[5:104]
และเมื่อได้ถูกกล่าวแก่พวกเขาว่า
ท่านทั้งหลายจงมาสู้สิ่งที่อัลลอฮ์
ได้ทรงประทานลงมาเถิด
และมาสู่ร่อซู้ลด้วย
พวกเขาก็กล่าวว่า
เป็นการพอเพียงแก่เราแล้ว
สิ่งที่เราได้พบบรรพบุรุษของเราเคยกระทำมันมาถึงแม้ได้ปรากฏว่าบรรพบุรุษของพวกเขาไม่เข้าใจสิ่งใด
และทั้งไม่ได้รับคำแนะนำอีกด้วยกระนั้นหรือ?
[5:105]
ผู้ศรัทธาทั้งหลาย!
จำเป็นแก่พวกเจ้าในการป้องกันตัวของพวกเจ้า
ผู้ที่หลงผิดไปนั้นจะไม่เป็นอันตรายแก่พวกเจ้าได้
เมื่อพวกเจ้ารับคำแนะนำไว้ยังอัลลอฮ์นั้นคือการกลับไปของพวกเจ้าทั้งหมด
แล้วพระองค์ก็จะทรงบอกแก่พวกเจ้าทั้งหลาย
ในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกัน
[5:106]
ผู้ศรัทธาทั้งหลาย!
การเป็นพยานระหว่างพวกเจ้า-เมื่อความตายได้มายังคนหนึ่งคนใดในพวกเจ้า
ขณะมีการทำพินัยกรรมนั้น-คือสองคนที่เป็นผู้เที่ยงธรรมในหมู่พวกเจ้า
หรือคนอื่นสองคนที่มิใช่ในหมู่พวกเจ้าหากพวกเจ้าได้เดินทางไปในผืนแผ่นดินแล้วได้มีเหตุภัยแห่งความตายประสบกับพวกเจ้าโดยที่พวกเจ้าจะต้องกักตัวเขาทั้งสองไว้หลังจากละหมาดแล้วทั้งสองนั้นก็จะสาบานต่ออัลลอฮ์-หากพวกเจ้าสงสัย-ว่าเราจะไม่นำการสาบานนั้นไปแลกเปลี่ยนกับราคาใด
ๆ
และแม้ว่าเขาจะเป็นญาติใกล้ชิดก็ตาม
และเราจะไม่ปกปิดหลักฐานของอัลลอฮ์
(ถ้ามิเช่นนั้น)
แน่นอนทันใดนั้นเองเราก็จะอยู่ในหมู่ผู้ที่กระทำบาป
[5:107]
แล้วหากได้รับรู้ว่าพยานทั้งสองคนนั้นสมควรได้รับโทษก็ให้คนอื่นสองคนทำหน้าที่ในตำแหน่งพยานทั้งสองนั้นแทน
จากบรรดาผู้ที่มีคนสองคนในหมู่พวกเขาเป็นผู้สมควร
แล้วทั้งสองนั้นก็จะสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า
แน่นอนการเป็นพยานของเรานั้นสมควรยิ่งกว่าการเป็นพยานของเขาทั้งสอง
และเรามิได้ละเมิด
(ถ้ามิเช่นนั้น)
แน่นอนทันใดนั้นเอง
เราก็จะอยู่ในหมู่ผู้อธรรม
[5:108]
นั้นแหละคือสิ่งที่ใกล้ยิ่งกว่า
ในการที่พวกเขาจะนำมาซึ่งการเป็นพยานตามความเป็นจริงของมันหรือในการที่พวกเขากลัวว่า
คำสาบานจะถูกปฏิเสธหลังจากที่พวกเขาสาบาน
จงยำเกรงอัลลอฮ์และจงสดับฟังเถิด
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นจะไม่ทรงแนะนำพวกที่เป็นผู้ละเมิด