นดูเมตตาเสมอ
[5:75]
อัล-มะซีห์บุตรของมัรยัม
นั้นมิใช่ใครอื่นนอกจากเป็นร่อซู้ลคนหนึ่งเท่านั้น
ซึ่งบรรดาร่อซู้ลก่อนเขาก็ได้ล่วงลับไปแล้ว
และมารดาของเขานั้นคือหญิงที่มีสัจจะวาจา
ซึ่งทั้งสองนั้นรับประทานอาหาร
จงดูเถิด
(มุฮัมมัด) ว่าอย่างไรเล่าที่เราได้แจกแจงโองการต่าง
ๆ แก่พวกเขา? และจงดูเถิดว่าอย่างไรเล่าพวกเขาจึงถูกหันเหไปได้
[5:76]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
ว่า
พวกท่านจะเคารพสักการะอื่นจากอัลลอฮ์
สิ่งซึ่งไม่มีอำนาจครอบครองอันตรายใด
ๆ และประโยชน์ใด
ๆ
ไว้สำหรับพวกท่านกระนั้นหรือ? และอัลลอฮ์นั้นคือผู้ทรงได้ยิน
ผู้ทรงรอบรู้
[5:77]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
ว่าบรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ทั้งหลาย!
จงอย่าปฏิบัติให้เกินขอบเขตในศาสนาของพวกท่าน
โดยปราศจากความเป็นจริง
และจงอย่าปฏิบัติตามความใคร่ใฝ่ต่ำของพวกหนึ่งพวกใดที่พวกเขาได้หลงผิดมาก่อนแล้ว
และได้ทำให้ผู้คนมากมายหลงผิดด้วย
และพวกเขาก็ได้หลงผิดไปจากทางอันเที่ยงตรง
[5:78]
บรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาในหมู่วงศ์วานอิสรออีลนั้นได้ถูกสาปโดยถ้อยคำของดาวูด
และอีซาบุตรของมัรยัม
นั่นก็เนื่องจากการที่พวกเขาฝ่าฝืน
และที่พวกเขาเคยละเมิดกัน
[5:79]
ปรากฏว่าพวกเขาต่างไม่ห้ามปรามกันในสิ่งไม่ชอบที่พวกเขาได้กระทำมันขึ้น
ช่างเลวร้ายจริง
ๆ
สิ่งที่พวกเขากระทำ
[5:80]
เจ้า
(มุฮัมมัด)
ก็จะเห็นมากมายในหมู่พวกเขา
เป็นมิตรกับบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา
ช่างเลวร้ายจริงๆสิ่งที่ตัวของพวกเขาเองได้ประกอบล่วงหน้าไว้สำหรับพวกเขา
อันเป็นเหตุให้อัลลอฮ์ทรงกริ้วพวกเขาและพวกเขาจะคงอยู่ในการลงโทษตลอดกาล
[5:81]
และหากพวกเขาศรัทธาต่ออัลลอฮ์
และนบีและสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เขา
แล้วพวกเขาก็จะไม่ยึดเอาเขาเหล่านั้นเป็นมิตร
แต่ทว่ามากมายในหมู่พวกเขานั้นเป็นผู้ที่ละเมิด