[7:31]
ลูกหลานของอาดัมเอ๋ย
!
จงเอาเครื่องประดับกายของพวกเจ้า
ณ
ทุกมัสยิดและจงกินและจงดื่ม
และจงอย่าฟุ่มเฟือย
แท้จริงพระองค์ไม่ชอบบรรดาผู้ที่ฟุ่มเฟือย
[7:32]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
ว่าผู้ใดเล่าที่ให้เป็นที่ต้องห้าม
ซึ่งเครื่องประดับร่างกาย
จากอัลลอฮ์
ที่พระองค์ได้ทรงให้ออกมาสำหรับปวงบ่าวของพระองค์
และบรรดาสิ่งดี
ๆ
จากปัจจัยยังชีพ
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมัด)
ว่าสิ่งเหล่านั้นสำหรับบรรดาผู้ที่ศรัทธา
ในชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้
(และสำหรับพวกเขา)
โดยเฉพาะ
ในวันกิยามะฮ์
ในทำนองนั้นแหละเราจะแจกแจงโองการทั้งหลายแก่ผู้ที่รู้
[7:33]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
ว่า
แท้จริงสิ่งที่พระเจ้าของฉันทรงห้ามนั้น
คือบรรดาสิ่งที่ชั่วช้าน่ารังเกียจ
ทั้งเป็นสิ่งที่เปิดเผยจากมันและสิ่งที่ไม่เปิดเผย
และสิ่งที่เป็นบาป
และการข่มเหงรังแกโดยไม่เป็นธรรม
และการที่พวกเจ้าให้เป็นภาคแก่อัลลอฮ์ซึ่งสิ่งที่พระองค์มิได้ทรงประทานหลักฐานใด
ๆ
ลงมาแก่สิ่งนั้น
และการที่พวกเจ้ากล่าวให้ภัยแก่อัลลอฮ์ในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้
[7:34]
และสำหรับแต่ละประชาชาตินั้นมีกำหนดเวลาหนึ่ง
ครั้นเมื่อกำหนดเวลาของพวกเขามาแล้ว
พวกเขาจะขอให้ล่าช้าไปสักชั่วโมงหนึ่งก็ไม่ได้
และจะขอให้เร็วไป
(สักชั่วโมงหนึ่ง)
ก็ไม่ได้
[7:35]
ลูกหลานอาดัมเอ๋ย
!
ถ้ามีบรรดาร่อซู้ลในหมู่พวกเจ้ามายังพวกเจ้าโดยบอกเล่าโองการของข้าแก่พวกเจ้าแล้วผู้ใดที่ยำเกรงและปรับปรุงแก้ไขแล้วก็ไม่มีความหวาดกลัวใดๆแก่พวกเขาและทั้งพวกเขาก็จะไม่เสียใจ
[7:36]
และบรรดาผู้ที่ปฏิเสธโองการทั้งหลายของเราและแสดงโอหังเหล่านั้นชนเหล่านี้แหละคือชาวนรกโดยที่พวกเขาจะอยู่ในนรกนั้นตลอดกาล
[7:37]
แล้วผู้ใดเล่าคือผู้ที่อธรรมยิ่งกว่าผู้ที่อุปโหลกความเท็จให้แก่อัลลอฮ์
หรือปฏิเสธบรรดาโองการของพระองค์
ชนเหล่านี้แหละส่วนของพวกเขาที่ถูกกำหนดไว้นั้นก็จะได้แก่พวกเขา
จนกว่าบรรดาฑูตของเราที่จะเอาชีวิตของพวกเขาได้มายังพวกเขาโดยกล่าวว่า
ไหนเล่าสิ่ง
ที่พวกท่านวิงวอนขออื่นจากอัลลอฮ์? พวกเขาก็กล่าวว่า
เขาเหล่านั้นได้หายหน้าไปจากเราเสียแล้ว
และพวกเขาได้ยืนยันแก่ตัวพวกเขาเองว่า
พวกเขานั้นเป็นผู้ปฏิเสธการศรัทธา