Al-‘Ankabût
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[29:1]
อะลิฟ
ลาม มีม
[29:2]
มนุษย์คิดหรือว่า
พวกเขาจะถูกทอดทิ้งเพียงแต่พวกเขากล่าวว่าเราศรัทธา
และพวกเขาจะไม่ถูกทดสอบ
กระนั้นหรือ ?
[29:3]
และโดยแน่นอน
เราได้ทดสอบบรรดาก่อนหน้าพวกเขาแล้ว
ดังนั้นอัลลอฮ์จะทรงจำแนกให้รู้แจ้งถึงบรรดาผู้สัตว์จริงและจะทรงจำแนกให้รู้แจ้งถึงบรรดาผู้กล่าวเท็จ
[29:4]
หรือบรรดาผู้กระทำความชั่วทั่งหลายคิดว่าพวกเขาจะรอดพ้นไปจากเรา
ชั่วช้าแท้ ๆ
สิ่งที่พวกเขาตัดสินกัน
[29:5]
ผู้ใดหวังที่จะพบ
อัลลอฮ์
ดังนั้นแท้จริงกำหนดของอัลลอฮ์ย่อมมาถึงแน่นอนและพระองค์เป็นทรงได้ยิน
ผู้ทรงรอบรู้
[29:6]
และผู้ใดต่อสู้ดิ้นรน
แท้จริงเขาย่อมต่อสู้ดิ้นรนเพื่อตัวของเราเองแท้จริงอัลลอฮ์นั้น
แน่นอน ทรงมั่งมีเหนือประชาชาติทั้งหลาย
[29:7]
และบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งกลายนั้น
แน่นอนเราจะลบล้างความชั่วทั้งหลายของพวกเขาไปจากพวกเขาและแน่นอนเราจะตอบแทนพวกเขาสิ่งที่ดียิ่ง
ซึ่งพวกเขาได้กระทำไว้
[29:8]
และเราได้สั่งเสียงมนุษย์ให้ทำดีต่อบิดามารดาของเขาและถ้าทั้งสองบังคับเจ้าเพื่อให้ตั้งภาคีในสิ่งที่เจ้าไม่มีความรู้
เจ้าก็อย่าปฏิบัติตามเขาทั้งสองยังข้าคือการกลับของพวกเจ้า
ดังนั้นข้าจะแจ้งแก่พวกเข้าในสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำไว้
[29:9]
และบรรดาผู้ศรัทธา
และกระทำความดีนั้น
แน่นอนเราจะให้พวกเขาเข้าอยู่ในหมู่คนดีทั้งหลาย
[29:10]
และในหมู่มนุษย์นั้นมีผู้กล่าวว่า
เราศรัทธาต่ออัลลอฮ์
ครั้นเมื่อเขาถูกทำร้ายในทางของอัลลอฮ์
เขาก็ถือเอาการทดสอบของมนุษย์ประหนึ่งการลงโทษของอัลลอฮ์และเมื่อการช่วยเหลือจากพระเจ้าของเจ้ามาถึง
แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่าแท้จริงเราจะร่วมกับพวกท่านและมิใช่อัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรู้ดียิ่งในสิ่งที่มีอยู่ในหัวอก
ของประชาชาติทั้งหลายดอกหรือ
?
[29:11]
และแน่นอน
อัลลอฮ์ทรงรู้ดียิ่งถึงบรรดาผู้ศรัทธา
และแน่นอนพระองค์ทรงรู้ดียิ่งถึงพวกมุนาฟิกีน
[29:12]
และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้กล่าวแก่บรรดาผู้ศรัทธาว่า
จงปฏิบัติตามแนวทางของเราและเราจะแบกรับความผิดของพวกท่านและพวกเขามิได้แบกรับความผิดของเขาเหล่านั้นแต่อย่างใดแท้จริงพวกเขาเป็นผู้กล่าวเท็จอย่างแน่นอน
[29:13]
และแน่นอน
พวกเขาจะแบกรับความผิดของพวกเขาและความผิดอื่น
ๆ ร่วมกับความผิดของพวกเขา
และแน่นอนพวกเขาจะถูกสอบสวนในวันกิยามะฮ์ในสิ่งที่พวกเขาได้กุขึ้น
[29:14]
และโดยแน่นอนเราได้ส่งนูห์ไปยังหมู่ชนของเขา
และเขาได้อยู่ร่วมกับพวกเขาหนึ่งพันปีเว้นห้าสิบปี
(950 ปี)
[29:15]
ดังนั้นเราได้ช่วยเขาและพวกพ้องในเรือให้รอดพ้น
และเราได้ทำให้มันเป็นสัญญาณหนึ่งแก่ประชาชาติ
[29:16]
และ
(จงรำลึกถึง)
อิบรอฮีม
เมื่อเขากล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า
จงเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์และจงยำเกรงต่อพระองค์นั่นแหละเป็นการดีว่าสำหรับพวกท่าน
หากพวกท่านรู้อัลลอฮ์นั้น
มันไม่มีอำนาจที่จะให้เครื่องยังชีพแก่พวกท่าน
ดังนั้นจงขอเครื่องยังชีพจากอัลลอฮ์เถิด
[29:17]
แท้จริงพวกท่านบูชารูปปั้นอื่นจากอัลลอฮ์และพวกท่านกุการมุสาขึ้น
แท้จริงบรรดาที่พวกท่านบูชาอื่นจากอัลลอฮ์นั้น
มันไม่มีอำนาจที่จะให้เครื่องยังชีพแก่พวกท่าน
ดังนั้นจงขอเครื่องยังชีพจากอัลลอฮ์เถิดและจงเคารพภักดีพระองค์และจงขอบคุณต่อพระองค์ยังพระองค์เท่านั้นพวกท่านจะถูกนำกลับไป
[29:18]
และหากพวกท่านปฏิเสธ
แน่นอนประชาชาติทั้งหลายก่อนพวกท่านก็ได้ปฏิเสธมาแล้วหน้าที่ของร่อซู้ลนั้นมิใช่อะไรอื่น
นอกจากการเผยแพร่อันชัดแจ้ง
[29:19]
และพวกเขามิเห็นดอกหรือว่า
อัลลอฮ์ทรงเริ่มการบังเกิดอย่างไรแล้วทรงให้เขากลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกแท้จริงนั่นเป็นการง่ายแก่อัลลอฮ์
[29:20]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
จงท่องเที่ยวไปตามแผ่นดินแล้วพิจารณาดูว่าพระองค์ทรงให้บังเกิดอย่างไรแล้วอัลลอฮ์ทรงให้ฟื้นคืนชีพในปรโลก
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง
[29:21]
พระองค์ทรงลงโทษผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
และทรงเมตตาผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และยังพระองค์เท่านั้นพวกท่านจะถูกนำกลับไป
[29:22]
และพวกท่านไม่สามารถจะรอดพ้นไปได้ทั้งในแผ่นดินและในฟากฟ้า
และอื่นจากอัลลอฮ์
สำหรับพวกท่านไม่มีผู้คุ้มครอง
และไม่มีผู้ช่วยเหลือ
[29:23]
และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาโองการทั้งหลายของอัลลอฮ์
และการพบพระองค์ชนเหล่านั้น
พวกเขาท้อแท้ต่อความเมตตาของข้าและชนเหล่านั้น
สำหรับพวกเขาคือการลงโทษอันเจ็บปวด
[29:24]
ดังนั้น
คำตอบของหมู่ชนของเขามิใช่อื่นใดนอกจากกล่าวว่า
จงฆ่าเขาหรือเผาเขาเสียแต่อัลลอฮ์ได้ทรงช่วยเขาให้พ้นจากไฟแท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณมากหลายสำหรับหมู่ชนผู้ศรัทธา
[29:25]
และเขา
(อิบรอฮีม)
กล่าวว่า
แท้จริงพวกท่านได้ยึดเอารูปปั้นต่าง
ๆ
อื่นจากอัลลอฮ์เพื่อให้เป็นที่รักใคร่ระหว่างพวกท่านในชีวิตแห่งโลกนี้และในวันกิยามะฮ์บางคนในหมู่พวกท่านก็จะปฏิเสธอีกบางคน
และบางคนในหมู่พวกท่านก็จะแช่งด่าอีกบางคน
[29:26]
ดังนั้นลูฏได้ศรัทธาต่อเขา
และเขา (อิบรอฮิม)
กล่าวว่า
แท้จริงฉันอพยพไปหาพระเจ้าของฉันแท้จริงพระองค์คือผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[29:27]
และเราได้ให้อิสหากแก่เขา
และเราได้ให้การเป็นนบี
และคัมภีร์แก่ลูกหลานของเขาและเราได้แก่เขาซึ่งรางวัลของเขาในโลกนี้และแท้จริงเขาในปรโลกจะอยู่ในหมู่คนดี
[29:28]
และ
(จงรำลึกถึง)
ลูฏ
เมื่อเขากล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า
แท้จริงพวกท่านได้กระทำการลามกซึ่งไม่มีผู้ใดในหมู่มวลชนกระทำมาก่อนพวกท่านเลย
[29:29]
แท้จริงพวกท่านสมสู่พวกผู้ชายและปล้นบนทางหลวงกระนั้นหรือ
? และกระทำอนาจารในที่ชุมชนของพวกท่านแต่คำตอบของหมู่ชนของเขามิใช่อื่นใดนอกจากกล่าวว่า
จงนำการลงโทษของอัลลอฮ์มาให้แก่พวกเราซิหากท่านอยู่ในหมู่ผู้สัตย์จริง
[29:30]
เขา
(ลูฏ)
กล่าวว่า
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์
ขอพระองค์ทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้อยู่เหนือหมู่ชนผู้บ่อนทำลายด้วยเถิด
[29:31]
และครั้นเมื่อฑูตของเรา
(มลาอิกะฮ์)
ได้มาหาอิบรอฮีมพร้อมด้วยข่าวดี
พวกเขากล่าวว่า
แท้จริงเราเป็นผู้ทำลายชาวเมืองนี้
เพราะว่าชาวเมืองของมันเป็นผู้อธรรม
[29:32]
เขา
(อิบรอฮีม)
กล่าวว่า
แท้จริงในเมืองนั้นมีลูฏอยู่ด้วย
พวกเขากล่าวว่า
เรารู้ดีว่ามีใครอยู่ในนั้น
แน่นอนเราจะช่วยเขาและบริวารของเขาให้รอดพ้น
เว้นแต่ภริยาของเขาเพราะนางอยู่ในหมู่ผู้ถูกทำลาย
[29:33]
และเมื่อฑูตของเรา
(มลาอิกะฮ์)
ได้มาหาลูฏเขาเป็นทุกข์เพราะพวกเขา
และกลัวที่จะให้ความคุ้มครองไม่ได้ดังนั้น
(มลาอิกะฮ์)
จึงกล่าวว่า
อย่ากลัวและเศร้าโศกเสียใจแท้จริงเราเป็นผู้ช่วยเหลือท่านและบริวารของท่านเว้นแต่ภริยาของท่าน
เพราะนางอยู่ในหมู่ผู้ถูกทำลาย
[29:34]
แท้จริงเราเป็นผู้นำการลงโทษจากฟากฟ้าสู่ชาวเมืองนี้
เนื่องจากพวกเขาฝ่าฝืน
[29:35]
และโดยแน่นอน
เราได้ทิ้งสัญญาณอันชัดแจ้งของเมืองนี้ไว้สำหรับหมู่ชนผู้มีปัญญาพิจารณา
[29:36]
และยัง
(หมู่ชน)
มัดยัน
(เราได้ส่ง)
พี่น้องของพวกเขาคือชุไอบ์
เขากล่าวขึ้นว่า
โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย
!
จงเคารพสักการะอัลลอฮ์เถิด
และจงกลัววันสุดท้ายและอย่ามุ่งทำความเสียหายในแผ่นดินโดยเป็นผู้บ่อนทำลาย
!
[29:37]
แต่พวกเขาได้ปฏิเสธเขา
ดังนั้นแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงได้คร่าพวกเขาแล้วพวกเขาได้ประสบความหายนะนอนพังพาบตายในบ้านของพวกเขา
[29:38]
และอ๊าดและซะมูด
และได้เป็นที่ประจักษ์แก่พวกเจ้าแล้ว
จากที่พำนักของพวกเขาและมารชัยตอนได้ทำให้การงานของพวกเขา
เป็นที่เพริศแพร้วแก่พวกเขาแล้วมันได้หันเหพวกเขาออกจากแนวทางโดยที่พวกเขาเป็นผู้มีสติปัญญาพิจารณา
[29:39]
และ
(เราได้ทำลาย)
กอรูน
และฟิรเอาน์และฮามาน
และโดยแน่นอนมูซาได้มายังพวกเขาพร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้ง
แต่พวกเขาหยิ่งผยองในแผ่นดิน
และพวกเขาก็หาได้รอดพ้นไปจากเราไม่
[29:40]
และแต่ละคนเราได้ลงโทษด้วยความผิดของเขา
เช่น
บางคนในหมู่พวกเขาเราได้ส่งลมพายุร้ายทำลายเขา
และบางคนในหมู่พวกเขา
เราได้ลงโทษเขาด้วยเสียงกัมปนาท
และบางคนในหมู่พวกเขา
เราได้ให้แผ่นดินสูบเขา
และบางคนในหมู่พวกเขา
เราได้ให้เขาจมน้ำตาย
และอัลลอฮ์มิได้ทรงอธรรมแก่พวกเขา
แต่พวกเขาต่างหากที่อธรรมต่อพวกเขาเอง
[29:41]
อุปมาบรรดาผู้ที่ยึดเอาอื่นจากอัลลอฮ์เป็นผู้คุ้มครองอุปไมยดั่งแมงมุมที่ชักใยทำรังและแท้จริงรังที่บอบบางที่สุดคือรังของแมงมุม
หากพวกเขารู้
[29:42]
แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรอบรู้สิ่งใด
ๆ ที่พวกเขาวิงวอนขออื่นจากพระองค์และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[29:43]
และเหล่านี้คืออุปมาทั้งหลายที่เราได้เปรียบเทียบมัน
สำหรับปวงมนุษย์แต่ไม่มีผู้ใดตระหนักมันหรอก
นอกจากผู้มีความรู้
[29:44]
อัลลอฮ์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินด้วยความจริงที่แน่นอนแท้จริงในการนี้แน่นอนย่อมเป็นสัญญาณแก่บรรดาผู้ศรัทธา
[29:45]
เจ้าจงอ่านสิ่งที่ถูกวะฮีย์แก่เจ้าจากคัมภีร์และจงดำรงการละหมาด
(เพราะ) แท้จริงการละหมาดนั้นจะยับยั้งการทำลามกและความชั่วและการรำลึกถึงอัลลอฮ์นั้นยิ่งใหญ่มาก
และอัลลอฮ์ทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
[29:46]
และพวกเจ้าอย่าโต้เถียงกับพวกอะฮ์ลุลกิตาบเว้นแต่ด้วยวิธีที่ดีกว่านอกจากบรรดาผุ้อธรรมในหมู่พวกเขาและพวกเจ้าจงกล่าวว่า
เราศรัธาในสิ่งที่ถูกประทานแก่เราและสิ่งที่ได้ถูกประทานแก่พวกเจ้าและพระเจ้าของเราและพระเจ้าของพวกเขาเป็นเอกะ
และเราเป็นผู้นอบน้อมต่อพระองค์
[29:47]
และเช่นนั้นแหละ
เราได้ประทานคัมภีร์แก่เจ้า
ดังนั้นบรรดาผู้ที่เราได้ประทานคัมภีร์แก่พวกเขา
พวกเขาก็ศรัทธาต่อมัน
(อัลกุรอาน)
และในหมู่เขาเหล่านั้นมีผู้ศรัทธาต่อมัน
และไม่มีผู้ใดปฏิเสธโองการทั้งหลายของเรา
นอกจากผู้ปฏิเสธศรัทธา
[29:48]
และก่อนหน้านั้นเจ้ามิได้อ่านคัมภีร์ใด
ๆ
และเจ้ามิได้เขียนมันด้วยมือขวาของเจ้า
มิฉะนั้นแล้วพวกกล่าวความเท็จจะสงสัยอย่างแน่นอน
[29:49]
มิใช่เช่นนั้นดอก
มันคือโองการทั้งหลายอันแจ้งชัดอยู่ในหัวอกของบรรดาผู้ได้รับความรู้และไม่มีผู้ใดปฏิเสธโองการทั้งหลายของเรานอกจากพวกอธรรม
[29:50]
และพวกเขากล่าวว่า
ทำไมสัญญาณ
ต่าง ๆ จากพระเจ้าของเขาจึงมิถูกประทานมายังเขา
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
แท้จริงสัญญาณเหล่านั้นอยู่ที่อัลลอฮ์
และฉันเป็นผู้ตักเตือนอันกระจ่างแจ้งเท่านั้น
[29:51]
มิเพียงพอแก่พวกเขาดอกหรือที่เราได้ประทานคัมภีร์ให้แก่เจ้าซึ่งได้ถูกอ่านให้แก่พวกเขาฟัง
แท้จริงในการนั้นแน่นอนย่อมเป็นความแมตตาและเป็นการตักเตือนแก่หมู่ชนผู้ศรัทธา
[29:52]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
พอเพียงแล้วที่อัลลอฮ์ทรงเป็นพยานระหว่างฉันและพวกท่าน
พระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน
และบรรดาผู้เชื่อในความเท็จและปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮ์
ชนเหล่านั้นแหละพวกเขาเป็นผู้ขาดทุน
[29:53]
และพวกเขาเร่งเร้าเจ้า
ในเรื่องการลงโทษและหากมิใช่เวลาที่ถูกกำหนดไว้แล้ว
การลงโทษก็จะเกิดขึ้นแก่พวกเขาอย่างแน่นอนและมันจะเกิดขึ้น
แก่พวกเขาโดยฉับพลันอย่างแน่นอนโดยที่พวกเขาไม่รู้สึกตัว
[29:54]
พวกเขาเร่งเร้าเข้าในเรื่องการลงโทษและแท้จริงนรกญะฮันนัมนั้นเป็นที่สะกัดล้อมพวกปฏิเสธศรัทธาไว้อย่างแน่นอน
[29:55]
วันซึ่งการลงโทษจะครอบคลุมพวกเขาจากข้างบนพวกเขาและจากใต้เท้าของพวกเขาและพระองค์จะตรัสว่า
พวกเจ้าจงลิ้มรสสิ่งที่พวกเจ้าได้ก่อกรรมกระทำไว้
[29:56]
โอ้ปวงบ่วงของข้า
บรรดาผู้ที่ศรัทธาเอ๋ย
!
แท้จริงแผ่นดินของข้านั้นกว้างใหญ่ไพศาล
ดังนั้นเฉพาะข้าเท่านั้นพวกเจ้าจงเคารพภักดี
[29:57]
ทุก
ๆ
ชีวิตเป็นผู้ลิ้มรสความตายแล้วพวกเจ้าจะถูกนำกลับยังเรา
[29:58]
และบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลาย
แน่นอนเราจะให้พวกเขาพำนักอยู่ในห้องพิเศษแห่งสวนสวรรค์ณ
เบื้องล่างมันมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน
พวกเขาเป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล
รางวัลของผู้กระทำความดีช่างประเสริฐแท้
ๆ
[29:59]
บรรดาผู้อดทนขันติและพวกเขามอบหมายไว้วางใจแด่พระเจ้าของพวกเขา
[29:60]
และสัตว์ตั้งกี่ชนิดที่มันมิสามารถแสวงหาเครื่องยังชีพของมัน
อัลลอฮ์
ทรงประทานเครื่องยังชีพแก่พวกมัน
และแก่พวกเจ้าและพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน
ผู้ทรงรอบรู้
[29:61]
และถ้าเจ้าถามพวกเขา
ใครเป็นผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย
และแผ่นดิน
และเป็นผู้ทำให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นประโยชน์
แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่าอัลลอฮ์
แล้วทำไมเล่าพวกเขาจึงหันเหออกไปทางอื่น
!?
[29:62]
อัลลอฮ์ทรงให้เครื่องยังชีพกว้างขวางแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จากปวงบ่าวของพระองค์และทรงให้คับแคบแก่เขาแท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง
[29:63]
และถ้าเจ้าถามพวกเขาว่า
ใครเล่าทรงหลั่งน้ำลงมาจากฟากฟ้าแล้วทรงให้แผ่นดินมีชีวิตชีวาหลังจากความแห้งแล้งของมัน
แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่า
อัลลอฮ์
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
บรรดาการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์
แต่ว่าส่วนมากพวกเขาไม่ใช้สติปัญญาใคร่ครวญ
[29:64]
และการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้มิใช่อื่นใด
เว้นแต่เป็นการละเล่นและการสนุกสนานร่าเริงและแท้จริงสถานที่ในปรโลกนั้น
แน่นอนมันคือชีวิตที่แท้จริงหากพวกเขาได้รู้
[29:65]
ดังนั้นเมื่อพวกเขาขึ้นขี่เรือ
พวกเขาวิงวอนต่ออัลลอฮ์เป็นผู้บริสุทธิ์ใจในการขอพรต่อพระองค์
ครั้นเมื่อพระองค์ทรงช่วยพวกเขาให้ขึ้นบก
แล้วพวกเขาก็ตั้งภาคีต่อพระองค์
[29:66]
เพื่อพวกเขาจะเนรคุณต่อสิ่งที่เราได้ประทานแก่พวกเขา
และเพื่อพวกเขาจะได้หลงประทานแก่พวกเขา
และเพื่อพวกเขาจะได้หลงระเริงแล้วพวกเขาก็จะได้รู้
[29:67]
พวกเขาไม่เห็นดอกหรือว่า
เราได้ทำเขตหวงห้ามให้เป็นที่ปลอดภัย
ขณะที่ประชาชนรอบ
ๆ
พวกเขาถูกฆ่า
ถูกลักพาตัวไป
แล้วพวกเขายัวจะศรัทธาต่อความเท็จ
และพวกเขายังจะเนรคุณต่อความโปราดปรานของอัลลอฮ์อีกหรือ
?
[29:68]
และใครเล่าจะอธรรมยิ่งกว่าผู้กุความเท็จให้แก่อัลลอฮ์
หรือปฏิเสธสัจธรรมเมื่อมันได้มายังเขาที่พำนักในนรกญะฮันนัมมิใช่สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาดอกหรือ
?
[29:69]
และบรรดาผู้ต่อสู้ดิ้นรนในทางของเราแน่นอนเราจะชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องแก่พวกเขาสู่ทางของเรา
และแท้จริงอัลลอฮ์ทรงอยู่ร่วมกับผู้กระทำความดีทั้งหลาย