Al-Mâ’idah
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[5:1]
บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย!
จงรักษาบรรดาสัญญา
ให้ครบถ้วนเถิด
สัตว์ประเภทปศุสัตว์นั้นได้ถูกอนุมัติแก่พวกเจ้าแล้ว
นอกจากที่จุถูกอ่านให้พวกเจ้าฟัง
โดยที่พวกเจ้ามิใช่ผู้ที่ให้สัตว์ที่จะถูกล่านั้น
เป็นที่อนุมัติขณะที่พวกเจ้าอยู่ในอิหรอม
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงชี้ขาดตามที่พระองค์ทรงประสงค์
[5:2]
ผู้ศรัทธาทั้งหลาย!
จงอย่าให้เป็นที่อนุมัติ
ซึ่งบรรดาเครื่องหมายแห่งศาสนาของอัลลอฮ์และเดือนที่ต้องห้ามและสัตว์พลี
และสัตว์ที่ถูกสามเครื่องหมายไว้ที่คอเพื่อเป็นสัตว์พลี
และบรรดาผุ้ที่มุ่งสู่บ้านอันเป็นที่ต้องห้าม
โดยแสวงหาความโปรดปราน
และความพอพระทัยจากพระเจ้าของพวกเขา
แต่เมื่อพวกเจ้าเปลื้องอิห์รอมแล้ว
ก็จงล่าสัตว์ได้
และจงอย่าให้การเกลียดชังแก่พวกหนึ่งพวกใด
ที่ขัดขวางพวกเจ้ามิให้เข้ามัศยิดหะรอม
ทำให้พวกเจ้ากระทำการละเมิด
และพวกจงช่วยเหลือกันในสิ่งที่เป็นคุณธรรม
และความยำเกรง
และจงอย่าช่วยกันในสิ่งที่เป็นบาป
และเป็นศัตรูกันและพึงกลัวเกรงอัลลอฮ์เถิด
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงรุนแรงในการลงโทษ
[5:3]
ได้ถูกห้ามแก่พวกเจ้าแล้ว
ซึ่งสัตว์ที่ตายเอง
และเลือด
และเนื้อสุกร
และสัตว์ที่ถูกเปล่งนามอื่นจากอัลลอฮ์
ที่มัน (ขณะเชือด)
และสัตว์ที่ถูกรัดคอตาย
และสัตว์ที่ถูกตีตาย
และสัตว์ที่ตกเหวตายและสัตว์ที่ถูกขวิดตาย
และสัตว์ที่สัตว์ร้ายกัดกิน
นอกจากที่พวกเจ้าเชือดกัน
และสัตว์ที่ถูกเชือดบนแท่นหินบูชา
และการที่พวกเจ้าเสี่ยงทายด้วยไม้ติ้ว
เหล่านั้นเป็นการละเมิด
วันนี้
บรรดาผู้ปฏิเสธการศรัทธา
หมดหวังในศาสนาของพวกเจ้าแล้ว
ดังนั้นพวกเจ้าจงอย่ากลัวพวกเขา
และจงกลัวข้าเถิด
วันนี้ข้าได้ให้สมบูรณ์แก่พวกเจ้าแล้ว
ซึ่งศาสนาของพวกเจ้าและข้าได้ให้ครบถ้วนแก่พวกเจ้าแล้ว
ซึ่งความกรุณาเมตตาของข้า
และข้าได้เลือกอิสลามให้เป็นศาสนาแก่พวกเจ้าแล้ว
ผู้ใดได้รับความคับขันในความหิวโหย
โดยมิใช่เป็นผู้จงใจกระทำบาปแล้วไซร้
แน่นอนอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงเมตตาเสมอ
[5:4]
เขาเหล่านั้นจะถามเจ้าว่า
มีอะไรบ้างที่ถูกอนุมัติแก่พวกเขา
จงกล่าวเถิด
ที่ถูกอนุมัติแพวกเจ้านั้นคือสิ่งดี
ๆ ทั้งหลาย
และบรรดาสัตว์สำหรับล่าเนื้อที่พวกเจ้าฝึกสอนมัน
พวกเจ้าจงบริโภคจากสิ่งที่มันจับมาให้แก่พวกเจ้า
และจงกล่าวพระนามของอัลลอฮ์บนมันเสียก่อน
และจงกลัวเกรงอัลลอฮ์เถิด
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงรวดเร็วในการชำระสอบสวน
[5:5]
วันนี้สิ่งดี
ๆ
ทั้งหลายได้ถูกอนุมัติแก่พวกเจ้าแล้ว
และอาหารของบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์นั้นเป็นที่อนุมัติแก่พวกเจ้าแล้ว
และอาหารของพวกเจ้าก็เป็นที่อนุมัติแก่พวกเขาและบรรดาหญิงบริสุทธิ์ในหมู่ผู้ศรัทธาหญิงและบรรดาหญิงบริสุทธิ์ในหมู่ผู้ที่ได้รับคัมภีร์ก่อน
จากพวกเจ้าก็เป็นอนุมัติแก่พวกเจ้าด้วย
เมื่อพวกเจ้าได้มอบให้แก่พวกนางซึ่งมะหัร์ของพวกนางในฐานะเป็นผู้แต่งงานมิใช่เป็นผู้กระทำการซินาโดยเปิดเผย
และมิใช่ยึดเอานางเป็นเพื่อน
โดยกระทำซินาลับ
ๆ
และผู้ใดปฏิเสธการศรัทธา
แน่นอนงานของเขาก็ไร้ผล
ขณะเดียวกันในวันปรโลกพวกเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ที่ขาดทุน
[5:6]
พวกเขามิได้เห็นดอกหรือว่า
กี่ประชาชาติมาแล้ว
ที่เราได้ทำลายมาก่อนหน้าพวกเขา
ซึ่งเราได้ให้พวกเขามีอำนาจและความสามารถในแผ่นดิน
ซึ่งสิ่งที่เรามิได้ให้มีแก่พวกเจ้า
และเราได้ส่งฝนมายังพวกเขาอย่างมากมาย
และเราได้ให้มีแม่น้ำหลายสายไหลอยู่เบื้อล่าง
ของพวกเขา
แล้วเราก็ทำลายพวกเขาเสีย
เนื่องด้วยบรรดาความผิด
ของพวกเขา
และเราได้ให้มีขึ้นหลังจากพวกเขาซึ่งประชาชาติอื่น
[5:7]
และจงรำลึกถึงความกรุณาเมตตาของอัลลอฮ์ที่มีต่อพวกเจ้า
และสัญญาของพระองค์ที่ได้ทรงกระทำมันไว้แก่พวกเจ้า
ขณะที่พวกเจ้ากล่าวว่า
พวกเราได้ยินแล้ว
และพวกเราเชื่อฟังแล้ว
และพึงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงรอบรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในทรวงอก
[5:8]
ผู้ศรัทธาทั้งหลาย
!
จงเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยดีเพื่ออัลลอฮ์
เป็นพยานด้วยความเที่ยงธรรมและจงอย่าให้การเกลียดชังพวกหนึ่งพวกใด
ทำให้พวกเจ้าไม่ยุติธรรม
จงยุติธรรมเถิด
มันเป็นสิ่งที่ใกล้กับความยำเกรงยิ่งกว่า
และพึงยำเกรง
อัลลอฮ์เถิด
แท้จริงอัลลอฮ์นั้น
เป็นผู้ทรงรอบรู้อย่างละเอียดในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกัน
[5:9]
และอัลลอฮ์ได้ทรงสัญญาแก่บรรดาผู้ที่ศรัทธา
และประกอบสิ่งที่ดีงามทั้งหลายว่าสำหรับพวกเขานั้นคือ
การอภัยโทษ
และรางวัลอันยิ่งใหญ่
[5:10]
และบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา
และปฏิเสธบรรดาโองการของเรานั้น
ชนเหล่านี้แหละคือชาวนรก
[5:11]
ผู้ศรัทธาทั้งหลาย
!
จงรำลึกถึงความกรุณาของอัลลอฮ์ที่มีต่อพวกเจ้า
ขณะที่พกวหนึ่งปลงใจที่จะยื่นมือของพวกเขามาทำร้ายพวกเจ้าแล้วพระองค์ก็ทรงยับยั้งและหันเหมือนพวกเขาออกจากพวกเจ้าเสีย
และพึงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด
และแต่อัลลอฮ์เท่านั้น
ผู้ศรัทธาทั้งหลายจงมอบหมาย
[5:12]
และแท้จริงอัลลอฮ์ได้ทรงเอาสัญญาแก่วงศ์วานอินรออีล
และเราได้แต่งตั้งผู้ดูแลจากหมู่พวกเขาขึ้นสิบสองคน
และอัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า
แท้จริงข้านั้นร่วมอยู่ด้วยกับพวกเจ้า
ถ้าหากพวกเจ้าดำรงไว้ซึ่งการละหมาด
และชำระซากาต
และศรัทธาต่อบรรดาร่อซู้ลของข้า
และสนับสนุนพวกเขา
และให้อัลลอฮ์ยืมหนี้ที่ดี
แล้วแน่นอนข้าจะลบล้างให้พ้นจากพวกเจ้า
ซึ่งความชั่วทั้งหลายของพวกเจ้า
และแน่นอนข้าจะให้พวกเจ้าเข้าบรรดาสวนสวรรค์
ซึ่งมีแม่น้ำหลายสายไหลอยู่เบื้องล่างของสวนสวรรค์เหล่านั้น
แล้วผู้ใดในหมู่พวกเจ้าปฏิเสธ
หลังจากนั้นแล้ว
แน่นอนเขาก็หลงทางอันเที่ยงตรง
[5:13]
แต่เนื่องจากการที่พวกเขาทำลายสัญญาของพวกเขา
เราจึงได้ให้พวกเขาห่างไกลจากความกรุณาเมตตาของเราและให้หัวใจของพวกเขาแข็งกระด้าง
พวกเขากระทำการบิดเบือน
บรรดาถ้อยคำให้เฉออกจากตำแหน่งของมันและลืมส่วนหนึ่งจากสิ่งที่พวกเขาถูกเตือนไว้
และเจ้า
ก็ยังคงมองเห็นอยู่ในการคดโกงจากพวกเขานอกจากเพียงเล็กน้อยในหมู่พวกเขาเท่านั้น
จงอภัยให้แก่พวกเขาเถิด
และเมินหน้าเสีย
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงชอบผู้ทำดีทั้งหลาย
[5:14]
และจากบรรดาผู้ที่กล่าวว่า
พวกเราเป็นคริสต์นั้น
เราได้เอาสัญญาจากพวกเขา
แต่แล้วพวกเขาก็ลืมส่วนหนึ่งจากสิ่งที่พวกเขาถูกเตือนไว้เราจึงได้ให้เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาซึ่งการเป็นศัตรูและการเกลียดชังกันจนกระทั่งวันกิยามฮ์
และอัลลอฮ์จะทรงบอกเขาเหล่านั้นถึงสิ่งที่เขาเหล่านั้นได้กระทำมาก่อน
[5:15]
บรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ทั้งหลาย
! แท้จริงร่อซู้ลของเราได้มายังพวกเจ้าแล้ว
โดยที่เขาจะแจกแจงแก่พวกเจ้า
ซึ่งมากมายจากสิ่งที่พวกเจ้าปกปิดไว้จากคัมภีร์
และเขาจะระงับไว้มากมาย
แท้จริงแสงสว่างจากอัลลอฮ์
และคัมภีร์อันชัดแจ้งนั้นได้มายังพวกเจ้าแล้ว
[5:16]
ด้วยคัมภีร์นั้นแหละ
อัลลอฮ์จะทรงแนะนำผู้ที่ปฏิบัติตามความพึงพระทัยของพระองค์ซึ่งบรรดาทางแห่งความปลอดภัย
และจะทรงให้พวกเขาออกจากความมืดไปสู่แสงสว่างด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์
และจะทรงแนะนำพวกเขาสู่ทางอันเที่ยงตรง
[5:17]
แน่นอนได้ปฏิเสธศรัทธาแล้วบรรดาผู้ที่กล่าวว่า
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นคืออัลมะซีห์
บุตรของมัรยัม
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
ก็ใครเล่าที่จะมีอำนาจครอบครองสิ่งของ
จากอัลลอฮ์ได้
หากพระองค์ทรงประสงค์ที่จะทำลายอัล-มะซีห์
บุตรของมัรยัม
และมารดาของเขา
และผู้ที่อยู่ในแผ่นดินทั้งหมด
และอำนาจแห่งบรรดาชั้นฟ้า
และแผ่นดินและสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสองนั้นเป็นสิทธิของอัลลอฮ์เท่านั้น
และอัลลอฮ์นั้นทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง
[5:18]
และบรรดาชาวยิว
และชาวคริสต์ได้กล่าวว่า
พวกเราคือบุตรของอัลลอฮ์
และเป็นที่รักใคร่ของพระองค์
จงกล่าวเถิด
(มุฮัดมัด)
แล้วไฉนเล่าพระองค์จึงทรงลงโทษพวกท่าน
เนื่องด้วยความผิดทั้งหลายของพวกท่าน
มิใช่เช่นนั้นดอกพวกท่านเป็นสามัญชนในหมู่ผู้ที่พระองคืทรงบังเกิดมาต่างหาก
ซึ่งพระองค์จะทรงอภัยโทษแก่ผู้ที่พระงอค์ทรงประสงค์
และอำนาจแห่งบรรดาชั้นฟ้า
และแผ่นดิน
และสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสองนั้น
เป็นสิทธิของอัลลอฮ์เท่านั้น
และยังพระองค์นั้นคือการกลับไป
[5:19]
บรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ทั้งหลาย
! แท้จริงร่อซู้ล
ของเราได้มายังพวกเจ้าแล้ว
โดยที่เขาจะได้ชี้แจงแก่พวกเจ้า
ตามวาระสมัยที่ได้ว่างเว้นบรรดาร่อซู้ลมา
ทั้งนี้เนื่องจากการที่พวกเจ้าจะกล่าวว่า
มิได้มีผู้แจ้งข่าวดีคนใด
และผู้ตักเตือนคนใดมายังพวกเรา
แท้จริงได้มีผู้แจ้งข่าวดีและผู้ตักเตือนมายังพวกเจ้าแล้ว
และอัลลอฮ์นั้นทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง
[5:20]
และจงรำลึกถึงขณะที่มูซาได้กล่าวแก่ประชาชาติของเขาว่า
โอ้ประชาชาติของฉัน
! พึงรำลึกถึงความกรุณาเมตตาของอัลลอฮ์ที่มีแด่พวกท่านเถิด
เพราะว่าพระองค์ได้ทรงให้มีบรรดานบีขึ้นในหมู่พวกท่าน
และได้ทรงให้พวกท่านเป็นกษัตริย์
และได้ทรงประทานแก่พวกท่าน
สิ่งที่มิได้ทรงประทานให้แก่ผู้ใดในหมู่ประชาชาติทั้งหลาย
[5:21]
โอ้ประชาชาติของฉัน
! จงเข้าไปในแผ่นดินอันบริสุทธิ์
ที่อัลลอฮ์ได้ทรงกำหนดให้แก่พวกท่านเถิด
และจงอย่าหันหลังของพวกท่านกลับ
เพราะจะทำให้พวกท่านกลับกลายเป็นผู้ขาดทุน
[5:22]
พวกเขากล่าวว่า
โอ้มูซา
แท้จริงในแผ่นดินอันบริสุทธิ์นั้นมีพวกที่เหี้ยมโหด
และพวกเราจะไม่เข้าไปในแผ่นดินนั้นเป็นอันขาด
จนกว่าพวกเขาจะออกไปจากที่นั้น
แต่ถ้าพวกเขาออกไปจากที่นั้นแล้ว
พวกเราจึงจะเป็นผู้เข้าไป
[5:23]
มีชายสองคนในหมู่ผู้ยำเกรงที่อัลลอฮ์ได้ทรงกรุณาเมตตาแก่เขามทั้งสองได้กล่าวว่าพวกท่านจงเข้าประตูนั้นไปเผชิญหน้ากับพวกเขาเถิดครั้นเมื่อพวกท่านเข้าประตูนั้นไปแล้ว
แน่นอนพวกท่านจะเป็นผู้ชนะ
และแด่อัลลอฮ์นั้นพวกเจ้าจงมอบหมายเถิด
หากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธา
[5:24]
พวกเขากล่าวว่า
โอ้มูซา !
แท้จริงพวกเราจะไม่เข้าไปที่นั้นโดยเด็ดขาด
ตราบใดที่พวกเขายังคงอยู่ที่นั้น
ดังนั้นท่านและพระเจ้าของท่านจงไปเถิด
แล้วจงต่อสู้
พวกเราจะนั่งอยู่ที่นี่
[5:25]
เขากล่าวว่า
โอ้พระเจ้าแห่งข้าพระองค์แท้จริงข้าพระองค์ไม่มีอำนาจ
นอกจากตัวของข้าพระองค์เองและพี่ชายของข้าพระองค์
เท่านั้น
ดังนั้นโปรดได้แยกระหว่างเรา
กับประชาชาติผู้ละเมิดด้วยเถิด
[5:26]
พระองค์ตรัสว่า
แท้จริงแผ่นดินนั้นเป็นที่ต้องห้ามแก่พวกเขา
สี่สิบปี
ซึ่งพวกเขาจะระเหเร่ร่อนไปในผืนแผ่นดิน
ดังนั้นเจ้าจงอย่าเสียใจให้แก่ประชาชาติผู้ละเมิดเหล่านั้นเลย
[5:27]
และเจ้าจงอ่านให้พวกเขาฟัง
ซึ่งข่าวคราวเกี่ยวกับบุตรชายสองคน
ของอาดัมตามความเป็นจริง
ขณะที่ทั้งสองได้กระทำการพลีซึ่งสิ่งพลีอยู่นั้น
แล้วสิ่งพลีนั้นก็ถูกรับจากคนหนึ่งในสองคนและมันมิไสด้ถูกรับจากอีกคนหนึ่งเขา
จึงได้กล่าวว่า
แน่นอนข้าจะฆ่าเจ้า
ให้ได้เขา
กล่าวว่า
แท้จริงอัลลอฮ์จะทรงรับจากหมู่ผู้มีความยำเกรงเท่านั้น
[5:28]
หากท่าน
ยื่นมือของท่านมายังฉัน
เพื่อจะฆ่าฉัน
ฉันก็จะไม่ยื่นมือของฉันไปยังท่าน
เพื่อจะฆ่าท่าน
แท้จริงฉันกลัวอัลลอฮ์ผู้เป็นพระเจ้าแห่งสากลโลก
[5:29]
แท้จริงฉันต้องการที่จะให้ท่านนำบาปของฉันและบาปของท่านกลับไป
แล้วท่านก็จะกลายเป็นคนหนึ่งในหมู่ชาวนรก
และนั่นแหละคือการตอบแทนแก่บรรดาผู้อธรรม
[5:30]
แล้วจิตใจของเขาก็คล้อยตามเขาในการที่จะฆ่าน้องชายของเขา
แล้วเขาก็ฆ่าน้องชายของเขา
ดังนั้นเขาจึงได้กลายเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้ขาดทุน
[5:31]
แล้วอัลลอฮ์ก็ได้ส่งกาตัวหนึ่งมาคุ้ยหาในดิน
เพื่อที่จะให้เขาเห็นว่าเขาจะกลบศพน้องชายของเขาอย่างไรเขากล่าวว่า
โอ้ความพินาศของฉัน
ฉันไม่สามารถที่จะเป็นเช่นกาตัวนี้แล้วกลบศพน้องชายของฉันเชียวหรือนี่? แล้วเขาก็กลายเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้ตรอมใจ
[5:32]
เนื่องจากเหตุนั้นแหละ
เราจึงได้บัญญัติแก่วงศ์วาน
อิสรออีลว่า
แท้จริงผู้ใดฆ่าชีวิตหนึ่งโดยมิใช่เป็นการชดเชยอีกชีวิตหนึ่ง
หรือมิใช่เนื่องจากกการบ่อนทำลายในแผ่นดินแล้วก็ประหนึ่ง่าเขาได้ฆ่ามนุษย์ทั้งมวล
และแท้จริงนั้นบรรดาร่อซู้ลของเราได้นำหลักฐานต่าง
ๆ อันชัดแจ้งมายังพวกเขาแล้ว
แล้วได้มีจำนวนมากมายในหมู่พวกเขาเป็นผู้ฟุ่มเฟือยในแผ่นดิน
[5:33]
แท้จริงการตอบแทนแก่บรรดาผู้ที่ทำสงครามต่ออัลลอฮ์
และร่อซู้ลของพระองค์
และพยายามบ่อนทำลายในแผ่นดิน
นั้นก็คือการที่พวกเขาจะถูกฆ่า
หรือถูกตรึงบนไม่กางเขน
หรือมือของพวกเขาและเท้าของพวกเขาจะถูกตัดสลับข้าง
หรือถูกเนรเทศออกไปจากแผ่นดิน
นั้นก็คือพวกเขาจะได้รับความอัปยศในโลกนี้
และจะได้รับการลงโทษอันใหญ่หลวงในปรโลก
[5:34]
นอกจากบรรดาผู้ที่สำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัว
ก่อนจากที่พวกเจ้าจะสามารถลงโทษพวกเขา
พึงรู้เถิดว่า
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ
ผู้ทรงเอ็นดูเมตตา
[5:35]
ผู้ศรัทธาทั้งหลาย
!
พึงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด
และจงแสวงหาสื่อ
ไปสู่พระองค์
และจงต่อสู้และเสียสละในทางของอัลลอฮ์เถิด
เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความสำเร็จ
[5:36]
แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น
หากพวกเขามีสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินทั้งหมด
และมีเยี่ยงนั้นอีกรวมกัน
เพื่อจะใช้มันไถ่ตัวให้พ้นจากการลงโทษในวันกิยามะฮ์แล้ว
มันก็จะไม่ถูกรับจากพวกเขา
และสำหรับพวกเขานั้นคือการลงโทษอันเจ็บแสบ
[5:37]
เขาเหล่านั้นปรารถนาที่จะออกจากไฟนรก
แต่พวกเขาก็หาได้ออกจากมันไปได้ไม่
และสำหรับพวกเขานั้นคือการลงโทษที่คงอยู่ตลอดไป
[5:38]
และขโมยชายและขโมยหญงนั้นจงตัดมือของเขา
ทั้งสองคน
ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอบแทนในสิ่งที่ทั้งสองนั้นได้แสวงหาไว้
(และ)
เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างการลงโทษ
จากอัลลอฮ์
และอัลลอฮ์นั้นทรงเดชานุภาพ
ทรงปรีชาญาณ
[5:39]
แล้วผู้ใดสำหนึกผิดกลับเนื้อกลับตัวหลังจากการอธรรมของเขา
และแก้ไขปรับปรุงแล้ว
แท้จริงอัลลอฮ์จะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ
ผู้ทรงเอ็นดูเมตตาเสมอ
[5:40]
เจ้ามิได้รู้ดอกหรือว่า
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงมีอำนาจในบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน
โดยที่พระองค์จะทรงลงโทษใครก็ได้ที่พระองค์ทรงประสงค์
และจะทรงอภัยโทษแก่ใครก็ได้ที่พระองค์ทรงประสงค์
และอัลลอฮ์นั้น
ทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง
[5:41]
รอซูลเอ๋ย
!
จงอย่าให้เป็นที่เสียใจแก่เจ้าซึ่งบรรดาผู้ที่รีบเร่งกันในการปฏิเสธศรัทธาจากหมู่ผู้ที่กล่าวด้วยปากของพวกเขาว่า
พวกเราศรัทธาแล้วโดยที่หัวใจของพวกเขามิได้ศรัทธา
และจากหมู่ผู้ที่เป็นยิวด้วย
โดยที่พวกเขาชอบฟังคำมุสา
พวกเขาชอบฟังเพื่อพวกอื่นที่มิได้มุ่งหาเจ้า
พวกเขาบิดเบือนบรรดาถ้อยคำหลังจาก
(ที่มันถูกวางใน)
ที่ของมัน
พวกเขากล่าวว่า
หากพวกท่านได้รับสิ่งนี้ก็จงเอามันไว้
และถ้าหากพวกท่านมิได้รับมันก็จงระวัง
และผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงประสงค์ซึ่งการทดสอบเขาแล้ว
เจ้าก็ไม่มีสิทธิแต่อย่างใดจากอัลลอฮ์ที่จะช่วยเหลือเขาได้
ชนเหล่านี้แหละคือผู้ที่อัลลอฮ์มิทรงประสงค์จะให้หัวใจของพวกเขาสะอาด
โดยที่พวกเขาจะได้รับความอัปยศในโลกนี้
และจะได้รับการลงโทษอันมหันต์ในปรโลก
[5:42]
พวกเขาชอบฟังคำมุสา
ชอบกินสิ่งต้องห้าม
ถ้าหากพวกเขามาหาเจ้า
ก็จงตัดสินระหว่างพวกเขา
หรือไม่ก็หลีกเลี่ยงพวกเขาเสีย
และถ้าหากเจ้าหลีกเลี่ยงพวกเขา
พวกเขาก็จะไม่ให้โทษแก่เจ้าได้แต่อย่างใดเลย
และหากเจ้าตัดสินใจ
ก็จงตัดสินใจระหว่างพวกเขา
ด้วยความยุติธรรม
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงรักบรรดาผู้ที่ยุติธรรม
[5:43]
และอย่างไรเล่าที่พวกเขาจะให้เจ้าตัดสินทั้ง
ๆ
ที่พวกเขามี อัต-เตารอตอยู่
ซึ่งในนั้นมีข้อตัดสินของอัลลอฮ์อยู่แล้วแล้วพวกเขาก็ผินหลังให้
หลังจากนั้น
ชนเหล่านี้หาใช่เป็นผู้ศรัทธาไม่
[5:44]
แท้จริงเราได้ให้อัต-เตารอตลงมา
โดยที่ในนั้นมีข้อแนะนำ
และแสงสว่าง
ซึ่งบรรดานบีที่สวามิภักดิ์ได้ใช้อัต-เตารอตตัดสินบรรดาผู้ที่เป็นยิว
และบรรดาผู้ที่รู้แล้วในอัลลอฮ์
และนักปราชญ์ทั้งหลายก็ได้ใช้อัต-เตารอต
ตัดสินด้วย
เนื่องด้วยสิ่งที่พวกเขาได้รับมอบหมายให้รักษาไว้
(นั่นคือ)
คัมภีร์ของอัลลอฮ์
และพวกเขาก็เป็นพยานยืนยันในคัมภีร์นั้นด้วย
ดังนั้นพวกเจ้า
จงอย่ากลัวมนุษย์แต่จงกลัวข้าเถิด
และจงอย่าแลกเปลี่ยนบรรดาโองการของข้ากับราคาอันเล็กน้อย
และผู้ใดที่มิได้ตัดสินด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาแล้วชนเหล่านี้แหละคือผู้ปฏิเสธการศรัทธา
[5:45]
และเราได้บัญญัติแก่พวกเขาไว้ในคัมภีร์นั้นว่า
ชีวิตด้วยชีวิต
และตาด้วยตา
และจมูกด้วยจมูก
และหูด้วยหู
และฟันด้วยฟัน
และบรรดาบาดแผลก็ให้มีการชดเชยเยี่ยงเดียวกัน
และผู้ใดให้การชดเชยนั้นเป็นทาน
มันก็เป็นสิ่งลบล้างบาปของเขา
และผู้ใดมิได้ตัดสินด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาแล้ว
ชนเหล่านี้แหละคือผู้อธรรม
[5:46]
และเราได้ให้อีซาบุตรของมัรยัมตามหลังพวกเขามา
ในฐานะผู้ยืนยันสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเขาคือ
อัต-เตารอต
และเราได้ให้อัล-อินญีลแก่เขา
ซึ่งในนั้นมีคำแนะนำและแสงสว่าง
และเป็นที่ยืนยันสิ่งที่อยู่เบื้องหน้ามัน
คืออัต-เตารอต
และเป็นคำแนะนำ
และคำตักเตือนแก่ผู้ยำเกรงทั้งหลาย
[5:47]
และบรรดาผู้ที่ได้รับอัล-อินญีลก็จงตัดสินด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาในนั้น
และผู้ใดที่มิได้ตัดสินด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาแล้ว
ชนเหล่านี้คือผู้ที่ละเมิด
[5:48]
และเราได้ให้คัมภีร์ลงมาแก่เจ้าด้วยความจริงในฐานะเป็นที่ยืนยันคัมภีร์ที่อยู่เบื้องหน้ามันและเป็นที่ควบคุมคัมภีร์
(เบื้องหน้า)
นั้น
ดังนั้นเจ้าจงตัดสินสินระหว่างพวกเขา
ด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงประทานลงมาเถิด
และจงอย่าปฏิบัติตามความใคร่ใฝ่ต่ำของพวกเขา
โดยเขวออกจากความจริงที่ได้มายังเจ้า
สำหรับแต่ละประชาชาติในหมู่พวกเจ้านั้น
เราได้ให้มีบทบัญญัติและแนวทางไว้
และหากอัลลอฮ์ทรงประสงค์แล้วแน่นอนก็ทรงให้พวกเจ้าเป็นประชาชาติเดียวกันแล้ว
แต่ทว่าเพื่อที่จะทรงทดสอบพวกเจ้าในสิ่งที่พระองค์ได้ประทานแก่พวกเจ้า
ดังนั้นพวกเจ้าจงแข่งขันกันในความดีทั้งหลายเถิด
ยังอัลลอฮ์นั้นคือ
การกลับไปของพวกเจ้าทั้งหมด
แล้วพระองค์จะทรงแจ้งให้พวกเจ้าทราบในสิ่งที่พวกเจ้ากำลังขัดแย้งกันในสิ่งนั้น
[5:49]
และเจ้า
จงตัดสินระหว่างพวกเขาด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาเถิด
และจงอย่าปฏิบัติตามความใคร่ใฝ่ต่ำของพวกเขา
และจงระวังพวกเขา
ในการที่พวกเขาจะจูงใจเจ้าให้เขวออกจากบางสิ่ง
ที่อัลลอฮ์ได้ทรงประทานลงมาแก่เจ้า
แล้วถ้าหากพวกเจ้าผินหลังให้
ก็พึงรู้เถิดว่า
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเพียงประสงค์จะให้ประสบแก่พวกเขาซึ่งบางส่วนแห่งโทษของพวกเขาเท่านั้น
และแท้จริง
จำนวนมากมายในหมู่มนุษย์นั้นเป็นผู้ละเมิด
[5:50]
ข้อตัดสินสมัยญาฮิลีญะฮ์
กระนั้นหรือ
ที่พวกเขาปรารถนา
และใครเล่าที่จะมีข้อตัดสินดียิ่งกว่าอัลลอฮ์สำหรับกลุ่มชนที่เชื่อมั่น
[5:51]
ผู้ศรัทธาทั้งหลาย
!
จงอย่าได้ยึดเอาชาวยิวและชาวคริสต์เป็นมิตร
บางส่วนของพวกเขาคือมิตรของอีกบางส่วน
และผู้ใดในหมู่พวกเจ้าเอาพวกเขามาเป็นมิตรแล้วไซร้
แน่นอนผู้นั้นก็เป็นคนหนึ่งในพวกเขา
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นไม่ทรงแนะนำกลุ่มชนที่อธรรม
[5:52]
แล้วเจ้าจะได้เห็นบรรดาผู้ที่ในหัวใจของพวกเขามีโรค
ต่างรีบเร่งกันไปอยู่ในหมู่พวกเขา
โดยกล่าวว่า
พวกเรากลัวภัยพิบัติ
จะเวียนมาประสบแก่พวกเรา
อาจเป็นไปได้ว่าอัลลอฮ์นั้นจะทรงนำมาซึ่งชัยชนะหรือไม่ก็นำพระบัญชาอย่างหนึ่งอย่างใดมาจากที่พระองค์
แล้วพวกเขาก็กลายเป็นผู้เสียใจต่อสิ่งที่พวกเขาปกปิดไว้ในใจของพวกเขา
[5:53]
และบรรดาผู้ที่ศรัทธากล่าวว่า
ชนเหล่านี้หรือ
คือผู้ที่สามบานต่ออัลลอฮ์อย่างเข้มแข็งว่า
แท้จริงพวกเขานั้นจะรวมอยู่กับพวกเจ้า
การงานของพวกเขานั้นไร้ผล
แล้วพวกเขาก็กลายเป็นผู้ขาดทุน
[5:54]
บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย
!
ผู้ใดในหมู่พวกเจ้ากลับออกจากศาสนาของพวกเขาไปอัลลอฮ์
ก็จะทรงนำมาซึ่งพวกหนึ่ง
ที่พระองค์ทรงรักพวกเขาและพวกเขาก็รักพระองค์
เป็นผู้นอบน้อมถ่อมตนต่อบรรดามุอ์มิน
ไว้เกียรติแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาพวกเขาจะเสียสละและต่อสู้ในทางของอัลลอฮ์
และไม่กลัวการตำหนิของผู้ตำหนิคนใดนั่นคือความโปรดปรานของอัลลอฮ์ซึ่งพระองค์จะทรงประทานมันแก่ผุ้ที่พระองค์ทรงประสงค์
และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงกว้างขวาง
ผู้ทรงรอบรู้
[5:55]
แท้จริงผู้ที่เป็นมิตรของพวกเจ้านั้น
คืออัลลอฮ์
และร่อซู้ลของพระองค์
และบรรดาผู้ศรัทธาที่ดำรงไว้ซึ่งการละหมาด
และชำระซะกาตและขณะเดียวกันพวกเขาก็เป็นผู้นอบน้อม
[5:56]
และผู้ใดให้อัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์
และบรรดาผู้ทีศรัทธาเป็นมิตรแล้วไซร้
แท้จริงพรรคของอัลลอฮ์นั้น
คือพวกที่ชนะ
[5:57]
ผู้ศรัทธาทั้งหลาย
!
จงอย่าได้ยึดเอามาเป็นมิตรผู้ซึ่งถือเอาศรัทธาของพวกเจ้าเป็นการเย้ยหยัน
และเป็นการล้อเล่นจากบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ก่อนพวกเจ้าและบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลายและพึงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด
หากพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธา
[5:58]
และเมื่อพวกเจ้าได้เรียกร้องไปสู่การละหมาด
พวกเขาก็ถือเอาการละหมาดเป็นการเย้ยหยันเป็นการล้อเล่นนั่นก็เพราะพวกเขาเป็นพวกที่ไม่ใช้ปัญญา
[5:59]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
ว่า
โอ้บรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ทั้งหลาย
!
พวกท่านมิได้ตำหนิติเตียนและปฏิเสธพวกเรา
(เพราะอื่นใด)
นอกจากว่าพวกเราศรัทธาต่ออัลลอฮ์
และสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เรา
และสิ่งที่ถูกประทานลงมาก่อนแล้วเท่านั้น
และแท้จริงส่วนมากของพวกท่านนั้นเป็นผู้ละเมิด
[5:60]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
ว่าจะให้ฉันบอกแก่พวกท่านไหม
ถึงการตอบแทนที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้น
ณ ที่อัลลอฮ์
คือผู้ที่อัลลอฮ์ได้ทรงละอ์นัต
เขาและกริ้วโกรธเขา
และให้ส่วนหนึ่งในพวกเขาเป็นลิง
และเป็นสุกร
และเป็นผู้สักการะชัยตอน
ชนเหล่านี้แหละคือผู้ที่มีตำแหน่งอันชั่วร้ายและเป็นผู้ที่หลงไปจากทางอันเที่ยงตรง
[5:61]
และเมื่อเขาเหล่านั้น
มาหาพวกเจ้า
พวกเขาก็กล่าวว่า
เราศรัทธาแล้ว
ทั้ง ๆ ที่โดยแท้จริงนั้น
พวกเขาเข้ามาในสภาพผู้ปฏิเสธศรัทธา
และขณะที่พวกเขาออกไปก็ในสภาพนั้น
และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรู้ยิ่งในสิ่งที่พวกเขาปกปิด
[5:62]
และเจ้าจะได้เห็นมากมายในหมู่พวกเขาต่างรีบเร่งกันในการทำบาป
และการเป็นศัตรูกันและการที่พวกเขากินสิ่งที่เป็นที่ต้องห้าม
ช่างเลวจริง
ๆ สิ่งที่พวกเขากระทำกัน
[5:63]
ไฉนเล่าผู้ที่รู้แจ้งในอัลลอฮ์และนักปราชญ์เหล่านั้นจึงไม่ห้ามพวกเขา
ในการที่พวกเขาพูดสิ่งที่เป็ฯบาป
และในการที่พวกเขากินสิ่งที่ต้องห้ามช่างเลวจริง
ๆ สิ่งที่พวกเขาทำ
[5:64]
และชาวยิวนั้นได้กล่าวว่า
พระหัตถ์ของอัลลอฮ์นั้นถูกล่ามตรวน
มือของพวกเขาต่างหากที่ถูกล่ามตรวนและพวกเขาได้รับละอ์นัต
เนื่องจากสิ่งที่พวกเขาพูดมิได้
พระหัตถ์ทั้งสองของพระองค์ถูกแบออกต่างหาก
ซึ่งพระองค์จะทรงแจกจ่ายอย่างไรก็ได้ที่พระองค์ทรงประสงค์
และแน่นอนสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เจ้าจากพระเจ้าของเจ้านั้นจะเพิ่มการละเมิด
และการปฏิเสธศรัทธาแก่จำนวนมากมายในหมู่พวกเขา
และเราได้ก่อให้เกิดการเป็นศัตรูกันและการเกลียดชังกันในระหว่างพวกเขา
จนถึงวันกิยามะฮ์
ทุกครั้งที่พวกเขาจุดไฟขึ้น
เพื่อทำสงคราม
อัลลอฮ์ก็ทรงดับไฟนั้นเสีย
และพวกเขาเพียรพยายามบ่อนทำลายในผืนแผ่นดิน
และอัลลอฮ์นั้นไม่ทรงชอบผู้บ่อนทำลายทั้งหลาย
[5:65]
และหากอะฮ์ลุลกิตาบศรัทธา
และยำเกรงแล้ว
แน่นอนเราก็จะลบล้างบรรดาความชั่วของพวกเขาให้พ้นจากพวกเขา
และแน่นอนเราจะให้พวกเขาเข้าบรรดาสวนสวรรค์แห่งความสุขสำราญ
[5:66]
และหากว่าเขาเหล่านั้นได้ตำรงไว้ซึ่งอัต-เตารอต
และอัล-อินญีล
และสิ่งที่ถูกปผระทานลงมา
แก่พวกเขาจากพระเจ้าของพวกเขาแล้ว
แน่นอนพวกเขาก็ได้บริโภคไปแล้วที่มาจากเบื้องบนของพวกเขา
และที่มาจาภายใต้เท้า
ของพวกเขาในหมู่พวกเขานั้นมีกลุ่มหนึ่งที่มีความยุติธรรม
และมากมายในหมู่พวกเขานั้น
ช่างเลวร้ายจริง
ๆ
สิ่งที่พวกเขากระทำกัน
[5:67]
ร่อซู้ลเอ๋ย
!
จงประกาศสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เจ้าจากพระเจ้าของเข้า
และถ้าเจ้ามิได้ปฏิบัติ
เจ้าก็มิได้ประกาศสารของพระองค์
และอัลลอฮ์นั้นจะทรงคุ้มกันเจ้าให้พ้นจากมนุษย์
แท้จริงอัลลอฮ์จะไม่ทรงแนะนำพวกที่ปฏิเสธศรัทธา
[5:68]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
ว่า
บรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ทั้งหลาย!
พวกท่านมิได้ตั้งอยู่บนสิ่งใด
จนกว่าพวกท่านจะดำรงไว้ซึ่งอัต-เตารอต
และอัล-อินญีล
และสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่พวกท่านจากพระเจ้าของพวกท่านและแน่นอนสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เจ้า
จากพระเจ้าของเจ้านั้นจะเพิ่มการละเมิด
และการปฏิเสธศรัทธาแก่จำนวนมากในหมู่พวกเขา
ดังนั้นเจ้าจงอย่าเศร้าใจแก่พวกที่ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้นเลย
[5:69]
แท้จริงบรรดาผู้ที่ศรัทธา
และบรรดาผู้ที่เป็นยิว
และพวกซอบิอูน
และบรรดาผู้ที่เป็นคริสต์นั้น
ผู้ใดที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์
และวันปรโลกและประกอบสิ่งที่ดีงามแล้ว
ก็ไม่มีความกลัวใด
ๆ แก่พวกเขา
และทั้งพวกเขาก็จะไม่สียใจ
[5:70]
แท้จริงนั้นเราได้เอาสัญญาแก่วงศ์วานอิสราอีล
และเราได้ส่งบรรดาร่อซุลมายังพวกเขาทุกครั้งที่ร่อซู้ลคนใดนำสิ่งที่จิตใจของพวกเขาไม่ชอบมายังพวกเขาแล้ว
กลุ่มหนึ่ง
พวกเขาก็ปฏิเสธและอีกกลุ่มหนึ่งพวกเขาก็ฆ่าเสีย
[5:71]
และพวกเขาคิดว่าจะไม่มีการทดสอบใด
ๆ เกิดขึ้น
แล้วพวกเขาจึงได้ตาบอด
และหูหนวก แล้วอัลลอฮ์ก็ทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา
แล้วพกวกเขาก็ตาบอดและหูหนวกอีก
คือจำนวนมากในหมู่พวกเขา
และอัลลอฮ์นั้นทรงเห็นสิ่งที่พวกเขากระทำกัน
[5:72]
แท้จริงบรรดาผุ้ที่กล่าวว่า
อัลลอฮ์คือ
อัล-มะซีห์บุตรของมัรยัมนั้นได้ตกเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาแล้ว
และอัล-มะซีห์ได้กล่าวว่า
วงศ์วานอิสรออีลเอ๋ย!
จงเคารพอิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์ผุ้เป็นพระเจ้าของฉัน
และเป็นพระเจ้าของพวกท่านเถิด
แท้จริงผู้ใดให้มีภาแก่อัลลอฮ์
แน่นอนอัลลอฮ์จะทรงให้สวรรค์เป็นที่ต้องห้ามแก่เขา
และที่พำนักของเขานั้นคือนรก
และสำหรับบรรดาผู้อธรรมนั้นย่อมไม่มีผู้ช่วยเหลือใด
ๆ
[5:73]
แท้จริงบรรดาผู้ที่กล่าวว่า
อัลลอฮ์เป็นผู้ที่สามของสามองค์
นั้นได้ตกเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาแล้ว
ไม่มีสิ่งใดที่ควรได้รับการเคารพสักการะนอกจากผู้ที่ควรเคารพสักการะองค์เดียวเท่านั้น
และหากพวกเขามิหยุดยั้งจากสิ่งที่พวกเขากล่าวแน่นอนบรรดาผู้ที่ปฏิเสธการศรัทธาในหมู่พวกเขานั้นจะต้องประสบการลงโทษอันเจ็บแสบ
[5:74]
พวกเขาจะไม่สำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัวต่อัลลอฮ์
และขออภัยโทษต่อพระองค์กระนั้นหรือ? และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงเอ็นดูเมตตาเสมอ
[5:75]
อัล-มะซีห์บุตรของมัรยัม
นั้นมิใช่ใครอื่นนอกจากเป็นร่อซู้ลคนหนึ่งเท่านั้น
ซึ่งบรรดาร่อซู้ลก่อนเขาก็ได้ล่วงลับไปแล้ว
และมารดาของเขานั้นคือหญิงที่มีสัจจะวาจา
ซึ่งทั้งสองนั้นรับประทานอาหาร
จงดูเถิด
(มุฮัมมัด)
ว่าอย่างไรเล่าที่เราได้แจกแจงโองการต่าง
ๆ แก่พวกเขา? และจงดูเถิดว่าอย่างไรเล่าพวกเขาจึงถูกหันเหไปได้
[5:76]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
ว่า
พวกท่านจะเคารพสักการะอื่นจากอัลลอฮ์
สิ่งซึ่งไม่มีอำนาจครอบครองอันตรายใด
ๆ
และประโยชน์ใด
ๆ
ไว้สำหรับพวกท่านกระนั้นหรือ? และอัลลอฮ์นั้นคือผู้ทรงได้ยิน
ผู้ทรงรอบรู้
[5:77]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
ว่าบรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ทั้งหลาย!
จงอย่าปฏิบัติให้เกินขอบเขตในศาสนาของพวกท่าน
โดยปราศจากความเป็นจริง
และจงอย่าปฏิบัติตามความใคร่ใฝ่ต่ำของพวกหนึ่งพวกใดที่พวกเขาได้หลงผิดมาก่อนแล้ว
และได้ทำให้ผู้คนมากมายหลงผิดด้วย
และพวกเขาก็ได้หลงผิดไปจากทางอันเที่ยงตรง
[5:78]
บรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาในหมู่วงศ์วานอิสรออีลนั้นได้ถูกสาปโดยถ้อยคำของดาวูด
และอีซาบุตรของมัรยัม
นั่นก็เนื่องจากการที่พวกเขาฝ่าฝืน
และที่พวกเขาเคยละเมิดกัน
[5:79]
ปรากฏว่าพวกเขาต่างไม่ห้ามปรามกันในสิ่งไม่ชอบที่พวกเขาได้กระทำมันขึ้น
ช่างเลวร้ายจริง
ๆ สิ่งที่พวกเขากระทำ
[5:80]
เจ้า
(มุฮัมมัด)
ก็จะเห็นมากมายในหมู่พวกเขา
เป็นมิตรกับบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา
ช่างเลวร้ายจริงๆสิ่งที่ตัวของพวกเขาเองได้ประกอบล่วงหน้าไว้สำหรับพวกเขา
อันเป็นเหตุให้อัลลอฮ์ทรงกริ้วพวกเขาและพวกเขาจะคงอยู่ในการลงโทษตลอดกาล
[5:81]
และหากพวกเขาศรัทธาต่ออัลลอฮ์
และนบีและสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เขา
แล้วพวกเขาก็จะไม่ยึดเอาเขาเหล่านั้นเป็นมิตร
แต่ทว่ามากมายในหมู่พวกเขานั้นเป็นผู้ที่ละเมิด
PART 7
[5:82]
แน่นอนเจ้าจะพบว่า
หมู่ชนที่เป็นศัตรูอันรุนแรงแก่บรรดาผู้ที่ศรัทธานั้นคือชาวยิว
และบรรดาผู้ที่ให้มีภาคีแก่อัลลอฮ์
และแน่นอนเจ้าจะพบว่า
บรรดาผู้ที่มีความรักใคร่แก่บรรดาผู้ที่ศรัทธาใกล้กว่า
พวกเขานั้นคือ
บรรดาผู้ที่กล่าวว่าแท้จริงพวกเราเป็นคริสต์
นั่นก็เพราะว่า
ในหมู่พวกเขานั้นมีบรรดานักปราชญ์
และบาดหลวงและก็เพราะว่าพวกเขาไม่เย่อหยิ่ง
[5:83]
และเมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่ร่อซู้ลแล้ว
เจ้าก็จะเห็นตาของพวกเขาหลั่งออกมาซึ่งน้ำตา
เนื่องจากความจริงที่พวกเขารู้
โดยที่พวกเขาจะกล่าวว่า
โอ้พระเจ้าของพวกข้าพระองค์โปรดได้ทรงจารึกพวกข้าพระองค์ไว้ร่วมกับบรรดาผู้กล่าวปฏิญาณยืนยันด้วยเถิด
[5:84]
และไม่มีเหตุผลใด
ๆ
แก่เราที่เราจะไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์
และความจริงที่มายังเรา
และเราปรารถนาอย่างแรงกล้าที่พระเจ้าของเราจะทรงให้เราเข้าร่วมอยู่กับพวกที่ดี
ๆ ทั้งหลาย
[5:85]
แล้วอัลลอฮ์ก็ได้ทรงตอบแทนแก่พวกเขาเนื่องด้วยสิ่งที่พวกเขากล่าวซึ่งบรรดาสวนสวรรค์ที่มีแม่น้ำหลายสายไหลอยู่ภายใต้สวนเหล่านั้น
โดยที่พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล
และนั่นแหละคือ
การตอบแทนแก่บรรดาผู้กระทำดี
[5:86]
และบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา
และปฏิเสธบรรดาโองการของเรานั้น
ชนเหล่านี้แหละคือ
ชาวนรกที่มีเปลวไฟอันโชติช่วง
(อัล-ญะฮีม)
[5:87]
ผู้ที่ศรัทธาทั้งหลาย!
จงอย่าได้ให้เป็นที่ต้องห้าม
ซึ่งบรรดาสิ่งดี
ๆ ในสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงอนุมัติแก่พวกเจ้า
และพวกเจ้าจงอย่าละเมิด
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นไม่ทรงชอบบรรดาผู้ละเมิด
[5:88]
และพวกเจ้าจงบริโภคสิ่งอนุมัติที่ดี
ๆ จากสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงให้เป็นปัจจัยชีพแก่พวกเจ้า
และพึงยำเกรงอัลลอฮ์ผู้ซึ่งพวกเจ้าศรัทธาต่อพระองค์เถิด
[5:89]
อัลลอฮ์จะไม่ทรงเอาโทษแก่พวกเจ้าด้วยถ้อยคำที่ไร้สาระในการสาบานของพวกเจ้า
แต่ทว่าพระองค์จะทรงเอาโทษแก่พวกเจ้าด้วยถ้อยคำที่พวกเจ้าปลงใจสาบาน
แล้วสิ่งไถ่โทษมันนั้นคือการให้อาหารแก่มิสกีนสิบคนจากอาหารปานกลางของสิ่งที่พวกเจ้าให้เป็นอาหารแก่ครอบครัวของพวกเจ้า
หรือไม่ก็ให้เครื่องนุ่งห่มแก่พวกเขา
หรือไถ่ทาสคนหนึ่งให้เป็นอิสระ
ผู้ใดไม่พบก็ให้มีการถือบวชสามวัน
นั่นแหละคือสิ่งไถ่โทษในการสาบานของพวกเจ้าเมื่อพวกเจ้าได้สาบานไว้
และจงรักษาการสาบานของพวกเจ้าเถิด
ในทำนองนั้นแหละอัลลอฮ์จะทรงแจกแจงบรรดาโองการของพระองค์แก่พวกเจ้า
เพื่อว่าพวกเจ้าจักขอบคุณ
[5:90]
ผู้ศรัทธาทั้งหลาย!
ที่จริงสุราและการพนันและแท่นหินสำหรับเชือดสัตว์บูชายันต์
และการเสี่ยงติ้วนั้นเป็นสิ่งโสมมอันเกิดจากการกระทำของชัยฏอน
ดังนั้นพวกเจ้าจงห่างไกลจากมันเสียเพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความสำเร็จ
[5:91]
ที่จริงชัยฏอนนั้นเพียงต้องการที่จะให้เกิดการเป็นศัตรูกันและการเกลียดชังกันระหว่างพวกเจ้าในสุราและการพนันเท่านั้น
และมันจะหันเหพวกเจ้าออกจากการรำลึกถึงอัลลอฮ์
และการละหมาดแล้วพวกเจ้าจะยุติใหม่
[5:92]
และพวกเจ้าจงเชื่อฟังอัลลอฮ์
และจงเชื่อฟังร่อซู้ลเถิด
และพึงระมัดระวังไว้ด้วย
แต่ถ้าพวกเจ้าผินหลังได้
ก็พึงรู้เถิดว่าที่จริงหน้าที่ของร่อซู้ลของเรานั้น
คือ
การประกาศอันชัดเจนเท่านั้น
[5:93]
ไม่มีบาปใด
ๆ
แก่บรรดาผู้ที่ศรัทธาและปฏิบัติสิ่งที่ดีงามทั้งหลาย
ในสิ่งที่พวกเขาได้บริโภค
เมื่อพวกเขามีความยำเกรงและศรัทธา
และปฏิบัติสิ่งที่ดีงามทั้งหลาย
แล้วก็มีความยำเกรงและศรัทธาแล้วก็มีความยำเกรงและกระทำดี
และอัลลอฮ์นั้นทรงรักผู้กระทำดีทั้งหลาย
[5:94]
ผู้ศรัทธาทั้งหลาย!
แน่นอนอัลลอฮ์
จะทรงทดสอบพวกเจ้าด้วยสิ่งหนึ่ง
อันได้แก่สัตว์ล่าที่มือของพวกเจ้าได้มันมา
และหอกของพวกเจ้าด้วย
เพื่ออัลลอฮ์จะทรงรู้ว่าใครที่ยำเกรงพระองค์ในสภาพที่พวกเขาไม่เห็นพระองค์
และผู้ใดละเมิดหลังจากนั้น
เขาก็จะได้รับโทษอันเจ็บแสบ
[5:95]
ผู้ศรัทธาทั้งหลาย!
จงอย่าฆ่าสัตว์ล่าในขณะที่พวกเจ้ากำลังครองอิห์รอมอยู่
และผู้ใดในหมู่พวกเจ้าได้ฆ่ามันโดยเจตนาแล้วไซร้
การชดเชยก็คือ
ชนิดเดียวกับที่ถูกฆ่า
(จากปศุสัตว์)
โดยผู้ที่ยุติธรรมสองคนในหมู่พวกเจ้าจะกระทำการชี้ขาดมัน
ในฐานะเป็นสัตว์พลีที่ไปถึงอัล-กะฮ์บะฮ์หรือไม่
ก็ให้มีการลงไถ่โทษ
คือให้อาหารแก่บรรดามีสกีน
หรือสิ่งที่เท่าเทียมสิ่งนั้น
ด้วยการถือศีลอด
เพื่อที่เขาจะได้ลิ้มรสผลภัยแห่งกิจกรรมของเขา
อัลลอฮ์ได้ทรงอภัยให้จากสิ่งที่ได้ล่วงเลยมาแล้ว
และผู้ใดกลับกระทำอีก
อัลลอฮ์ก็จะทรงลงโทษเขาและอัลลอฮ์
คือผู้ทรงเดชานุภาพ
ผู้ทรงลงโทษ
[5:96]
ได้ถูกอนุมัติแก่พวกเจ้า
ซึ่งสัตว์ล่าในทะเลและอาหารจากทะเล
ทั้งนี้เพื่อเป็นสิ่งอำนวยประโยชน์แก่พวกเจ้า
และแก่บรรดาผู้เดินทาง
และได้ถูกห้ามแก่พวกเจ้า
ซึ่งสัตว์ล่าบนบกตราบใดที่พวกเจ้าครองอิห์รอมอยู่และจงยำเกรงอัลลอฮ์เภิดผู้ที่พวกเจ้าจะถูกรวบรวมนำไปสู่พระองค์
[5:97]
อัลลอฮ์ได้ทรงให้อัล-กะอ์บะฮ์
อันเป็นบ้าที่ต้องห้ามนั้นเป็นที่ดำรงอยู่สำหรับมนุษย์และเดือนที่ต้องห้าม
และสัตว์พลีและสัตว์ที่ถูกสวมเครื่องหมายไว้ที่คอ
เพื่อเป็นสัตว์พลีด้วย
นั่นก็เพื่อพวกเจ้าจะได้รู้ว่า
แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรู้สิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้า
และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดิน
และแท้จริงอัลลอฮ์ทรงรอบรู้ในทุกสิ่งทุกอย่าง
[5:98]
พวกเจ้าพึงรู้เถิดว่า
แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้รุนแรงในการลงโทษ
และแท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัยโทษทรงเอ็นดูเมตตา
[5:99]
หน้าที่ของร่อซู้ลนั้นมิใช่อะไรอื่น
นอกจากการประกาศให้ทราบเท่านั้น
และอัลบลอฮ์ทรงรู้สิ่งที่พวกเจ้าเปิดเผย
และสิ่งที่พวกเจ้าปกปิด
[5:100]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
ว่าสิ่งเลวกับสิ่งดีนั้นย่อมไม่เท่าเทียมกัน
และแม้ว่าความมากมายของสิ่งชั่วนั้น
ได้ทำให้ท่านพึงใจก็ตาม
จงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด
ผู้มีสติบัญญัติทั้งหลาย!
เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความสำเร็จ
[5:101]
ผู้ศรัทธาทั้งหลาย!
จงอย่าถามถึงสิ่งต่างๆ
หากสิ่งเหล่านี้ถูกเปิดเผยขึ้นแล้วมันก็จะก่อให้เกิดความเลวร้ายแก่พวกเจ้า
และถ้าพวกเจ้าถามถึงสิ่งเหล่านั้น
ขณะที่อัล-กรุอานถูกประทานลงมา
มันก็จะถูกเปิดเผยขึ้นแก้พวกเจ้า
อัลลอฮ์ได้ทรงอภัยสิ่งเหล่านั้นแล้ว
และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัยผู้ทรงหนักแน่น
[5:102]
แท้จริงได้มีพวกหนึ่งก่อนพวกเจ้าได้ถามถึงสิ่งต่างๆ
เหล่านั้นมาแล้ว
แล้วพวกเขาก็กลายเป็นผู้ปฏิเสธสิ่งต่างๆ
เหล่านั้น
[5:103]
อัลลอฮ์มิได้ทรงให้มีขึ้น
ซึ่งบะฮีเราะฮ์และซาอิบะฮ์
และวะซีละฮ์
และฮาม แต่ทว่าบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาต่างหากที่อุปโลกน์ความเท็จแก่อัลลอฮ์
และส่วนมากของพวกเขาไม่ใช่ปัญญา
[5:104]
และเมื่อได้ถูกกล่าวแก่พวกเขาว่า
ท่านทั้งหลายจงมาสู้สิ่งที่อัลลอฮ์
ได้ทรงประทานลงมาเถิด
และมาสู่ร่อซู้ลด้วย
พวกเขาก็กล่าวว่า
เป็นการพอเพียงแก่เราแล้ว
สิ่งที่เราได้พบบรรพบุรุษของเราเคยกระทำมันมาถึงแม้ได้ปรากฏว่าบรรพบุรุษของพวกเขาไม่เข้าใจสิ่งใด
และทั้งไม่ได้รับคำแนะนำอีกด้วยกระนั้นหรือ?
[5:105]
ผู้ศรัทธาทั้งหลาย!
จำเป็นแก่พวกเจ้าในการป้องกันตัวของพวกเจ้า
ผู้ที่หลงผิดไปนั้นจะไม่เป็นอันตรายแก่พวกเจ้าได้
เมื่อพวกเจ้ารับคำแนะนำไว้ยังอัลลอฮ์นั้นคือการกลับไปของพวกเจ้าทั้งหมด
แล้วพระองค์ก็จะทรงบอกแก่พวกเจ้าทั้งหลาย
ในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกัน
[5:106]
ผู้ศรัทธาทั้งหลาย!
การเป็นพยานระหว่างพวกเจ้า-เมื่อความตายได้มายังคนหนึ่งคนใดในพวกเจ้า
ขณะมีการทำพินัยกรรมนั้น-คือสองคนที่เป็นผู้เที่ยงธรรมในหมู่พวกเจ้า
หรือคนอื่นสองคนที่มิใช่ในหมู่พวกเจ้าหากพวกเจ้าได้เดินทางไปในผืนแผ่นดินแล้วได้มีเหตุภัยแห่งความตายประสบกับพวกเจ้าโดยที่พวกเจ้าจะต้องกักตัวเขาทั้งสองไว้หลังจากละหมาดแล้วทั้งสองนั้นก็จะสาบานต่ออัลลอฮ์-หากพวกเจ้าสงสัย-ว่าเราจะไม่นำการสาบานนั้นไปแลกเปลี่ยนกับราคาใด
ๆ
และแม้ว่าเขาจะเป็นญาติใกล้ชิดก็ตาม
และเราจะไม่ปกปิดหลักฐานของอัลลอฮ์
(ถ้ามิเช่นนั้น)
แน่นอนทันใดนั้นเองเราก็จะอยู่ในหมู่ผู้ที่กระทำบาป
[5:107]
แล้วหากได้รับรู้ว่าพยานทั้งสองคนนั้นสมควรได้รับโทษก็ให้คนอื่นสองคนทำหน้าที่ในตำแหน่งพยานทั้งสองนั้นแทน
จากบรรดาผู้ที่มีคนสองคนในหมู่พวกเขาเป็นผู้สมควร
แล้วทั้งสองนั้นก็จะสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า
แน่นอนการเป็นพยานของเรานั้นสมควรยิ่งกว่าการเป็นพยานของเขาทั้งสอง
และเรามิได้ละเมิด
(ถ้ามิเช่นนั้น)
แน่นอนทันใดนั้นเอง
เราก็จะอยู่ในหมู่ผู้อธรรม
[5:108]
นั้นแหละคือสิ่งที่ใกล้ยิ่งกว่า
ในการที่พวกเขาจะนำมาซึ่งการเป็นพยานตามความเป็นจริงของมันหรือในการที่พวกเขากลัวว่า
คำสาบานจะถูกปฏิเสธหลังจากที่พวกเขาสาบาน
จงยำเกรงอัลลอฮ์และจงสดับฟังเถิด
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นจะไม่ทรงแนะนำพวกที่เป็นผู้ละเมิด
[5:109]
วันที่อัลลอฮ์จะทรงชุมนุมบรรดาร่อซู้ล
แล้วตรัสว่าสิ่งใดบ้างที่พวกเจ้าได้รับการตอบสนอง
พวกเขากล่าวว่าไม่มีความรู้ใด
ๆ
แก่พวกข้าพระองค์
แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ความเร้นลับทั้งหลาย
[5:110]
จงรำลึกถึงขณะที่อัลลอฮ์
ตรัสแก่อีซาบุตรของมัรยัมว่า
จงรำถึงความโปรดปรานของข้าที่มีต่อเจ้า
และมารดาของเจ้า
ขณะที่ข้าได้สนับสนุนเจ้า
ด้วยวิญญาณอันบริสุทธิ์โดยที่เจ้าพูดกับประชาชน
ขณะที่อยู่ในเปลแลบะขณะที่อยู่ในวัยกลางคน
และขณะที่ข้าได้สอนเจ้า
ซึ่งคัมภีร์และความมุ่งหมายแห่งบัญญัติศาสนาและอัต-เตารอตและอัล-อิน-ญีล
และขณะที่เจ้าสร้างขึ้นจากดินดั่งรูปนกด้วยอนุมัติของข้า
แล้วเจ้าเป่าเข้าไปในรูปนกนั้น
มันก็กลายเป็นนกด้วยอนุมัติของข้า
และที่เจ้าทำให้คนตาบอดแต่กำเนิด
และคนเป็นโรคผิวหนังหาย
ด้วยอนุมัติของข้า
และขณะที่เจ้าทำให้บรรดาคนตายออกมา
ด้วยอนุมัติของข้า
และขณะที่ข้าได้ยับยั้งและหันเหวงศ์วานอิสรออีลออกจากเจ้า
เมื่อเจ้านำบรรดาหลักฐานอันชัดแจ้งมายังพวกเขาแล้วบรรดาผู้ฝ่าฝืนในหมู่พวกเขาก็กล่าวว่า
สิ่งนี้มิใช่อื่นใด
นอกจากมายากลอันชัดแจ้งเท่านั้น
[5:111]
และจงรำลึกถึงขณะที่ข้าได้ดลใจแก่อัลฮะวารียินว่าจงศรัทธาต่อข้าและต่อร่อซู้ลของข้าเถิด
พวกเขากล่าวว่า
พวกข้าพระองค์ศรัทธากันแล้ว
และโปรดได้ทรงเป็นพยานด้วยว่า
แท้จริงพวกข้าพระองค์นั้น
เป็นผู้สวามิภักดิ์
(ต่อพระองค์)
[5:112]
ขณะที่อัล-ฮะวารียูนกล่าวว่า
โอ้อีซาบุตรของมัรยัม!
พระเจ้าของท่านสามารถที่จะให้สำรับอาหารจากฟากฟ้าลงมาแก่พวกเราไหม? เขากล่าวว่า
พวกเจ้าจงยำเกรงอัลลอฮ์
หากพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธา
[5:113]
พวกเขากล่าวว่า
พวกเราต้องการที่จะบริโภคจากมัน
และที่จะให้หัวใจของพวกเราสงบ
และที่พวกเราจะได้รู้ว่า
ท่านได้พูดจริงแก่พวกเรา
และที่พวกเราจะได้เป็นพยานยืนยันในเรื่องนั้นด้วย
[5:114]
อีซาบุตรของมัรยัม
ได้กล่าวว่า
ข้าแต่อัลลอฮ์
ผู้เป้นพระเจ้าของข้าพระองค์!
โปรดได้ทรงประทานลงมาแก่พวกข้าพระองค์
ซึ่งสำรับอาหารจากฟากฟ้าด้วยเถิด
จะได้เป็นวันรื่นเริงแก่พวกข้าพระองค์
ทั้งแก่คนแรกของพวกข้าพระองค์และแก่คนสุดท้ายของพวกข้าพระองค์
และจะได้เป็นสัญญาณหนึ่งจากพระองค์
และโปรดได้ทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่พวกข้าพระองค์ด้วยเถิด
และพระองค์นั้น
คือผู้ที่ดีเยี่ยมในหมู่ผู้ประทานปัจจัยยังชีพทั้งหลาย
[5:115]
อัลลอฮ์ตรัสว่า
แท้จริงข้าจะให้มันลงมาแก่พวกเจ้า
แล้วผู้ใดในหมู่พวกเจ้าปฏิเสธศรัทธาหลังจากนั้น
แน่นอนข้าจะลงโทษเขา
ซึ่งโทษที่ข้าจะไม่ลงโทษนั้นแก่ผู้ใดในหมู่ประชาชาติทั้งหลาย
[5:116]
และจงรำลึกถึงขณะที่อัลลอฮ์
ตรัสว่าอีซาบุตรของมัรยัม
เอ๋ย!
เจ้าพูดแก่ผู้คนกระนั้นหรือว่า
จงยึดถือฉันและมารดาของฉันเป็นที่เคารพสักการะทั้งสองอื่นจากอัลลอฮ์
เขากล่าวว่า
มหาบริสุทธิ์พระองค์ท่าน!
ไม่เคยแก่ข้าพระองค์ที่จะกล่าวสิ่งที่มิใช่สิทธิของข้าพระองค์
หากข้าพระองค์เคยกล่าวสิ่งนั้น
แน่นอนพระองค์ย่อมรู้ดี
โดยที่พระองค์ทรงรู้สิ่งที่อยู่ในใจของข้าพระองค์
และข้าพระองค์ไม่รู้สิ่งที่อยู่ในใจของพระองค์
แท้จริงพระองค์นั้นคือผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งเร้นลับทั้งหลาย
[5:117]
ข้าพระองค์มิได้กล่าวแก่พวกเขา
นอกจากสิ่งที่พระองค์ใช้ข้าพระองค์เท่านั้น
ที่ว่าท่านทั้งหลายจงเคารพสักการะต่ออัลลอฮ์
ผู้เป็นเจ้าของฉัน
และเป็นพระเจ้าของพวกท่านด้วย
และข้าพระองค์ย่อมเป็นพยานยืนยันต่อพวกเขาในระยะเวลาที่ข้าพระองค์อยู่ในหมู่พวกเขา
ครั้นเมื่อพระองค์ได้ทรงรับข้าพระองค์ไปแล้ว
พระองค์ท่านก็เป็นผู้ดูและพวกเขา
และพระองค์ทรงเป็นสักขีพยานในทุกสิ่ง
[5:118]
หากพระองค์จะทรงลงโทษพวกเขาแท้จริงพวกเขาก็คือบ่าวของพระองค์
และหากพระองค์จะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา
แท้จริงพระองค์ท่านคือ
ผู้ทรงเดชานุภาพ
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[5:119]
อัลลอฮ์ตรัสว่า
นี่แหละคือวันที่การพูดความจริงของพวกเขาจะอำนวยประโยชน์แก่บรรดาผู้ที่พูดจริง
พวกเขาจะได้รับบรรดาสวนสวรรค์เหล่านั้น
โดยที่พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล
ในสภาพที่อัลลอฮ์ทรงพอพระทัยในพวกเขา
และพวกเขาก็พึงพอใจในพระองค์นั่นแหละคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่
[5:120]
อำนาจแห่งบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน
และสิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดินนั้น
เป็นสิทธิของอัลลอฮ์ทั้งสิ้น
และพระองค์ทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง