[6:53]
และในทำนองนั้นเราได้ทดสอบบางคนของพวกเขาด้วยอีกบางคน
เพื่อพวกเขาจะได้กล่าวว่า
ชนเหล่านี้กระนั้นหรือที่อัลลอฮ์ทรงกรุณาแก่พวกเขา
ในระหว่างพวกเรา
อัลลอฮ์นั้นมิใช่เป็นผู้ทรงรู้ยิ่งต่อบรรดาผู้ที่กตัญญูดอกหรือ?
[6:54]
และเมื่อบรรดาผู้ศรัทธาต่อบรรดาโองการของเราได้มาหาเจ้า
(มุฮัมมัด)
ก็จงกล่าวเถิดว่าขอความปลอดภัยจงมีแต่พวกท่านเถิด
พระเจ้าของพวกเจ้าได้กำหนดการเอ็นดูเมตตาไว้บนตัวของพระองค์ว่า
ผู้ใดในหมู่พวกเจ้ากระทำความชั่วโดยไม่รู้แล้วเขาสำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัวหลังจากนั้นและปรับปรุงแก้ไขแล้ว
แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงอภัยโทษ
ผู้ทรงเอ็นดูเมตตา
[6:55]
และในทำนองนั้นเราจะแจกแจงโองการทั้งหลาย
และเพื่อที่วิถีทางของผู้กระทำผิดจะได้ประจักษ์ชัด
[6:56]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
ว่า
แท้จริงฉันถูกห้ามมิให้เคารพสักการะ
บรรดาผู้ที่พวกท่านวิงวอนกันอยู่
อื่นจากอัลลอฮ์
จงกล่าวเถิด
ฉันจะไม่ปฏิบัติตามความใคร่ใฝ่ต่ำของพวกเจ้า
ถ้าเช่นนั้นแน่นอน
ฉันก็ย่อมหลงผิดไปด้วย
และฉันก็จะไม่ใช่เป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้ได้รับคำแนะนำ
[6:57]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
แท้จริงฉันอยู่บนหลักฐานอันชัดเจน
จากพระเจ้าของฉัน
ในขณะเดียวกันพวกเจ้าก็ปฏิเสธหลักฐานนั้น
ที่ฉันนั้นไม่มีสิ่งที่พวกเจ้าเร่งรีบกันดอก
แท้จริงการชี้ขาดนั้นมิใช่สิทธิของใครอื่น
นอกจากเป็นสิทธิของอัลลอฮ์เท่านั้น
โดยที่พระองค์จะทรงแจ้งความจริง
และพระองค์เป็นผู้ที่เยี่ยมที่สุดในบรรดาผู้ชี้ขาด
[6:58]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
ว่า
หากที่ฉันมีสิ่ง
(อำนาจ)
ที่พวกเจ้าเร่งรีบกันแล้ว
แน่นอนกิจการทั้งหลายก็ถูกชี้ขาดระหว่างฉันกับพวกท่านแล้วและอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรู้ยิ่งต่อผู้อธรรมทั้งหลาย
[6:59]
และที่พระองค์นั้นมีบรรดากุญแจแห่งความเร้นลับ
โดยที่ไม่มีใครรู้กุญแจเหล่านั้น
นอกจากพระองค์เท่านั้น
และพระองค์ทรงรู้สิ่งที่อยู่ในแผ่นดิน
และในทะเล
และไม่มีใบไม้ใด
ร่วงหล่นลงนอกจากพระองค์จะทรงรู้มัน
และไม่มีเมล็ดพืชใดซึ่งอยู่ในบรรดาความมืดของแผ่นดิน
และไม่มีสิ่งที่อ่อนนุ่มใด
และสิ่งที่แห้งใด
นอกจากจะอยู่ในบันทึกอันชัดแจ้ง