Al-Qasas
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[28:1]
ฏอ
ซีน มีม
[28:2]
เหล่านี้คือโองการทั้งหลายแห่งคัมภีร์อันชัดแจ้ง
[28:3]
เราจะอ่านแก่เจ้า
บางส่วนแห่งเรื่องราวของมูซาและฟิรเอาน์ด้วยความจริง
เพื่อหมู่ชนผู้ศรัทธา
[28:4]
แท้จริงฟิรเอาน์หยิ่งผยองในแผ่นดิน
และทำให้ประชาชนนั้นแตกแยกเป็นกลุ่ม
ๆ เขาทำให้ชนกลุ่มหนึ่งในพวกเขาอ่อนแอโดยฆ่าลูกหลานผู้ชายของพวกเขาและไว้ชีวิตเหล่าสตรีของพวกเขาแท้จริงเขาเป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้บ่อนทำลาย
[28:5]
และเราปรารถนาที่จะให้ความโปรดปรานแก่บรรดาผู้ที่อ่อนแอในแผ่นดินและเราจะทำให้พวกเขาเป็นหัวหน้าและทำให้พวกเขาเป็นผู้รับมรดา
[28:6]
และเราได้ให้พวกเขาครอบครองในแผ่นดินและเราจะให้ฟิรเอาน์และฮามานตลอดจนไพร่พลของเขาทั้งสอง
ได้เห็นสิ่งที่พวกเขามีความกลัว
[28:7]
และเราได้ดลใจแก่มารดาของมูซาจงให้นมแก่เขา
เมื่อเจ้ากลัวแทนเขาก็จงโยนเขาลงไปในแม่น้ำและเจ้าอย่าได้กลัวและอย่าได้เศร้าโศกแท้จริงเราจะให้เขากลับไปหาเจ้า
และเราจำทำให้เขาเป็นหนึ่งในบรรดาร่อซู้ล
[28:8]
ดังนั้นบริวารของฟิรเอาน์ได้เก็บเขาขึ้นมาเพื่อให้เขากลายเป็นศัตรู
และความเศร้าโศกแก่พวกเขาแท้จริงฟิรเอาน์และฮามานและไพร่พลของเขาทั้งสองเป็นพวกที่มีความผิด
[28:9]
และภริยาของฟิรเอาน์กล่าวว่า
(เขาจะเป็นที่)
น่าชื่นชมยินดีแก่ดิฉันและแก่ท่านอย่าฆ่าเขาเลย
บางทีเขาจะเป็นประโยชน์แก่เรา
หรือเราจะถือเขาเป็นลูก
และพวกเขาหารู้สึกตัวไม่
[28:10]
และจิตใจของมารดาของมูซาได้คลายความวิตกกังวลลง
นางเกือบจะเปิดเผยกับเขาหากเรามิได้ทำให้จิตใจของนางมั่นคงเพื่อที่นางจะเป็นหนึ่งในหมู่ผู้ศรัทธา
[28:11]
และนางได้กล่าวแก่พี่สาวของเขา
จงติดตามไปดูเขา
ดังนั้นเธอ
(พี่สาวของมูซา)
ได้เห็นเขาแต่ไกล
โดยที่พวกเขาไม่รู้
[28:12]
และเราได้ห้ามเขาไว้ก่อนแล้วเรื่องแม่นมดังนั้นเธอ
(พี่สาวของมูซา)
กล่าวว่า ฉันจะชี้แนะชาวบ้านให้แก่พวกท่านเอาไหม? เพื่อคุ้มครองเขาแทนพวกท่าน
และพวกเขาเป็นผู้ให้คำแนะนำอย่างดี
[28:13]
ดังนั้น
เราจึงให้เขากลับไปหามารดาของเขา
เพื่อที่จะเป็นที่น่าชื่นชมยินดีแก่นางและนางจะไม่เศร้าโศกและเพื่อนางจะได้รู้ว่า
แท้จริงสัญญาของอัลลอฮ์นั้นเป็นจริงแต่ส่วนมากพวกเขาไม่รู้
[28:14]
และเมื่อเขาบรรลุความเป็นหนุ่มและเติบโตเต็มที่แล้วเราได้ให้ความเข้าใจและความรู้แก่เขา
และเช่นนั้นแหละ
เราจะตอบแทนแก่บรรดาผู้กระทำความดี
[28:15]
และเขา
(มูซา)
ได้เข้าไปในเมือง
ขณะที่ชาวเมืองกำลังพักผ่อนเขาได้เห็นชายสองคนต่อสู้กันอยู่ในนั้น
คนหนึ่งมาจากพวกพ้องของเขาและอีกคนหนึ่งมาจากฝ่าย
(ที่เป็น)
ศัตรูของเขาดังนั้น
คนที่มาจากพวกพ้องของเขาได้ร้องขอความช่วยเหลือ
เพื่อให้ปราบฝ่ายที่เป็นศัตรูของเขา
มูซาได้ต่อยเขาแล้วได้ฆ่าเขาเขากล่าวว่า
นี่มันเป็นการกระทำของชัยตอนแท้จริงมันเป็นศัตรูที่ทำให้หลงผิดอย่างแจ้งชัด
[28:16]
เขากล่าวว่า
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์
แท้จริงข้าพระองค์ได้อธรรมต่อตนเอง
ดังนั้นขอพระองค์ทรงอภัยให้แก่ข้าพระองค์ด้วย
แล้วพระองค์ก็ได้อภัยให้เขา
แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงอภัย
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[28:17]
เขาได้กล่าวว่า
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์
การที่พระองค์ได้ทรงโปรดปรานแก่ข้าพระองค์
ข้าพระองค์จะไม่เป็นผู้สนับสนุนผู้กระทำผิดอีกต่อไป
[28:18]
เมื่อเข้ามาอยู่ในเมือง
เขากลัวว่าจะเกิดภัยแก่เขา
ขณะนั้นผู้ที่เคยขอร้องเขาให้ช่วยเหลือเมื่อวานนี้
กำลังร้องเรียกให้ช่วยเขาอีกมูซาจึงพูดกับเขาว่า
แท้จริงเจ้านั้นเป็นผู้หลงผิดอย่างแน่นอน
[28:19]
เมื่อเขาต้องการที่จะปราบผู้ที่เป็นศัตรูกับเขาทั้งสองเขากล่าวว่าโอ้มูซาเอ๋ย
!
ท่านต้องการที่จะฆ่าฉันดั่งที่ท่านได้ฆ่าคนหนึ่งไปแล้วเมื่อวานนี้หรือ
? ท่านไม่ปรารถนาสิ่งใดนอกจากเป็นผู้ก่อกวนทารุณในแผ่นดิน
และท่านไม่ปรารถนาที่จะเป็นผู้ปรองดองให้ดีต่อกัน
[28:20]
และชายคนหนึ่งได้มาจากชานเมืองอย่างรีบเร่ง
เขากล่าวว่า
โอ้มูซาเอ๋ย !
พวกขุนนางชั้นผู้ใหญ่กำลังปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับเรื่องของท่าน
เพื่อจะฆ่าท่าน
ดังนั้น
จงออกไปเถิดแท้จริงฉันเป็นผู้หวังดีต่อท่าน
[28:21]
ดังนั้น
เขาจึงออกจากเมืองนั้นในสภาพหวาดกลัวว่าจะเกิดภัยเขากล่าวว่า
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์
โปรดช่วยข้าพระองค์ให้รอดพ้นจากหมู่ผู้อธรรม
[28:22]
และเมื่อเขามุ่งหน้าไปยัง
(เมือง)
มัดยัน เขากล่าวว่า
หวังว่าพระเจ้าของฉันจะทรงชี้แนะแก่ฉันสู่ทางอันเที่ยงตรง
[28:23]
และเมื่อเขามาพบบ่อน้ำแห่ง
(เมือง) มัดยัน
เขาได้พบฝูงชนกลุ่มหนึ่งกำลังตักน้ำและนอกจากพวกเขาเหล่านั้น
เขายังได้พบหญิงสองคนคอยห้าม
(ฝูงแกะ) เขา
(มูซา)
กล่าวถามว่า
เรื่องราวของเธอทั้งสองเป็นมาอย่างไร
? นางทั้งสองกล่าวว่า
เราไม่สามารถตักน้ำได้
จนกว่าคนเลี้ยงแกะเล่านั้นจะถอยออกไป
และบิดาของเราก็เป็นคนแก่มากแล้ว
[28:24]
ดังนั้น
เขาจึงตักน้ำให้แก่นางทั้งสองแล้วก็กลับไปพักใต้ร่มและกล่าวว่า
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์
แท้จริงข้าพระองค์อยากได้ในความดีที่พระองค์ทรงประทานลงมาให้แก่ข้าพระองค์
[28:25]
นางคนหนึ่งในสองคนได้มาหาเขา
เดินมาอย่างขวยเขิน
แล้วกล่าวขึ้นว่า
คุณพ่อของดิฉันขอเชิญท่านไป
เพื่อจะตอบแทนค่าแรงแก่ท่านที่ได้ช่วยตักน้ำให้เรา
ครั้นเมื่อเขา
(มูซา)
ได้มาหาเขา
(นบีชุไอบฺ)
และได้เล่าเรื่องราวแก่เขา
เขากล่าวว่า
ท่านไม่ต้องกลัว
ท่านได้หนีพ้นจากหมู่ชนผู้อธรรมแล้ว
[28:26]
นางคนหนึ่งในสองคนกล่าวว่า
โอ้คุณพ่อจ๋า!
จ้างเขาไว้ซิแท้จริงคนดีที่ท่านควรจะจ้างเขาไว้คือ
ผู้ที่แข็งแรง
ผู้ที่ซื่อสัตว์
[28:27]
เขา
(ชุไอบ)
กล่าวว่า
แท้จริง
ฉันต้องการที่จะให้ท่านสมรสกับลูกสาวคนหนึ่งในสองคนนี้
โดยท่านจะต้องทำงานให้ฉัน
8 ปี
และถ้าท่านทำได้ครบ
10 ปี
ก็เป็นความดีที่มาจากท่าน
ฉันไม่ต้องการที่จะทำความลำบากให้ท่าน
อินชาอัลลอฮ์
ท่านจะพบฉันอยู่ในหมู่คนดี
[28:28]
เขา
(มูซา)
กล่าวว่า
นั่นคือ
(ข้อสัญญา)
ระหว่างฉันกับท่าน
ฉันจะปฏิบัติให้ครบหนึ่งในกำหนดทั้งสอง
จะไม่เกิดโทษแก่ฉัน
และอัลลอฮ์ทรงเป็นพยานต่อสิ่งที่เรากล่าวเป็นสัญญา
[28:29]
ครั้นเมื่อมูซาปฏิบัติครบกำหนดแล้ว
และได้เดินทางไปพร้อมกับครอบครัวของเขา
เขาได้มองเห็นไฟลุกอยู่ข้างภูเขาฏูร
เขาจึงพูดกับครอบครัวของเขาว่า
จงอยู่ที่นี่ก่อน
แท้จริงฉันเห็นไฟ
[28:30]
เมื่อเขาได้มาที่มัน
(ไฟ)
ได้มีเสียงเรียกจากริมที่ลุ่มทางด้านขวา
ในสถานที่ที่มีความจำเริญ
ณ ที่ต้นไม้
ว่า
โอ้มูซาเอ๋ย !
แท้จริงข้าคืออัลลอฮ์พระเจ้าแห่งสากลโลก
[28:31]
และจงโยนไม้เท้าของเจ้า
เมื่อเขาเห็นมันเคลื่อนไหวคล้ายกับงูเขาก็ผินหลังกลับและไม่กลับมามองอีกโอ้มูซาเอ๋ย
!จงเข้าไปใกล้เถิดและอย่าหวาดกลัว
แท้จริงเจ้าอยู่ในหมู่ผู้ปลอดภัย
[28:32]
จงสอดมือของเจ้าเข้าไปในอกเสื้อของเจ้า
มันจะออกมาขาว
ปราศจากอันตรายใด
ๆ และจงเอามือแนบตัวเจ้าไว้เพื่อให้คลายความตกใจดังนั้นนั่นคือหลักฐานทั้งสองจากพระเจ้าของเจ้าไปยังฟิรเอาน์และบุคคลชั้นหัวหน้าของเขา
แท้จริงพวกเขาเป็นหมู่ชนผู้ฝ่าฝืน
[28:33]
เขา
(มูซา)
กล่าวว่า
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์แท้จริงข้าพระองค์ได้ฆ่าคนหนึ่งจากพวกเขา
ดังนั้นข้าพระองค์กลัวว่าพวกเขาจะฆ่าข้าพระองค์
[28:34]
และพี่ชายของข้าพระองค์คือฮารูน
เขาพูดจาคล่องแคล่วกว่าข้าพระองค์ดังนั้น
ขอได้โปรดส่งเขาเป็นผู้ช่วยร่วมกับข้าพระองค์ด้วยเถิด
เพื่อเขาจะได้ยืนยันให้แก่ข้าพระองค์แท้จริงข้าพระองค์กลัวว่าพวกเขาจะปฏิเสธข้าพระองค์
[28:35]
พระองค์ตรัสว่า
เราจะให้เจ้ามีความเข้มแข็งด้วยพี่ชายของเจ้า
และเราจะให้เจ้าทั้งสองมีอำนาจดังนั้นพวกเขาจะเข้าไม่ถึงเจ้าทั้งสองดอกเพราะสัญญาณต่าง
ๆ ของเรา
เจ้าทั้งสองและผู้ตามเจ้าทั้งสองเป็นผู้ชนะ
[28:36]
ดังนั้น
เมื่อมูซาได้มาหาพวกเขาพร้อมด้วยสัญญาณทั้งหลายอันชัดแจ้งของเรา
พวกเขากล่าวว่า
มันมิใช่อะไรอื่น
นอกจากเวทมนตร์ที่ถูกกุขึ้นและเราไม่เคยได้ยินข้อกล่าวอ้างเช่นนี้ในสมัยบรรพบุรุษของเราแต่กาลก่อนเลย
[28:37]
และมูซากล่าวว่า
พระเจ้าของฉันทรงรู้ดียิ่งถึงผู้ที่นำเอาแนวทางที่ถูกต้องมาจากพระองค์และผู้ที่บั้นปลายแห่งที่พำนักจะเป็นของเขา
แท้จริงพวกอธรรมนั้นจะไม่ประสบความเจริญ
[28:38]
และฟิรเอาน์กล่าวว่า
โอ้ปวงบริพารเอ๋ย!
ฉันไม่เคยรู้จักพระเจ้าอื่นใดของพวกท่านนอกจากฉันโอ้ฮามานเอ๋ย
!
จงเผาดินให้ฉันด้วยแล้วสร้างโครงสูงระฟ้า
เพื่อที่ฉันจะได้ขึ้นไปดูพระเจ้าของมูซาและแท้จริงฉันคิดว่า
เขานั้นอยู่ในหมู่ผู้กล่าวเท็จ
[28:39]
และเขา
(ฟิรเอาน์)
และไพร่พลของเขาได้หยิ่งผยอง
ในแผ่นดินโดยอธรรมและพวกเขาคิดว่า
แท้จริงพวกเขานั้นจะไม่ถูกนำกลับไปยังเรา
[28:40]
ดังนั้น
เราได้ลงโทษเขาและไพร่พลของเขาเราได้โยนพวกเขาลงไปในทะแลแล้วจงพิจารณาเถิด
บั้นปลายของพวกอธรรมเป็นเช่นไร
[28:41]
และเราได้ทำให้พวกเขาเป็นหัวหน้าเรียกร้องไปสู่นรกญะฮันนัม
และในวันกิยามะฮ์
พวกเขาจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ
[28:42]
และเราได้ให้การสาปแช่งตามติดพวกเขาในโลกนี้และในวันกิยามะฮ์พวกเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ถูกขับไล่ออกจากความเมตตา
[28:43]
และโดยแน่นอนเราได้ประทานคัมภีร์แก่มูซาหลังจากที่เราได้ทำลายชนชาติในรุ่นก่อน
ๆ
เพื่อให้เป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่ปวงมนุษย์และเป็นแนวทางที่ถูกต้อง
และเป็นความเมตตา
หวังว่าพวกเขาจะได้พิจารณาใคร่ครวญ
[28:44]
และเจ้า
(มุฮัมมัด)
มิได้ปรากฏอยู่ทางด้านข้างทิศตะวันตกเมื่อเราได้กำหนดกิจการแก่มูซาและเจ้ามิได้ปรากฏอยู่ในหมู่ผู้ร่วมเป็นพยาน
[28:45]
และแต่ทว่าเราได้บังเกิดอีกหลายศตวรรษแล้วการมีชีวิตอยู่ก็ยืนยาวแก่พวกเเขาและเจ้ามิได้ปรากฏอยู่ร่วมกับกลุ่มชนมัดยัน
เพื่อสาธยายโองการทั้งหลายของเราแก่พวกเขาแต่ว่าแท้จริงเราเป็นผู้ส่ง
(เจ้ามา)
[28:46]
และเจ้า
(มุฮัมมัด)
มิได้ปรากฏอยู่ทางด้านข้างของภูเขาฎูร
เมื่อเราได้ร้องเรียกแต่มันเป็นความเมตตาจากพระเจ้าของเจ้าเพื่อเจ้าจักได้ตักเตือนกลุ่มชนหนึ่ง
ที่มิได้มีผู้ตักเตือนคนใดมายังพวกเขาก่อนหน้าเจ้าหวังว่าพวกเขาจะได้ใคร่ครวญ
[28:47]
และหากมิใช่เคราะห์กรรมหนึ่งประสบแก่พวกเขา
เนื่องด้วยน้ำมือของพวกเขาที่ได้กระทำไว้ก่อนแล้วพวกเขาก็จะพูดขึ้นว่าข้าแต่พระเจ้าของเรา
เหตุใดพระองค์จึงไม่ส่งร่อซู้ลคนหนึ่งมายังพวกเรา
เพื่อจะได้ปฏิบัติตามโองการทั้งกลายของพระองค์ท่านและเราจะได้อยู่ในหมู่ผู้ศรัทธา
[28:48]
ครั้นเมื่อสัจธรรมจากเราได้มายังพวกเขาพวกเขากล่าวว่า
ทำไมเขา
(มุฮัมมัด)
จึงมิได้รับเยี่ยงกับที่มูซาได้รับเล่า
? ก็พวกเขามิได้ปฏิเสธสิ่งที่ถูกประทานให้แก่มูซามาก่อนดอกหรือ
? พวกเขากล่าวว่า
ทั้งสองคือเวทมนตร์ที่สนับสนุนซึ่งกันและกัน
และว่า
เราเป็นผู้ปฏิเสธทั้งสิ้น
[28:49]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
ดังนั้น พวกท่านจงนำคัมภีร์สักเล่มหนึ่งจากอัลลอฮ์
ที่ถูกต้องเหมาะสมยิ่งกว่าทั้งสองเพื่อฉันจะได้ปฏิบัติตามมัน
หากพวกท่านเป็นผู้สัตว์จริง
[28:50]
หากพวกเขาไม่ยอมสนองตอบเจ้า
ก็พึงรู้เถิดว่า
แท้จริงพวกเขาปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำของพวกเขาเท่านั้น
และผู้ใดเล่าจะหลงผิดยิ่งไปกว่าผู้ปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำของเขา
โดยปราศจากแนวทางที่ถูกต้องจากอัลลอฮ์
แท้จริงอัลลอฮ์จะไม่ทรงชี้แนะทางที่ถูกต้องแก่กลุ่มชนผู้อธรรม
[28:51]
และโดยแน่นอน
เราได้ให้พระดำรัส
(อัลกุรอาน)
สืบต่อเนื่องกันแก่พวกเขา
เพื่อพวกเขาจะได้ใคร่ครวญ
[28:52]
บรรดาผู้ที่เราประทานคัมภีร์แก่พวกเขามาก่อนมัน
(อัลกุรอาน)
พวกเขาศรัทธาในมัน
(อัลกุรอาน)
[28:53]
และเมื่อ
(อัลกุรอาน)
ได้ถูกอ่านแก่พวกเขา
พวกเขากล่าวว่า
เราศรัทธาในมัน
แท้จริงมันคือสัจธรรมมาจากพระเจ้าของเรา
แท้จริงเราเป็นผู้นอบน้อมมาก่อนนี้
[28:54]
ชนเหล่านั้นจะได้รับรางวัลของพวกเขาสองครั้งเนื่องจากเขาได้อดทนและพวกเขาป้องกันความชั่วด้วยความดี
และพวกเขาบริจาคสิ่งที่เราได้ให้เป็นเครื่องยังชีพแก่พวกเขา
[28:55]
และเมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องไร้สาระ
พวกเขาก็ผินหลังออกห้างไปจากมัน
และกล่าวว่า
การงานของเราก็จะได้แก่เรา
และการงานของพวกท่านก็จะได้แก่พวกท่าน
ศานติแด่พวกท่าน
เราจะไม่ขอร่วมกับพวกงมงาย
[28:56]
แท้จริง
เจ้าไม่สามารถที่จะชี้แนะทางที่ถูกต้องแก่ผู้ที่เจ้ารักได้แต่อัลลอฮ์ทรงชี้แนะทางที่ถูกต้องแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และพระองค์ทรงรู้ดียิ่งถึงผู้ที่อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง
[28:57]
และพวกเขากล่าวว่า
หากเราปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้องร่วมกับท่าน
พวกเราจะถูกฉุดกระชากออกจากแผ่นดินของเรา
และเรามิได้ตั้งหลักแหล่งแก่พวกเขาในเขตหวงห้ามอันปลอดภัยดอกหรือ? ซึ่งผลไม้ทุกชนิดถูกนำมายังที่นั้น
เป็นเครื่องยังชีพที่มาจากเรา
แต่ส่วนมากของพวกเขาไม่รู้
[28:58]
และกี่มากน้อยแล้วที่เราได้ทำลายเมืองซึ่งผยองลำพองในความเป็นอยู่ของมันดังนั้นนั่นคือที่พำนักของพวกเขา
จะไม่มีใครพักอยู่หลังจากพวกเขาเว้นแต่เพียงเล็กน้อยและเราเป็นผู้รับทายาท
[28:59]
และพระเจ้าของเจ้ามิได้เป็นผู้ทำลายเมืองทั้งหลายจนกว่าพระองค์จะทรงแต่งตั้งร่อซู้ลขึ้นในเมืองหลวงนั้น
โดยสาธยายโองการทั้งหลายของเราแก่พวกเขาและเรามิได้เป็นผู้ทำลายเมืองทั้งหลาย
เว้นแต่ชาวเมืองนั้นเป็นผู้อธรรม
[28:60]
และสิ่งใดที่พวกเจ้ามิได้รับนั้น
มันเป็นเพียงปัจจัยแห่งชีวิตของโลกนี้
และเป็นเครื่องประดับของมันแต่ที่อัลลอฮ์นั้นดีกว่าและจีรังกว่าพวกเจ้าไม่ใช้ปัญญาใคร่ครวญดอกหรือ
?
[28:61]
ดังนั้นผู้ใดที่เราได้ให้สัญญาแก่เขาซึ่งเป็นสัญญาอันดีงาม
เขาก็จะเป็นผู้พบมัน
จะเหมือนกับผู้ที่เราได้ให้ปัจจัยแก่เขาซึ่งปัจจัยแห่งชีวิตของโลกนี้
แล้วในวันกิยามะฮ์เขาจะเป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้ถูกนำมาอยู่ต่อหน้ากระนั้นหรือ
?
[28:62]
และ
(จงรำลึกถึง)
วันที่พระองค์ทรงเรียกพวกเขาแล้วตรัสว่า
ไหนเล่าเหล่าภาคีของข้าที่พวกเจ้ากล่าวอ้าง
[28:63]
บรรดาผู้ที่พระดำรัสคู่ควรแก่พวกเขากล่าวว่า
ข้าแต่พระเข้าของเรา
เหล่านี้คือบรรดาผู้ที่เราทำให้หลงผิด
เราได้ทำให้พวกเขาหลงผิดเช่นเดียวกับที่เราได้หลงผิดเองเราขอปลีกตัวออกแด่พระองค์
และพวกเขามิได้เคารพภักดีต่อเราจริง
ๆ ดอก
[28:64]
และจะมีเสียงกล่าวว่า
จงเรียกร้องภาคีของพวกเจ้า
พวกเขาก็ร้องเรียกพวกมัน
แต่พวกมันไม่ขารับพวกเขา
และเมื่อพวกเขาได้เห็นการลงโทษ
พวกเขาก็คาดหวังว่าหากพวกเขาได้อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง
[28:65]
และวันที่พระองค์ทรงเรียกพวกเขาแล้วตรัสว่า
พวกเจ้าโต้ตอบแก่บรรดาร่อซู้ลว่าอย่างไร
?
[28:66]
ดังนั้น
ข้อแก้ตัวได้ทำให้พวกเขามืดมนในวันนั้น
ฉะนั้น
พวกเขาจึงไม่ไต่ถามซึ่งกันและกัน
[28:67]
ส่วนผู้ลุแก่โทษและศรัทธา
และประกอบความดี
บางทีเขาจะอยู่ในหมู่ผู้บรรลุความสำเร็จ
[28:68]
และพระเจ้าของเจ้าทรงสร้างสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงเลือกสำหรับพวกเขาไม่มีสิทธิ์ในการเลือกมหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่อัลลอฮ์
และพระองค์ทรงสูงส่งจากสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคี
[28:69]
และพระเจ้าของเจ้านั้น
ทรงรอบรู้สิ่งที่หัวอกของพวกเขาปกปิดอยู่
และสิ่งที่พวกเขาเปิดเผย
[28:70]
และพระองค์คืออัลลอฮ์
ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์
สำหรับพระองค์เท่านั้นบรรดาการสรรเสริญในโลกหน้าและการชี้ขาดนั้นเป็นสิทธิของพระองค์เท่านั้น
และยังพระองค์เท่านั้นพวกเจ้าจะถูกนำกลับ
[28:71]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
พวกท่านเห็นแล้วมิใช่หรือ
หากอัลลอฮ์ทรงทำให้กลางคือมีอยู่ตลอดไปแก่พวกท่านจนถึงวันกิยามะฮ์
พระเจ้าองค์ใดเล่าอื่นจากอัลลอฮ์ที่จะนำแสงสว่างมาให้แก่พวกท่าน
พวกท่านไม่รับฟังบ้างหรือ
?
[28:72]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
พวกท่านเห็นแล้วมิใช่หรือ
หากอัลลอฮ์ทรงทำให้กลางวันมีอยู่ตลอดไปแก่พวกท่านจนถึงวันกิยามะฮ์พระเจ้าองค์ใดเล่าอื่นจากอัลลอฮ์
ที่จะนำกลางคืนมาให้พวกท่าน
เพื่อพวกท่านจะได้พักผ่อนในเวลานั้น
พวกท่านไม่พิจารณาไตร่ตรองดูบ้างหรือ
?
[28:73]
และเพราะความเมตตาของพระองค์
พระองค์ทรงทำให้มีกลางคืนและกลางวันเพื่อพวกเจ้าจะได้พักผ่อนในเวลานั้น
และเพื่อพวกเจ้าจะได้แสวงหาจากความโปรดปรานของพระองค์และเพื่อพวกเจ้าจะได้ขอบคุณ
[28:74]
และ
(จงรำลึกถึง)
วันที่พระองค์ทรงเรียกพวกเขาแล้วตรัสว่า
ไหนเล่าเหล่าภาคีของข้า
ที่พวกเจ้ากล่าวอ้าง
[28:75]
และเราได้เอาพยานออกมาจากทุก
ๆ ประชาชาติแล้วเราได้กล่าวว่า
จงนำหลักฐานของพวกเจ้ามา
ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ว่า
แท้จริงสัจธรรมนั้นเป็นของอัลลอฮ์และสิ่งที่พวกเขาได้กุขึ้นนั้นได้สูญหายไปจากพวกเขา
[28:76]
แท้จริงกอรูนมาจากพวกพ้องของมูซาเขาได้กดขี่ต่อพวกเขา
และเราได้ประทานทรัพย์สมบัติมากมาบแก่เขา
จนกระทั่งลูกกุญแจทั้งหลายของมันนั้น
เมื่อคนแข็งแรงกลุ่มหนึ่งยกแบกด้วยความยากลำบากเมื่อพวกพ้องของเขากล่าวแก่เขาว่าอย่าได้หยิ่งผยอง
เพราะแท้จริงอัลลอฮไม่ทรงโปรดบรรดาผู้หยิ่งผยอง
[28:77]
และจงแสวงหาสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ประทานแก่เจ้าเพื่อปรโลกและอย่าลืมส่วนของเจ้าแห่งโลกนี้และจงทำความดีเสมือนกับที่อัลลอฮ์ได้ทรงทำความดีแก่เจ้า
และอย่าแสวงหาความเสียหายในแผ่นดินแท้จริง
อัลลอฮ์ไม่ทรงโปรดบรรดาผู้บ่อนทำลาย
[28:78]
เขา
(กอรูน)
กล่าวว่า
ฉันได้รับมันเพราะความรู้ของฉัน
ก็เขา (กอรูน)
ไม่รู้ดอกหรือว่า
แน่นอน
อัลลอฮ์ได้ทรงทำลายผู้ที่มีพลังยิ่งกว่าและมีพรรคพวกมากกว่า
ก่อนหน้าเขาในศตวรรษก่อน
ๆ
และบรรดาผู้กระทำความผิดจะไม่ถูกสอบถามเกี่ยวกับความผิดต่าง
ๆ
ของพวกเขาดอกหรือ
?
[28:79]
ดังนั้น
เขาได้ออกไปหาพวกพ้องของเขาด้วยเครื่องประดับอย่างโอ่งอ่างของเขาบรรดาผู้ปรารถนาชีวิตแห่งโลกนี้กล่าวว่า
โอ้
หากเราไม่มีเช่นที่กอรูนได้ถูกประทานมา
แท้จริงเขาเป็นผู้มีโชควาสนายิ่งใหญ่จริง
ๆ
[28:80]
และบรรดาผู้ได้รับความรู้กล่าวว่า
ความวิบัติแด่พวกท่าน
!
ผลบุญแห่งอัลลอฮ์นั้นดีกว่าแก่ผู้ศรัทธาและกระทำความดีและไม่มีผู้ใดได้รับมันนอกจากบรรดาผู้อดทนเท่านั้น
[28:81]
ดังนั้น
เราจึงให้ธรณีสูบเขาและเคหะสถานของเขา
สำหรับเขาไม่มีผู้ใดจะช่วยเหลือเขาได้นอกจากอัลลอฮ์และเขาก็มิใช่เป็นผู้ช่วยเหลือตนเองได้
[28:82]
และบรรดาผู้อยากมีฐานะเยี่ยงเขาเมื่อวานนี้
จะกล่าวในวันพรุ่งนี้ว่า
พึงทราบเถิด!
เป็นที่แน่นอนว่าอัลลอฮ์นั้นทรงให้กว้างขวางและทรงให้คับแคบซึ่งเครื่องยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จากปวงบ่าวของพระองค์
หากมิใช่อัลลอฮ์ทรงโปรดปรานแก่เรา
แน่นอนพระองค์ก็จะทรงให้
(ธรณี)
สูบเราลงไป
พึงทราบเถิด!
แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะไม่ประสบชัยชนะ
[28:83]
นั่นคือที่พำนักแห่งปรโลก
เราได้เตรียมมันไว้สำหรับบรรดาผู้ที่ไม่ปรารถนาหยิ่งผยองในแผ่นดิน
และไม่ก่อการเสียหาย
และบั้นปลายย่อมเป็นของบรรดาผู้ยำเกรง
[28:84]
ผู้ใดนำเอาความดีมา
เขาก็จะได้รับความดียิ่งกว่า
และผู้ใดนำความชั่วมา
บรรดาผู้กระทำความชั่วทั้งหลายนั้นจะไม่ถูกตอบแทน
นอกจากที่พวกเขาได้กระทำไว้
[28:85]
แท้จริง
พระผู้ทรงประทานอัลกุรอานให้แก่เจ้า
แน่นอน
ย่อมทรงนำเจ้ากลับสู่ถิ่นเดินจงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
พระเจ้าของฉันทรงรู้ดียิ่งกว่า
ผู้ใดอยู่ในแนวทางที่ถูกต้องและผู้ใดอยู่ในการหลงผิดที่ชัดแจ้ง
[28:86]
และเจ้ามิได้หวังมาก่อนเลยว่า
คัมภีร์นี้จะถูกประทานให้แก่เจ้าเว้นแต่ว่ามันเป็นความเมตตาจากพระเจ้าของเจ้า
ดังนั้น
เจ้าอย่าเป็นผู้สนับสนุนแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเลย
[28:87]
และอย่าให้พวกเขาหันเหเจ้าจากโองการทั้งหลายของอัลลอฮ์
หลังจากที่มันได้ถูกประทานลงมาแก่เจ้า
และจงเชิญชวนไปสู่พระเจ้าของเจ้าและอย่าอยู่ในหมู่ผู้ตั้งภาคี
[28:88]
และอย่าวิงวอนขอต่อพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮ์
ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ทุกสิ่งย่อมพินาศนอกจากพระพักตร์ของพระองค์