[9:27]
และพระองค์ก็ทรงอภัยโทษหลังจากนั้นแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงเอ็นดูเมตตา
[9:28]
บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย!
แท้จริงบรรดามุชริกนั้นโสมม
ดังนั้นพวกเขาจงอย่าเข้าใกล้อัล-มัสยิ-ดิลหะรอม
หลังจากปีของพวกเขานี้
และหากพวกเจ้ากลัวความยากจน
อัลลอฮ์ก็จะทรงให้พวกเจ้ามั่งมี
จากความกรุณาของพระองค์
หากพระองค์ทรงประสงค์แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[9:29]
พวกเจ้าจงต่อสู้บรรดาผู้ที่ไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์และต่อวันปรโลก
และไม่งดเว้นสิ่งที่อัลลอฮ์และร่อซู้ลห้ามไว้
และไม่ปฏิบัติตามศาสนาแห่งความสัจจะ
อันได้แก่บรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์
จนกว่าพวกเขาจะจ่ายอัล-ญิซยะฮ์จากมือของพวกเขาเอง
ในสภาพที่พวกเขาเป็นผู้ที่ต่ำต้อย
[9:30]
และชาวยิวได้กล่าวว่า
อุซัยร
เป็นบุตรของอัลลอฮ์
และชาวคริสต์ได้กล่าวว่า
อัล-มะซีห์
เป็นบุตรของอัลลอฮ์
นั่นคือถ้อยคำที่พวกเขากล่าวขึ้นด้วยปากของพวกเขาเอง
ซึ่งคล้ายกับถ้อยคำของบรรดาผู้ที่ได้ปฏิเสธการศรัทธามาก่อน
ขออัลลอฮ์ทรงละอ์นัตพวกเขาด้วยเถิด
พวกเขาถูกหันเหไปได้อย่างไร?
[9:31]
พวกเขาได้ยึดเอาบรรดานักปราชญ์ของพวกเขา
และบรรดาบาดหลวงของพวกเขาเป็นพระเจ้าอื่นจากอัลลอฮ์
และยึดเอาอัล-มะซีห์บุตรของมัรยัมเป็นพระเจ้าด้วย
ทั้งๆที่พวกเขามิได้ถูกใช้นอกจากเพื่อเคารพสักการะผู้ที่สมควรได้รับการเคารพสักการะ
แต่เพียงองค์เดียว
ซึ่งไม่มีผู้ใดควรได้รับการเคารพสักการะนอกจากพระองค์เท่านั้น
พระองค์ทรงบริสุทธิ์จากสิ่งที่พวกเขาให้มีภาคีขึ้น