An-Naml
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[27:1]
ฏอ
ซีน
เหล่านี้คือโองการทั้งหลายของอัรกุรอาน
และคัมภีร์อันชัดแจ้ง
[27:2]
เป็นแนวทางที่ถูกต้อง
และข่าวดีสำหรับบรรดาผู้ศรัทธา
[27:3]
บรรดาผู้ที่ดำรงการละหมาดและบริจาคซะกาต
และต่อวันปรโลกพวกเขาเชื่อมั่น
[27:4]
แท้จริงบรรดาผู้ไม่ศรัทธาต่อวันปรโลกนั้น
เราได้ทำให้การงานของพวกเขาสวยงามแก่พวกเขา
ดังนั้นพวกเขาจะระเหเร่ร่อน
[27:5]
ชนเหล่านั้น
พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันชั่วช้า
และในวันปรโลกพวกเขาเป็นผู้ขาดทุนยิ่ง
[27:6]
และแท้จริง
เจ้าจะได้รับอัลกุรอานอย่างแน่นอน
จากพระผู้ทรงปรีชาญาณ
ผู้ทรงรอบรู้
[27:7]
จงรำลึก
เมื่อมูซากล่าวแก่ครอบครัวของเขา
ว่า
แท้จริงฉันเห็นไฟ
ฉันจะนำข่าวจากที่นั่นมาให้พวกท่านหรือฉันจะนำคบเพลิงมาให้พวกท่าน
เพื่อพวกท่านจะได้ทำให้มันอุ่น
[27:8]
ครั้นเมื่อเขามาถึงที่นั่น
ได้มีเสียงเรียกขึ้นว่า
ผู้ที่อยู่ในไฟและผู้ที่อยู่รอบ
ๆ มัน
จะได้รับความจำเริญ
และมหาบริสุทธิ์แห่งอัลลอฮ์
พระเจ้าแห่งสากลโลก
[27:9]
โอ้มูซาเอ๋ย
!
แท้จริงข้าคืออัลลอฮ์
ผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[27:10]
และจงโยนไม้เท้าของเจ้า
เมื่อเขาเห็นมันเคลื่อนไหวคล้ายกับว่ามันเป็นงู
เขาก็กลับหลังหันและไม่หันกลับมาอีก
โอ้มูซาเอ๋ย !
เจ้าอย่ากลัว
แท้จริงบรรดาร่อซู้ลนั้นจะไม่กลัวเมื่ออยู่ต่อหน้าข้า
[27:11]
เว้นแต่ผู้อธรรม
แล้วเขาได้เปลี่ยนมาทำความดี
หลังจากที่ได้ทำความชั่ว
เพราะแท้จริงข้านั้นเป็นผู้อภัย
ผู้เมตตาเสมอ
[27:12]
และจงสอดมือของเจ้าเข้าไปในอกเสื้อของเจ้า
มันจะออกมาขาวปราศจากอันตรายใด
ๆ (นี่คือสอง)
ในเก้าสัญญาณ
(ที่เจ้าจะนำไป)
ยังฟิรเอาน์และพวกพ้องของเขา
แท้จริงพวกเขาเป็นหมู่ชนผู้ฝ่าฝืน
[27:13]
เมื่อสัญญาณของเราได้มาปรากฎชัดแจ้งแก่พวกเขา
พวกเขาก็กล่าวว่า
นี่คือเวทมนต์คาถาอันแจ่มแจ้ง
[27:14]
และพวกเขาได้ปฏิเสธมันอย่างยุติธรรมและเย่อหยิ่ง
ทั้ง ๆ
ที่จิตใจของพวกเขาเชื่อมั่นมันดังนั้นจงดูเถิดว่า
บั้นปลายของบรรดาผู้บ่อนทำลายนั้นจะเป็นเช่นไร
?
[27:15]
และโดยแน่นอนเราได้ให้ความรู้แก่ดาวูดและสุลัยมาน
และเขาทั้งสองกล่าวว่า
บรรดาการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮ์
ผู้ทรงโปรดปรานแก่เรา
เหนือส่วนมากของปวงบ่าวของพระองค์ผู้ศรัทธาทั้งหลาย
[27:16]
และสุลัยมานเป็นทายาทของดาวูด
และเขากล่าวว่า
มหาชนทั้งหลายเอ๋ย
! เราได้รับความรู้ในภาษาของนก
และเราได้รับทุก
ๆ สิ่ง
แท้จริง
นี่คือความโปรดปรานอันแท้จริงแน่นอน
[27:17]
และไพร่พลของเขาที่เป็นญินมนุษย์และนก
ได้ถูกให้มาชุนนุมต่อหน้าสุลัยมาน
และพวกเขาถูกจัดให้เป็นระเบียบ
[27:18]
จนกระทั่งเมื่อพวกเขาได้มาถึงทุ่งที่มีมดมาก
มดตัวหนึ่งได้พูดว่า
โอ้พวกมดเอ๋ย!
พวกเจ้าจงเข้าไปในรังของพวกเจ้าเถิด
เพื่อว่าสุลัยมานและไพร่พลของเขาจะได้ไม่บดขยี้พวกเจ้า
โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว
[27:19]
เขา
(สุลัยมาน)
ยิ้มแกมหัวเราะต่อคำพูดของมันและกล่าวว่า
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์
ขอพระองค์ทรงโปรดประทานแกข้าพระองค์
เพื่อให้ข้าพระองค์ขอบคุณต่อความโปรดปรานของพระองค์ท่าน
ซึ่งพระองค์ท่านได้ทรงโปรดปรานแก่ข้าพระองค์
และบิดามารดาของข้าพระองค์
และให้ข้าพระองค์กระทำความดีเพื่อให้พระองค์ทรงพอพระทัยมัน
และทรงให้ข้าพระองค์เข้าอยู่ในความเมตตาของพระองค์
ในหมู่ปวงบ่าวของพระองค์ที่ดีทั้งหลาย
[27:20]
และเขาได้ตรวจดูฝูงนกแล้วกล่าวขึ้นว่า
ทำไมฉันจึงไม่เห็นฮุดฮุด
แต่ว่ามันหายไปไหน
?
[27:21]
แน่นอน
ฉันจะลงโทษมันด้วยการลงโทษอย่างสาหัส
หรือฉันจะฆ่ามันอย่างแน่นอนหรือให้มันนำหลักฐานอันชัดแจ้งมาให้ฉัน
[27:22]
มันหายไปชั่วครู่
(แล้วกลับมา)
มันได้กล่าวว่า
ฉันได้ไปตรวจพบสิ่งที่ท่านไม่รู้
และฉันได้นำข่าวอันแน่นอนจากสะบะ
มายังท่าน
[27:23]
ฉันได้พบหญิงคนหนึ่ง
ปกครองพวกเขา
และนางมีทุกสิ่ง
และนางมีบัลลังก์อันใหญ่โต
[27:24]
และฉันได้พบนางและหมู่ชนของนางสักการะบูชาดวงอาทิตย์อื่นจากอัลลอฮ์
และมารร้ายชัยตอนได้ทำให้การงานของพวกเขาเป็นของดีงามแก่พวกเขา
และได้กีดกันพวกเขาออกจากแนวทางที่ถูกต้อง
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง
[27:25]
ทำไมพวกเขาไม่สุญูดต่ออัลลอฮ์
ผู้นำออกมาซึ่งสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน
และทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเจ้าปิดบัง
และสิ่งที่พวกเจ้าเปิดเผย
[27:26]
อัลลอฮ์
ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์
พระเจ้าแห่งบัลลังก์อันยิ่งใหญ่
[27:27]
เขากล่าวว่า
เราจะคอยดูว่าเจ้าพูดจริงหรือเจ้าอยู่ในหมู่ผู้กล่าวเท็จ
[27:28]
เจ้าจงนำสารของฉันนี้และส่งมันให้พวกเขา
แล้วถอยออกห่างจากพวกเขา
ดังนั้นจงคอยดูว่าพวกเขาจะตอบกลับมาว่าอย่างไร
?
[27:29]
(พระราชินี)
ทรงกล่าวว่า โอ้หมู่บริพารทั้งหลายเอ๋ย
!
แน่แท้สารอันมีเกียรติถูกนำมาให้ฉัน
[27:30]
แท้จริงมันมาจากสุลัยมาน
และแท้จริงมันเริ่มว่า
ด้วยพระนามของอัลลอฮ์
ผู้ทรงกรุณาปรานี
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[27:31]
พวกท่านอย่าเย่อหยิ่งต่อฉัน
และจงมาหาฉันอย่างนอบน้อม
[27:32]
พระนางทรงกล่าวว่า
โอ้หมู่บริหารทั้งหลายเอ๋ย
!
จงให้ข้อชี้ขาดแก่ฉันในเรื่องของฉัน
ฉันไม่อาจจะตัดสินใจในกิจการใด
จนกว่าพวกท่านจะอยู่ร่วมด้วย
[27:33]
พวกเขากล่าวว่า
เราเป็นพวกที่มีพลังและเป็นพวกที่มีกำลังรบเข็มแข็ง
สำหรับพระบัญชานั้นเป็นของพระนางดังนั้น
พระนางได้โปรดตรึกตรองดูสิ่งใดที่พระนางจะทรงบัญชา
[27:34]
พระนางทรงกล่าวว่า
แท้จริงเหล่ากษัตริย์นั้น
เมื่อเข้าไปในเมืองใดก็ทำลายมัน
และทำให้บรรดาผู้มีอำนาจของเมืองนั้นเป็นผู้ต่ำต้อย
และเช่นนั้นแหละพวกเขากระทำกัน
[27:35]
และแท้จริงฉันจะส่งของกำนัลไปให้พวกเขา
แล้วฉันจะเฝ้าคอยดูว่า
ผู้ที่ถูกส่งไปนั้นจะกลับมาอย่างไร
?
[27:36]
เมื่อพวกเขาได้เข้าพบสุลัยมานแล้ว
เขา (สุลัยมาน)
กล่าวว่า
พวกท่านจะนำทรัพย์สินมากำนัลแก่เราหรือ
? สิ่งที่อัลลอฮ์ทรงประทานให้แก่ฉันนั้น
ดียิ่งกว่าสิ่งที่พระองค์ประทานให้แก่พวกท่าน
แต่พวกท่านดีใจต่อของกำนัลของพวกท่าน
[27:37]
จงกลับไปยังพวกเขา
เพราะแน่นอนเราจะนำไพร่พลไปยังพวกเขา
โดยที่พวกเขาไม่มีกำลังที่จะต่อต้านมันได้
และแน่นอน
เราจะให้พวกเขาออกจากที่นั่นอย่างอัปยศ
และพวกเขาจะเป็นผู้ต่ำต้อย
[27:38]
เขา
(สุลัยมาน)
กล่าวว่า
โอ้หมู่บริพารทั้งหลายเอ๋ย
!
ผู้ใดในหมู่พวกท่านจะนำบัลลังก์ของนางมายังฉัน
ก่อนที่พวกเขาจะมาหาฉันอย่างผู้นอบน้อม
[27:39]
ผู้ปรีชาสามารถล้ำเลิศคนหนึ่งของพวกญินได้กล่าวว่า
ฉันจะนำมันมาเสนอท่าน
ก่อนที่ท่านจะลุกขึ้นจากที่นั่งของท่าน
และแท้จริงฉันเป็นผู้มีพลังและไว้วางใจได้ในเรื่องนี้
[27:40]
ผู้ที่มีความรู้ในเรื่องคัมภีร์
กล่าวว่า
ฉันจะนำมันมาเสนอท่านชั่วพริบตาเดียว
เมื่อเขา
(สุลัยมาน)
เห็นมันวางมั่นคงอยู่ต่อหน้าเขา
เขากล่าวว่า
นี่เนื่องจากความโปรดปรานของพระเจ้าของฉัน
เพื่อพระองค์จะได้ทรงทดสอบฉันว่าฉันกตัญญูหรือเนรคุณ
และผู้ใดกตัญญูแท้จริงเขาก็กตัญญูต่อตัวเขาเอง
และผู้ใดเนรคุณแท้จริงพระเจ้าของฉันนั้นเป็นผู้ทรงมั่งมี
ผู้ทรงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ยิ่ง
[27:41]
เขากล่าวว่า
พวกท่านจงดัดแปลงบัลลังก์ของพระนาง
เพื่อดูซิว่าพระนางจะจำมันได้หรือพระนางจะอยู่ในหมู่ผู้จำมันไม่ได้
[27:42]
ครั้นเมื่อพระนางได้มาถึงก็ได้ทูลพระนางว่า
บัลลังก์ของพระนางเหมือนอย่างนี้หรือ
? พระนางตรัสว่า
มันคล้ายอย่างนี้แหละ
และเราได้รับความรู้มาก่อนนาง
และเราได้เป็นมุสลิมมาก่อนนาง
[27:43]
และการที่นางได้สักการะบูชาอื่นจากอัลลอฮ์
ได้หันห่างนางออกไป
แท้จริงนางอยู่ในหมู่ชนผู้ปฏิเสธ
[27:44]
ได้มีเสียงกล่าวแก่นางว่า
โปรดเข้าไปในวังเถิด
ครั้นเมื่อนางเห็นมันนางคิดว่า
มันเป็นสระที่เป็นห้วงน้ำ
และนางได้เลิกหน้าแข็งของนาง
เขา
(สุลัยมาน)
กล่าวว่า
มันเป็นวังทำให้ราบเรียบด้วยกระจาก
นางได้กล่าวว่า
ข้าแต่พระเจ้าของฉัน
แท้จริงฉันได้อธรรมแก่ตัวฉันเอง
และฉันขอนอบน้อมปฏิบัติตามสุลัยมาน
เพื่ออัลลอฮ์พระเจ้าแห่งสากลโลก
[27:45]
และโดยแน่นอน
เราได้ส่งพี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือซอและฮ์
ไปยัง
(หมู่ชนของ)
ษะมูดโดยให้พวกเขาเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์
แล้วพวกเขาได้แบ่งออกเป็นสองพวกแล้วโต้เถียงกัน
[27:46]
เขา
(ซอและฮ์)
กล่าวว่า
โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย
!
ทำไมพวกท่านจึงรีบเร่งหาความชั่วก่อนความดีเล่า
? ทำไมพวกท่านจึงไม่ขออภัยต่ออัลลอฮ์เพื่อพวกท่านจะได้รับความเมตตา
[27:47]
พวกเขากล่าวว่า
พวกเราได้ประสบโชคร้ายเพราะท่าน
และผู้ที่ร่วมกับท่าน
เขา (ซอและฮ์)
กล่าวว่า
โชคร้ายของพวกท่านอยู่ที่อัลลอฮ์
ยิ่งกว่านั้นพวกท่านเป็นหมู่ชนที่ถูกทดสอบ
[27:48]
และในเมืองนั้นมีเก้าคนที่เป็นผู้บ่อนทำลายในแผ่นดิน
และพวกเขาไม่เป็นผู้ฟื้นฟูการทำดี
[27:49]
พวกเขากล่าวว่า
จงร่วมกันสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮ์
แน่นอนพวกเราเตรียมที่จะทำร้ายเขาและครอบครัวของเขาในเวลากลางคืนแล้วเราก็จะกล่าวแก่ทายาทของเขาว่า
เราไม่รู้เห็นความพินาศของครอบครัวของเขา
และแท้จริงเรานั้นเป็นผู้สัตว์จริง
[27:50]
และพวกเขาได้วางแผน
และเราก็ได้วางแผนโดยที่พวกเขาไม่รู้สึกตัว
[27:51]
ดังนั้นจงคอยดูเถิด
ผลสุดท้ายแห่งแผนการณ์ของพวกเขาจะเป็นเช่นไร
กล่าวคือเราได้ทำลายล้างพวกเขา
และหมู่ชนของพวกเขารวมทั้งหมด
[27:52]
ดังนั้น
นั่นคือบ้านของพวกเขาก็ว่างเปล่า
ทั้งนี้เพราะพวกเขาอธรรม
แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอน
สำหรับหมู่ชนที่รู้
[27:53]
และเราได้ช่วยบรรดาผู้ศรัทธา
และพวกเขาเป็นผู้ยำเกรง
ให้รอดพ้น
[27:54]
และ
(จงรำลึกถึง)
ลูฏ
เมื่อเขากล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า
พวกท่านกระทำการลามกทั้งๆ
ที่พวกท่านรู้เห็นอยู่กระนั้นหรือ
?
[27:55]
แท้จริงพวกท่านสมสู่พวกผู้ชายด้วยตัณหา
แทนพวกผู้หญิงกระนั้นหรือ
? ยิ่งกว่านั้นพวกท่านเป็นหมู่ชนที่โง่เขลา
[27:56]
ดังนั้น
คำตอบของหมู่ชนของเขาไม่เป็นอย่างอื่น
นอกจากกล่าวว่า
จงให้ตระกูลของลูฏออกจากหมู่บ้านของพวกท่าน
แท้จริงพวกเขาเป็นหมู่ชนผู้บริสุทธิ์
[27:57]
แล้วเราได้ช่วยเขาและบริวารของเขาให้รอดพ้น
เว้นแต่ภรรยาของเขา
เราได้กำหนดให้นางอยู่ในหมู่ผู้ถูกทำลาย
[27:58]
และเราได้ให้ห่าฝน
ตกลงมาบนพวกเขาดังนั้น
ฝนของบรรดาผู้ถูกตักเตือนมันชั่วช้าเสียนี่กระไร
[27:59]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
บรรดาการสรรเสริญเป็นสิทธิของอัลลอฮ์
และความศานติจงมีแด่ปวงบ่าวของพระองค์
ผู้ซึ่งพระองค์ทรงคัดเลือกแล้ว
อัลลอฮ์ดีกว่าหรือสิ่งที่พวกเขาตั้งเป็นภาคี
(เจว็ด)
[27:60]
หรือผู้ใดเล่าที่สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน
และทรงหลั่งน้ำจากฟากฟ้าแก่พวกเจ้าแล้วเราได้ให้สวนต่าง
ๆ งอกเงยอย่างสวยงาม
พวกเจ้า
ก็ไม่สามารถที่จะทำให้ต้นไม้งอกเงยขึ้นมาได้จะมีพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮ์อีกหรือ
? เปล่าดอก!
พวกเขาเป็นหมู่ชนผู้ตั้งภาคี
[27:61]
หรือผู้ใดเล่าที่ทำให้แผ่นดินเป็นที่พำนักและทรงให้มีลำน้ำหลายสายไหลระหว่างมัน
และทรงทำให้ภูเขายึดมั่นสำหรับมัน
และทรงทำให้มีที่กั้นระหว่างน่านน้ำทั้งสอง
จะมีพระเจ้าอื่นใดคู่เคียงกับอัลลอฮ์อีกหรือ
เปล่าดอก !
ส่วนมากของพวกเขาไม่รู้
[27:62]
หรือผู้ใดเล่าจะตอบรับผู้ร้องทุกข์
เมื่อเขาวิงวอนขอต่อพระองค์
และทรงปลดเปลื้องความชั่วร้ายนั้น
และทรงทำให้พวกเจ้า
เป็นผู้ปกครองแผ่นดิน
จะมีพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮ์อีกหรือ
? ส่วนน้อยเท่านั้นที่พวกเจ้าจะใคร่ครวญ
[27:63]
หรือผู้ใดเล่าจะชี้แนะทางแก่พวกเจ้าในความมืดทึบของแผ่นดินและน่านน้ำ
และผู้ใดทรงส่งลมแจ้งข่าวดี
ท่ามกลางความเมตตาของพระองค์
จะมีพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮ์อีกหรือ
? อัลลอฮ์ทรงสูงส่งเหนือสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคี
[27:64]
หรือผู้ใดเล่าจะเริ่มในการสร้าง
แล้วทรงให้มันเกิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
และผู้ใดทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า
จากฟากฟ้าและแผ่นดิน
จะมีพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮ์อีกหรือ? จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
จงนำหลักฐานของพวกท่านมา
หากพวกท่านเป็นผู้สัตย์จริง
[27:65]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
ไม่มีผู้ใดในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินจะรู้ในสิ่งพ้นญาณวิสัย
นอกจากอัลลอฮ์
และพวกเขาจะไม่รู้ว่า
เมื่อใดพวกเขาจะถูกให้ฟื้นคืนชีพ
[27:66]
แต่ว่าความรู้ของพวกเขาเกี่ยวกับปรโลกนั้น
ได้ถึงที่สุดแล้วหรือ
? ทั้ง
ๆ
ที่พวกเขาอยู่ในการสงสัยในเรื่องของมันยิ่งกว่านั้นพวกเขายังตาบอดต่อเรื่องนั้นอีกด้วย
[27:67]
บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธากล่าวกันว่า
ในเมื่อเราและบรรพบุรุษของเราเป็นดินแล้วจะให้ถูกออกมาอีกอย่างแน่นอนกระนั้นหรือ
?
[27:68]
โดยแน่นอน
เราได้ถูกสัญญาในเรื่องนี้มาก่อน
ทั้งเราและบรรพบุรุษของเรา
เรื่องนี้มิใช่อะไรอื่น
นอกจากเป็นนิทานโกหกสมัยก่อน
ๆ
[27:69]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
พวกท่านจงท่องเที่ยวไปในแผ่นดิน
แล้วจงดูว่าผลสุดท้ายของผู้กระทำผิดนั้นเป็นอย่างไร
[27:70]
และเจ้าอย่าเศร้าโศกต่อพวกเขา
และเจ้าอย่าคับใจ
ในสิ่งที่พวกเขาวางแผนอุบาย
[27:71]
และพวกเขากล่าวว่า
เมื่อใดเล่าสัญญานี้
(จะมาถึง)
หากพวกท่านสัตว์จริง
[27:72]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
หวังว่าบางอย่างที่พวกท่านรีบเร่ง
(ให้มันเกิดขึ้น)
นั้น
กำลังตามหลังใกล้พวกท่านเข้ามาแล้ว
[27:73]
และแท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น
แน่นอนพระองค์ทรงเป็นผู้โปรดปรานต่อปวงมนุษย์
แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่เป็นผู้ขอบคุณ
[27:74]
และแท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น
แน่นอนพระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่หัวอกของพวกเขาปกปิดอยู่และสิ่งที่พวกเขาเปิดเผย
[27:75]
และไม่มีสิ่งใดจะซ่อนเร้นทั้งในชั้นฟ้าและแผ่นดิน
เว้นแต่ว่ามันอยู่ในบันทึกอันชัดแจ้ง
[27:76]
แท้จริงอัลกุรอานนี้จะบอกเล่าแก่วงศ์วานของอิสรออีล
ส่วนมากซึ่งพวกเขาขัดแย้งกัน
[27:77]
และแท้จริงมัน
(อัลกุรอาน)
เป็นแนวทางที่ถูกต้องและความเมตตา
แก่บรรดาผู้ศรัทธา
[27:78]
แท้จริงพระเจ้าของเจ้าจะทรงตัดสินระหว่างพวกเขา
ด้วยข้อวินิจฉัย
(ที่ยุติธรรม)
ของพระองค์
และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงรอบรู้
[27:79]
ดังนั้น
เจ้าจงมอบหมายต่ออัลลอฮ์
แท้จริง
เจ้านั้นอยู่บนสัจธรรมอันชัดแจ้ง
[27:80]
แท้จริงเจ้าจะไม่ทำให้คนตายได้ยิน
และจะไม่ทำให้คนหูหนวกได้ยินการเรียกร้องเชิญชวนเมื่อพวกเขาหันหลังกลับ
[27:81]
และเจ้ามิได้เป็นผู้ชี้แนะแนวทางแก่คนตาบอด
ให้ออกจากความหลงผิดของพวกเขา
เจ้าจะไม่ทำให้ผู้ใดได้ยินนอกจากผู้ศรัทธาต่อโองการต่าง
ๆ ของเรา
โดยที่พวกเขาเป็นผู้นอบน้อม
[27:82]
และเมื่อพระดำรัสเกิดขึ้นแก่พวกเขา
เราได้ให้สัตว์ออกมาจากแผ่นดินแก่พวกเขา
เพื่อกล่าวแก่พวกเขาว่า
แท้จริงปวงมนุษย์นั้นไม่ยอมเชื่อมั่นต่อโองการทั้งหลายของเรา
[27:83]
และ
(จงรำลึกถึง)
วันที่เราจะเรียกจากทุก
ๆ ชาติ
มาชุมนุมกันเป็นหมู่คณะ
จากผู้ที่ปฏิเสธโองการทั้งหลายของเราโดยที่พวกเขาจะถูกจัดเป็นกลุ่ม
ๆ
[27:84]
จนกระทั่งเมื่อพวกเขาได้มาถึง
พระองค์ตรัสว่า
พวกเจ้าได้ปฏิเสธโองการทั้งหลายของเรากระนั้นหรือ
? โดยที่พวกเจ้ามิได้รอบรู้มันเลยหรือว่าอะไรเล่าที่พวกเจ้ากระทำไป
?
[27:85]
และหลักฐานได้ปรากฏขึ้นแก่พวกเขาเนื่องจากพวกเขาได้อธรรม
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้
[27:86]
พวกเขามิได้พิจารณาดูหรือว่า
แท้จริงเราได้ให้กลางคืนไว้สำหรับพวกเขาได้พักผ่อน
และกลางวันให้เห็นแสงสว่าง
แท้จริงในการนั้นย่อมเป็นสัญญาณมากหลายสำหรับหมู่ชนผู้ศรัทธา
[27:87]
และ
(จงรำลึกถึง)
วันที่สังข์จะถูกเป่าขึ้น
ดังนั้นผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและผู้ที่อยู่ในแผ่นดินจะตื่นตระหนก
เว้นแต่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
และทั้งหมดได้มาหาพระองค์ในสภาพผู้ถ่อมตน
[27:88]
และเจ้าจะเห็นขุนเขาทั้งหลาย
เจ้าจะเกิดว่ามันติดแน่นอยู่กับที่
แต่มันล่องลอยไปเช่นการล่อลอยของเมฆ
(นั่นคือ)
การงานของอัลลอฮ์ซึ่งพระองค์ทรงทำทุกสิ่งอย่างเรียบร้อย
แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงตระหนักในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
[27:89]
ผู้ใดนำมาซึ่งความดี
เขาจะได้รับความดีมากกว่านั้น
และในวันนั้น
พวกเขาจะเป็นผู้ปลอดภัยจากการตื่นตระหนก
[27:90]
และผู้ใดนำมาซึ่งความชั่ว
ใบหน้าของพวกเขาจะถูกโยนกลิ้งลงไปในไฟนรก
พวกเจ้าจะไม่ถูกตอบแทน
นอกจากสิ่งที่พวกเจ้าได้ปฏิบัติเอาไว้
[27:91]
(จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด)
แท้จริงฉันได้รับบัญชาว่า
จงเคารพภักดีพระเจ้า
แห่งเมืองนี้ซึ่งพระองค์ทรงทำให้มันเป็นที่ต้องห้าม
และทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสิทธิของพระองค์
และฉันได้รับบัญชาให้อยู่ในหมู่ผู้นอบน้อม
[27:92]
และฉันได้รับพระบัญชาให้อ่านอัลกุรอานดังนั้นผู้ใดได้ตามแนวทางที่ถูกต้อง
แท้จริงเขาก็จะดำเนินตามแนวทางที่ถูกต้องเพื่อตัวของเขาเองและผู้ใดหลงผิดก็จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
แท้จริงฉันเป็นเพียงผู้หนึ่งในหมู่ผู้ตักเตือน
[27:93]
และจงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
บรรดาการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮ์
พระองค์จะทรงให้พวกเจ้าเห็นสัญญาณทั้งหลายของพระองค์
แล้วพวกเจ้าก็จะรู้จักกัน
และพระเจ้าของเจ้ามิได้เป็นผู้ทรงเพิกเฉย
ต่อสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ