Az-Zumar
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[39:1]
คัมภีร์นี้เป็นการประทานลงมาจากอัลลอฮ์
ผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[39:2]
แท้จริงเราได้ประทานคัมภีร์มายังเจ้าด้วยสัจธรรม
ดังนั้นเจ้าจงเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์
โดยเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ใจในศาสนาต่อพระองค์
[39:3]
พึงทราบเถิด
การอิบาดะฮ์โดยบริสุทธิ์ใจนั้นเป็นของอัลลอฮ์องค์เดียว
ส่วนบรรดาผู้ที่ยึดถือเอาบรรดาผู้คุ้มครองอื่นจากอัลลอฮ์
โดยกล่าวว่าเรามิได้เคารพภักดีพวกเขา
เว้นแต่เพื่อทำให้เราเข้าใกล้ชิดต่ออัลลอฮ์
แท้จริงอัลลอฮ์จะทรงตัดสินระหว่างพวกเขาในสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกันในเรื่องนั้น
แท้จริงอัลลอฮ์จะไม่ทรงชี้นำทางแก่ผู้กล่าวเท็จ
ผู้ไม่สำนึกบุญคุณ
[39:4]
หากอัลลอฮ์ทรงประสงค์จะมีพระโอรส
แน่นอนพระองค์จะทรงเลือกจากสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมาตามที่พระองค์ทรงประสงค์มหาบริสุทธิ์แห่งพระองค์ท่าน
พระองค์คืออัลลอฮ์
ผู้ทรงเอกะ
ผู้ทรงพิชิต
[39:5]
พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินด้วยความจริงอันชัดแจ้ง
พระองค์ทรงให้กลางคืนคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางวันและทรงให้กลางวันคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางคืน
และทรงให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นประโยชน์
(แก่มนุษย์)
ทุกสิ่งโคจรไปตามวาระที่ได้กำหนดไว้
พึงทราบเถิด
พระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงอภัยอย่างมาก
[39:6]
พระองค์ทรงสร้างพวกเจ้าจากชีวิตหนึ่ง
แล้วจากชีวิตนั้นทรงทำให้เป็นของคู่ครองของมัน
และทรงประทานปศุสัตว์แปดตัวเป็นคู่แก่พวกเจ้า
พระองค์ทรงสร้างพวกเจ้าในครรภ์ของมารดาพวกเจ้า
เป็นการบังเกิดครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่ในความมืดสามชั้น
นั่นคืออัลลอฮ์
พระเจ้าของพวกเจ้า
พระอำนาจเป็นสิทธิของพระองค์
ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์
แล้วทำไมพวกเจ้าจึงผินหน้าไปทางอื่น!
[39:7]
หากพวกเจ้าปฏิเสธศรัทธา
ดังนั้น
แท้จริงอัลลอฮ์นั้น
ทรงพอเพียงจากพวกเจ้าและจะไม่ทรงปิติยินดีต่อการเนรคุณของปวงบ่าวของพระองค์
และหากพวกเจ้ากตัญญู
พระองค์ก็จะทรงปิติยินดีต่อพวกเจ้า
และไม่มีผู้แบกภาระคนใดที่จะแบกภาระของผู้อื่นได้
แล้วยังพระเจ้าของพวกเจ้าคือการกลับของพวกเจ้า
และพระองค์ก็จะทรงบอกเล่าพวกเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำไว้แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในทรวงอก
[39:8]
และเมื่อทุกขภัยใด
ๆ ประสบแก่มนุษย์
เขาก็จะวิงวอนขอต่อพระเจ้าของเขาเป็นผู้หันหน้าเข้าสู่พระองค์อย่างนอบน้อม
ครั้นเมื่อพระองค์ทรงประทานความโปรดปรานจากพระองค์ให้แก่เขา
เขาก็ลืมสิ่งที่เขาได้เคยวิงวอนขอต่อพระองค์มาแต่ก่อน
และเขาได้ตั้งภาคีคู่เคียงกับอัลลอฮ์เพื่อให้หลงจากทางของอัลลอฮ์
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
ท่านจงร่าเริงเพียงระยะหนึ่งต่อการปฏิเสธของท่านเถิด
แท้จริงท่านนั้นอยู่ในหมู่ชาวนรก
[39:9]
ผู้ที่เขาเป็นผู้ภักดีในยามค่ำคืน
ในสภาพของผู้สุญูด
และผู้ยืนละหมาดโดยที่เขาหวั่นเกรงต่อโลกอาคิเราะฮ์
และหวังความเมตตาของพระเจ้าของเขา
(จะเหมือนกับผู้ที่ตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์กระนั้นหรือ?) จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
บรรดาผู้รู้และบรรดาผู้ไม่รู้จะเท่าเทียมกันหรือ? แท้จริงบรรดาผู้มีสติปัญญาเท่านั้นที่จะใคร่ครวญ
[39:10]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
โอ้ปวงบ่าวผู้ศรัทธาทั้งหลายเอ๋ย!
จงยำเกรงพระเจ้าของพวกท่านเถิด
สำหรับบรรดาผู้ทำความดีในโลกนี้คือ
(จะได้รับการตอบแทน)
ความดีและแผ่นดินของอัลลอฮ์นั้นกว้างใหญ่ไพศาล
แท้จริงบรรดาผู้อดทนนั้นจะได้รับการตอบแทนรางวัลของพวกเขาอย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องคำนวณ
[39:11]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
แท้จริงฉันได้ถูกบัญชาให้เคารพภักดีต่ออัลลอฮ์
โดยเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ใจในศาสนาต่อพระองค์
[39:12]
และฉันได้ถูกบัญชาให้ฉันเป็นคนแรกของปวงชนผู้นอบน้อม
[39:13]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
แท้จริงฉันกลัวการลงโทษแห่งวันอันยิ่งใหญ่
หากฉันฝ่าฝืนพระเจ้าของฉัน
[39:14]
จงกล่าวเถิด
เฉพาะอัลลอฮ์เท่านั้นที่ฉันเคารพภักดีโดยเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ใจในศาสนาของฉันต่อพระองค์
[39:15]
ดังนั้นพวกท่านจงสักการะบูชาตามที่พวกท่านประสงค์อื่นจากพระองค์เถิด
จงกล่าวเถิดว่า
แท้จริงบรรดาผู้ขาดทุนนั้นคือ
บรรดาผู้ที่ทำตัวของพวกเขาเอง
และครอบครัวของพวกเขาให้ขาดทุนในวันกิยามะฮ์
พึงรู้เถิดว่านั่นคือ
การขาดทุนอย่างชัดแจ้ง
[39:16]
สำหรับพวกเขานั้นมีชั้นของเปลวไฟนรกปกคลุมเหนือพวกเขา
และเบื้องล่างของพวกเขาก็มีชั้นของเปลวไฟนรกอยู่ด้วย
สิ่งนั้นแหละที่อัลลอฮ์ทรงทำให้ปวงบ่าวของพระองค์กลัว
โอ้ปวงบ่าวของข้าเอ๋ย
! จงยำเกรงต่อข้าเถิด
[39:17]
และบรรดาผู้ที่หลีกหนีให้ห่างจากพวกเจว็ดเพื่อที่จะไม่สักการะบูชามัน
และหันไปจงรักภักดีต่ออัลลอฮ์
สำหรับพวกเขานั้นมีข่าวดีดังนั้นเจ้าจงแจ้งข่าวดีแก่ปวงบ่าวของข้า
[39:18]
บรรดาผู้ที่สดับฟังคำกล่าว
แล้วปฏิบัติตามที่ดีที่สุดของมัน
ชนเหล่านี้คือบรรดาผู้ที่อัลลอฮ์ทรงชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องแก่พวกเขาและชนเหล่านี้พวกเขาคือผู้ที่มีสติปัญญาใคร่ครวญ
[39:19]
ดังนั้นผู้ที่คำมั่นสัญญาแห่งการลงโทษได้คู่ควรแก่เขาแล้ว
(เจ้าสามารถจะฮิดายะฮ์ให้แก่เขา)
กระนั้นหรือ? และเจ้าจะช่วยผู้ที่อยู่ในนรกให้รอดพ้นได้หรือ
?
[39:20]
แต่บรรดาผู้ยำเกรงพระเจ้าของพวกเขานั้น
สำหรับพวกเขาจะมีคฤหาสน์สง่าโอ่โถงเหนือขึ้นไปอีกก็มีคฤหาสน์สง่าโอ่โถงสร้างไว้
ณ เบื้องล่างของมันมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน
(มันเป็น)
ข้อสัญญาของอัลลอฮ์
อัลลอฮ์นั้นจะไม่ทรงบิดพริ้วสัญญา
[39:21]
เจ้ามิเห็นดอกหรือว่า
แท้จริงอัลลอฮ์ทรงหลั่งน้ำลงมาจากฟากฟ้า
แล้วทรงให้มันไหลซึมลงไปในแผ่นดินเป็นตาน้ำด้วยน้ำนั้นทรงให้พืชงอกออกมาหลายสี
แล้วมันก็จะเหี่ยวแห้ง
ดังนั้น
เจ้าจะเห็นมันกลายเป็นสีเหลือง
แล้วพระองค์ทรงทำให้มันเป็นเศษเป็นชิ้น
แท้จริงในการนั้นย่อมเป็นข้อเตือนสติแก่ผู้มีสติปัญญาทั้งหลาย
[39:22]
ผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงเปิดทรวงอกของเขาเพื่ออิสลาม
และเขาอยู่บนแสงสว่างจากพระเจ้าของเขา
(จะเหมือนกับผู้ที่หัวใจบอดกระนั้นหรือ?) ดังนั้นความวิบัติจงประสบแด่ผู้ที่หัวใจของพวกเขาแข็งกระด้างต่อการรำลึกถึงอัลลอฮ์
ชนเหล่านี้อยู่ในการหลงผิดอันชัดแจ้ง
[39:23]
อัลลอฮ์ได้ทรงประทานคำกล่าวที่ดียิ่งลงมาเป็นคัมภีร์คล้องจองกันกล่าวซ้ำกัน
ผิวหนังของบรรดาผู้ที่เกรงกลัวพระเจ้าของพวกเขาจะลุกชันขึ้น
แล้วผิวหนังของพวกเขาและหัวใจของพวกเขาจะสงบลงเพื่อรำลึกถึงอัลลอฮ์
นั่นคือการชี้นำทางของอัลลอฮ์
พระองค์จะทรงชี้นำทางแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงให้เขาหลงทาง
ดังนั้นสำหรับเขาจะไม่มีผู้ชี้นำทาง
[39:24]
ดังนั้นผู้ใดที่ป้องกันใบหน้าของเขาให้พ้นจากการลงโทษอันชั่วช้าในวันกิยามะฮ์
(จะเหมือนกับผู้ที่ปลอดภัยจากการลงโทษกระนั้นหรือ?) และจะมีเสียงกล่าวแก่บรรดาผู้อธรรมว่า
จงลิ้มรสสิ่งที่พวกเจ้าแสวงหาไว้เถิด
[39:25]
บรรดาหมู่ชนก่อนหน้าพวกเขาได้ปฏิเสธมาแล้ว
ดังนั้นการลงโทษได้มีมายังพวกเขา
โดยที่พวกเขาไม่รู้สึกตัว
[39:26]
ดังนั้น
อัลลอฮ์ทรงให้พวกเขาลิ้มรสความอัปยศในชีวิตของโลกนี้
และแน่นอนการลงโทษในปรโลกนั้นยิ่งใหญ่กว่า
หากพวกเขาได้รู้
[39:27]
และโดยแน่นอน
เราได้ยกไว้ในทุก
ๆ อุทาหรณ์ในอัลกุรอานนี้สำหรับมนุษย์เพื่อพวกเขาจะได้ใคร่ครวญ
[39:28]
กุรอานเป็นภาษาอาหรับ
ไม่มีการคดเคี้ยวเพื่อพวกเขาจะได้ยำเกรง
[39:29]
อัลลอฮ์ทรงยกอุทาหรณ์ชายคนหนึ่งเป็นของหุ้นส่วนหลายคน
พวกเขาขัดแย้งไม่ลงรอยกัน
และชายอีกคนหนึ่งเป็นของชายคนหนึ่งโดยเฉพาะ
ทั้งสองนี้จะเป็นอุทาหรณ์ที่เท่าเทียมกันหรือ? การสรรเสริญทั้งมวลเป็นของอัลลอฮ์
แต่ว่าส่วนมากของพวกเขาไม่รู้
[39:30]
แท้จริงเจ้าจะต้องตาย
และแท้จริงพวกเขาจะต้องตาย
[39:31]
แล้วแท้จริงพวกเจ้าในวันกิยามะฮ์จะถกเถียงกันต่อหน้าพระเจ้าของพวกเจ้า
[39:32]
ดังนั้น
ผู้ใดเล่าที่จะอธรรมยิ่งไปกว่าผู้กล่าวเท็จต่ออัลลอฮ์
และปฏิเสธความจริงเมื่อมันได้มีมายังเขา
มิใช่ในนรกดอกหรือที่เป็นที่พำนักสำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา
[39:33]
ส่วนผู้ที่นำความจริงมา
และเขาได้เชื่อมั่นความจริงนั้น
ชนเหล่านี้
พวกเขาคือบรรดาผู้ยำเกรง
[39:34]
นั่นคือการตอบแทนของบรรดาผู้กระทำความดี
[39:35]
เพื่อที่อัลลอฮ์จะทรงลบล้างความชั่วที่พวกเขากระทำไว้ออกจากพวกเขา
และจะทรงตอบแทนรางวัลของพวกเขาแก่พวกเขาด้วยสิ่งที่ดียิ่งตามที่พวกเขาได้กระทำไว้
[39:36]
อัลลอฮ์จะมิทรงเป็นผู้พอเพียงแก่บ่าวของพระองค์ดอกหรือ
และพวกเขายังขู่เจ้าให้กลัวด้วยเจว็ดต่าง
ๆ
อื่นจากพระองค์
และผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงให้เขาหลงทาง
ดังนั้นสำหรับเขาจะไม่มีผู้ชี้นำทาง
[39:37]
และผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงชี้นำทาง
ดังนั้นก็ไม่มีผู้ใดจะทำให้เขาหลงทางได้
อัลลอฮ์มิใช่เป็นผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงตอบโต้อย่างเด็ดขาดดอกหรือ
[39:38]
และถ้าเจ้าถามพวกเขาว่า
ใครเป็นผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน
แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่าอัลลอฮ์
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดพวกท่านไม่เห็นดอกหรือว่า
สิ่งที่พวกท่านวิงวอนขออื่นจากอัลลอฮ์นั้น
หากอัลลอฮ์ทรงประสงค์จะให้มีความทุกข์ยากแก่ฉันแล้วพวกมันจะปลดเปลื้องความทุกข์ยากของพระองค์ได้ไหม? หรือหากพระองค์ประสงค์จะให้ความเมตตาแก่ฉันพวกมันจะยับยั้งความเมตตาของพระองค์ได้ไหม? จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
อัลลอฮ์ทรงพอเพียงแก่ฉันแล้ว
แต่พระองค์เท่านั้น
บรรดาผู้มอบความไว้วางใจจะให้ความไว้วางใจ
[39:39]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย!
จงทำงานตามสภาพของพวกท่าน
แท้จริงฉันก็เป็นผู้ทำงาน
แล้วพวกท่านจะได้รู้
[39:40]
ผู้ที่การลงโทษจะมีมายังเขาก็จะทำให้เขาอัปยศ
และการลงโทษตลอดกาลจะประสบแก่เขา
[39:41]
แท้จริงเราได้ประทานคัมภีร์แก่เจ้าเพื่อมนุษยชาติด้วยสัจธรรม
ดังนั้นผู้ใดปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้องก็จะได้แก่ตัวของเขาเองและผู้ใดหลงทางเขาก็จะหลงอยู่บนทางที่ผิดและเจ้ามิได้เป็นผู้รับผิดชอบต่อพวกเขา
[39:42]
แท้จริงในการนั้น
แน่นอนย่อมเป็นสัญญาสำหรับหมู่ชนผู้ใคร่ครวญ
[39:43]
หรือว่าพวกเจ้าได้ยึดเอาบรรดาผู้ช่วยเหลืออื่นจากอัลลอฮ์
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดทั้ง
ๆ
ที่พวกมันมิได้มีอำนาจใด
ๆ และพวกมันก็ไม่มีสติปัญญากระนั้นหรือ?
[39:44]
แล้วพวกท่านจะถูกนำกลับไปยังพระองค์
[39:45]
และเมื่อ
(พระนาม)
อัลลอฮ์ถูกกล่าวเพียงพระองค์เดียว
จิตใจของบรรดาผู้ไม่ศรัทธาต่อวันอาคิเราะฮ์ก็รังเกียจ
แต่เมื่อบรรดาเจว็ดถูกกล่าวนอกจากพระองค์
เมื่อนั้นพวกเขาก็ดีใจ
[39:46]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
ข้าแต่อัลลอฮ์พระผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน
พระผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งเร้นลับ
และสิ่งเปิดเผย
พระองค์ท่านจะทรงตัดสินระหว่างปวงบ่าวของพระองค์ในสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกันอยู่
[39:47]
และหากว่าบรรดาผู้อธรรมมีสิ่งที่มีอยู่ในแผ่นดินนี้ทั้งหมด
และมีเยี่ยงนั้นอีกด้วยแน่นอนพวกเขาจะขอไถ่ด้วยสิ่งนั้นให้พ้นจากการลงโทษที่ชั่วร้ายในวันกิยามะฮ์
แต่สิ่งที่พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าสิ่งที่มาจากอัลลอฮ์นั้นจะปรากฏขึ้นแก่พวกเขา
[39:48]
และความชั่วทั้งหลายที่พวกเขาได้กระทำไว้ก็จะปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา
และสิ่งที่พวกเขาได้เคยเยาะเย้ยไว้นั้นก็ห้อมล้อมพวกเขา
[39:49]
ครั้นเมื่อทุกขภัยใดประสบแก่มนุษย์เขาก็จะวิงวอนขอเรา
ต่อมาเมื่อเราได้ประทานความโปรดปรานจากเราแก่เขา
เขาก็กล่าวว่าแท้จริงสิ่งที่ฉันได้รับมานั้นเนื่องจากความรอบรู้ของฉันต่างหาก
แต่
(เขาหารู้ไม่ว่า)
มันคือการทดสอบ
แต่ว่าส่วนมากของพวกเขาไม่รู้
[39:50]
โดยแน่นอน
บรรดาหมู่ชนก่อนหน้าพวกเขาได้กล่าวมันไว้
เช่นนี้
ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้นั้นหาได้อำนวยประโยชน์แก่พวกเขาไม่
[39:51]
ฉะนั้นความชั่วทั้งหลายที่เขาได้กระทำไว้
จึงประสบแก่พวกเขา
และบรรดาผู้อธรรมจากหมู่ชนเหล่านั้น
ความชั่วทั้งหลายที่พวกเขาได้กระทำไว้ก็จะประสบแก่พวกเขาเช่นกันและพวกเขาไม่สามารถจะหนีรอดพ้นไปได้
[39:52]
พวกเขาไม่รู้ดอกหรือว่า
อัลลอฮ์ทรงแผ่ปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
และทรงให้คับแคบ
แท้จริงในการนั้นย่อมเป็นสัญญาณมากหลายสำหรับหมู่ชนผู้ศรัทธา
[39:53]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
ปวงบ่าวของข้าเอ๋ย!
บรรดาผู้ละเมิดต่อตัวของพวกเขาเอง
พวกท่านอย่าได้หมดหวังต่อพระเมตตาของอัลลอฮ์
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงอภัยความผิดทั้งหลายทั้งมวล
แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงอภัย
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[39:54]
และจงผินหน้าไปหาพระเจ้าของพวกท่าน
และจงนอบน้อมต่อพระองค์
ก่อนที่การลงโทษจะมายังพวกท่าน
แล้วพวกท่านจะมิได้รับความช่วยเหลือ
[39:55]
และจงปฏิบัติตามสิ่งที่ดียิ่งที่ได้ถูกประทานลงมายังพวกท่าน
จากพระเจ้าของพวกท่านก่อนที่การลงโทษจะมายังพวกท่านโดยฉับพลัน
โดยที่พวกท่านไม่รู้สึกตัว
[39:56]
มิฉะนั้น
ชีวิตหนึ่งจะกล่าวว่า
โอ้ความหายนะจงประสบแก่ข้าพระองค์
ที่ข้าพระองค์ทอดทิ้ง
(หน้าที่)
ที่มีต่ออัลลอฮ์
และข้าพระองค์เคยอยู่ในหมู่ผู้เยาะเย้ยอีกด้วย
[39:57]
หรือมัน
(ชีวิต)
จะกล่าวว่า
หากอัลลอฮ์ทรงชี้แนะทางแก่ข้าพระองค์
แน่นอนข้าพระองค์ก็จะอยู่ในหมู่ผู้ยำเกรง
[39:58]
หรือมัน
(ชีวิต)
จะกล่าวขณะที่เห็นการลงโทษว่า
มาตรว่า
ข้าพระองค์มีโอกาสกลับ
(ไปสู่โลกดุนยา)
อีกครั้งหนึ่ง
ดังนั้นข้าพระองค์ก็จะได้อยู่ในหมู่ผู้กระทำความดี
[39:59]
(พระองค์ตรัสว่า)
เปล่าเลย!
แน่นอนสัญญาณทั้งหลายของเขาได้มายังเจ้าแล้ว
แต่เจ้าได้ปฏิเสธมัน
และเจ้าได้หยิ่งยะโส
และเจ้าได้อยู่ในหมู่ผู้ปฏิเสธศรัทธา
[39:60]
และวันกิยามะฮ์
เจ้าจะเห็นบรรดาผู้ที่กล่าวเท็จต่ออัลลอฮ์
ใบหน้าของพวกเขาดำคล้ำ
ดังนั้น
ที่พำนักสำหรับบรรดาผู้หยิ่งยะโสนั้นมิใช่นรกดอกหรือ?
[39:61]
และอัลลอฮ์จะทรงให้บรรดาผู้ยำเกรงรอดพ้น
เพราะชัยชนะของพวกเขา
(โดยที่)
ความชั่วร้ายจะไม่ประสบแก่พวกเขา
และพวกเขาจะไม่เศร้าโศกเสียใจ
[39:62]
อัลลอฮ์
คือผู้ทรงสร้างทุกสิ่ง
และพระองค์เป็นผู้ทรงดูแลและคุ้มครองทุกสิ่ง
[39:63]
การควบคุมดูแลกิจการแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นสิทธิของพระองค์
และบรรดาผู้ปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของอัลลอฮ์ชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นผู้ขาดทุน
[39:64]
จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
พวกท่านใช้ให้ฉันเคารพสักการะสิ่งอื่นจากอัลลอฮ์กระนั้นหรือ? โอ้ปวงบ่าวผู้บัดซบเอ๋ย!
[39:65]
และโดยแน่นอน
ได้มีวะฮีย์ยฺมายังเจ้า
(มุฮัมมัด)
และมายังบรรดานบีก่อนหน้าเจ้าหากเจ้าตั้งภาคี
(กับอัลลอฮ์)
แน่นอนการงานของเจ้าก็จะไร้ผล
และแน่นอนเจ้าจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน
[39:66]
แต่ว่าจงเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์
และจงอยู่ในหมู่ผู้กตัญญู
[39:67]
และพวกเขามิได้ให้ความยิ่งใหญ่แด่อัลลอฮ์อันพึงมีต่อพระองค์อย่างแท้จริง
และแผ่นดินนี้ทั้งหมดเป็นเพียงกำพระหัตถ์หนึ่งของพระองค์ในวันกิยามะฮ์
และชั้นฟ้าทั้งหลายจะม้วนกลิ้งด้วยพระหัตถ์ขวาของพระองค์มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์
และพระองค์ทรงสูงส่งเหนือจากสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคี
[39:68]
และสังข์ได้ถูกเป่าขึ้น
แล้วบรรดาผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย
และแผ่นดินจะล้มลงตายเว้นแต่ผู้ที่อัลลอฮ์ประสงค์
แล้วสังข์ได้ถูกเป่าขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
แล้วพวกเขาก็ลุกขึ้นยืนมองดู
[39:69]
และแผ่นดินจะเป็นประกายด้วยรัศมีแห่งพระเจ้าของมัน
และบันทึกจะถูกกางแผ่และบรรดานบี
และบรรดาพยานจะถูกนำมาและจะถูกตัดสินระหว่างพวกเขาด้วยความยุติธรรมและพวกเขาจะไม่ถูกอยุติธรรม
[39:70]
และทุกชีวิตจะได้รับการตอบแทนอย่างครบครันตามที่มันได้กระทำไว้
และพระองค์ทรงรอบรู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้
[39:71]
และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะถูกไล่ต้อนสู่นรกเป็นกลุ่ม
ๆ
จนกระทั่งเมื่อพวกเขามาถึงมัน
ประตูทั้งหลายของมันจะถูกเปิดออก
ยามเฝ้าประตูของมันจะกล่าวแก่พวกเขาว่า
บรรดาร่อซู้ลจากพวกท่านมิได้มายังพวกท่านเพื่อสาธยายสัญญาณต่าง
ๆแห่งพระเจ้าของพวกท่านแก่พวกท่าน
และกล่าวเตือนพวกท่านถึงการพบในวันนี้ของพวกท่านดอกหรือ
? พวกเขากล่าวว่ามีครับ
แต่ว่าพระประกาศิตแห่งการลงโทษเป็นที่คู่ควรแล้วแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา
[39:72]
จะมีเสียงกล่าวว่า
พวกท่านจงเข้าไปในประตูทั้งหลายของนรก
เป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล
ดังนั้นที่พำนักของบรรดาผู้หยิ่งยะโสชั่วช้าแท้
ๆ
[39:73]
และบรรดาผู้ยำเกรงพระเจ้าของพวกเขาจะถูกนำสู่สวนสวรรค์เป็นกลุ่ม
ๆ จนกระทั่งเมื่อพวกเขามาถึงมัน
และ
ประตูทั้งหลายของมันจะถูกเปิดออก
ยามเฝ้าประตูสวรรค์จะกล่าวแก่พวกเขาว่า
ความศานติจงมีแด่พวกท่าน
พวกท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ดังนั้นจงเข้าไปในสวรรค์เป็นผู้พำนักอยู่ตลอดกาล
[39:74]
และพวกเขากล่าวว่า
บรรดาการสรรเสริญทั้งมวลเป็นของอัลลอฮ์
ผู้ซึ่งได้ทำให้สัญญาของพระองค์เป็นที่สมจริงแก่พวกเรา
และทรงทำให้เราได้ครอบครองแผ่นดินในสวนสวรรค์
เพื่อที่เราจะได้พำนักอยู่ตามที่เราประสงค์
ดังนั้นรางวัลของบรรดาผู้กระทำความดีช่างยอดเยี่ยมแท้
ๆ
[39:75]
และเจ้าจะเห็นมลาอิกะฮ์ห้อมล้อมรอบ
ๆ บังลังก์
แซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระเจ้าของพวกเขา
และจะถูกตัดสินระหว่างพวกเขาด้วยความยุติธรรม
และจะมีเสียงกล่าวว่า
บรรดาการสรรเสริญทั้งมวลเป็นของอัลลอฮ์
พระเจ้าแห่งสากลโลก