[7:150]
และเมื่อมูซาได้กลับมายังพวกพ้องของเขาด้วยความโกรธ
และเสียใจเขาได้กล่าวว่า
ช่างเลวร้ายจริง
ๆ
ที่พวกท่านทำหน้าที่แทนฉัน
หลังจากฉัน
พวกท่านด้วนกระทำก่อน
คำสั่งของพระเจ้าของพวกท่าน
กระนั้นหรือ?และเขาได้โยนบรรดาแผ่นจารึกลง
และจับศรีษะพี่ชายของเขา
โดยดึงมันมายังเขา
เขากล่าวว่า
โอ้ลูกแม่
แท้จริงพวกพ้องเหล่านั้นเห็นว่าฉันเป็นผู้อ่อนแอ
และพวกเขาเกือบจะฆ่าฉันแล้ว
ดังนั้นจงอย่าให้ศัตรูทั้งหลายดีใจ
ต่อสิ่งที่ประสบกับฉันเลยและจงอย่าให้ฉันร่วมอยู่
ในกลุ่มชนที่อธรรมเหล่านั้นเลย
[7:151]
เขากล่าวว่า
โอ้พระเจ้าแห่งข้าพระองค์โปรดอภัยโทษแก่ข้าพระองค์
และแก่พี่ชายของข้าพระองค์ด้วย
และโปรดได้ทรงให้พวกข้าพระองคืเข้าอยู่ในความเอ็นดูเมตตาของพระองค์เถิดและพระองค์นั้นคือผู้ที่ทรงเอ็นดูเมตตายิ่งกว่าผู้เอ็นดูเมตตาทั้งหลาย
[7:152]
แท้จริงบรรดาผู้ที่ยึดลูกวัวนั้นจะได้แก่พวกเขา
ซึ่งความกริ้วโกรธจากระเจ้าของพวกเขา
และความต่ำช้าในชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้
และในทำนองเดียวกัน
เราจะตอบแทนแก่บรรดาผู้อุปโลกน์ความเท็จขึ้น
[7:153]
และบรรดาผู้ที่กระทำสิ่งที่ชั่ว
แล้วสำนึกผิดกลับตัวหลังจากนั้น
และศรัทธาแล้วไซร้แท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น
หลังจากนั้นแล้ว
แน่นอนย่อมเป็นผู้ทรงอภัยโทษทรงเอ็นดูเมตตา
[7:154]
และเมื่อความกริ้วโกรธได้สงบลงจากมูซา
เขาก็เอาบรรดาแผ่นจารึกนั้นไปและในสิ่งที่ถูกจารึกไว้ในมันนั้นมีคำแนะนำและความเอ็นดูเมตตาแก่บรรดาผู้ที่เกรงกลัวพระเจ้าของพวกเขา
[7:155]
และมูซาได้เลือกจากพวกพ้องของเขาซึ่งชายเจ็ดสิบคน
สำหรับกำหนดเวลาของเราครั้นเมื่อความไหวอันรุนแรงได้คร่าพวกเขา
เขากล่าวว่า
โอ้พระเจ้าแห่งข้าพระองค์
หากพระองค์ทรงประสงค์แล้ว
พระองค์ก็ทรงทำลายพวกเขาไปก่อนแล้ว
และข้าพระองค์ด้วย
พระองค์จะทรงทำลายพวกข้าพระองค์
เนื่องด้วยสิ่งที่บรรดาผู้โฉดเขลาในหมู่ผู้ข้าพระองค์ได้กระทำขึ้นกระนั้นหรือ? มันมิใช่อื่นใดดอก
นอกจากการทดสอบของพระองค์เท่านั้นพระองค์จะทรงให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์หลงผิด
ไปเนื่องด้วยการทดสอบนั้นและจะทรงแนะนำผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
พระองค์นั้นคือผู้ทรงคุ้มครองพวกข้าพระองค์
ดังนั้นโปรดได้ทรงอภัยให้แก่พวกข้าพระองค์
และเอ็นดูเมตตาพวกข้าพระองค์ด้วยเถิด
และพระองค์นั้นคือผู้ทรงเยี่ยมกว่าในหมู่ผู้ให้อภัยทั้งหลาย