[2:127]
และจงรำลึกถึงขณะที่อิบรอฮีมและอิสมาอีล
ได้ก่อฐานของบ้านหลังนั้นให้สูงขึ้น
(ทั้งสองได้กล่าววิงวอนว่า)
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของ
พวกข้าพระองค์โปรดรับ
(งาน)
จากพวกข้าพระองค์ด้วยเถิด
แท้จริงพระองค์นั้นทรงได้ยิน
และทรงรอบรู้
[2:128]
พระผู้อภิบาลของเรา
ได้ทรงโปรดทำให้เราทั้งสองเป็นผู้นอบน้อมต่อพระองค์และได้ทรงโปรดให้ลูกหลานของเราเป็นชนชาติที่นอบน้อมต่อพระองค์
ขอได้ทรงแสดงให้เราเห็นถึงการปฏิบัติศาสนกิจของเราและได้ทรงโปรดนิรโทษแก่เราโดยปรานี
แน่แท้
พระองค์คือผู้ทรงนิรโทษโดยปรานี
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[2:129]
พระผู้อภิบาลของเรา
ได้ทรงโปรดให้ในหมู่พวกเขามีรอซูลขึ้นมาคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ที่จะมาสาธยายอายะฮ์ทั้งหลายของพระองค์แก่พวกเขา
และสอนคัมภีร์และวิทยปัญญาให้แก่พวกเขา
และขัดเกลาชีวิตของพวกเขาให้สะอาด
แน่แท้
พระองค์คือผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[2:130]
แล้วใครเล่าที่จะหันเหออกไปจากแนวทางของอิบรอฮีมนอกจากผู้ที่โฉดเขลาต่อตัวเขาเอง
แน่นอน
อิบรอฮีมคือผู้ที่เราได้เลือกมาเพื่อรับใช้เราในโลกนี้
และแท้จริง
ในปรโลก
เขาจะอยู่ในหมู่กัลยาณชน
[2:131]
จงรำลึกถึงขณะที่พระเจ้าของเขาได้กล่าวแก่เขาว่า
เจ้าจงสวามิภักดิ์เถิด
เขากล่าวว่า
ข้าพระองค์ได้สวามิภักดิ์แด่พระเจ้าแห่งสากลโลกแล้ว
[2:132]
ในทำนองเดียวกัน
อิบรอฮีมได้สั่งลูก
ๆ ของเขาให้ปฏิบัติตามแนวทางเดียวกัน
ยะอ์กู๊บก็ได้สั่งบรรดาลูก
ๆ
ของเขาเช่นกันว่า
ลูก ๆ ของฉันเอ๋ย
อัลลอฮ์ได้ทรงเลือกแนวทางแห่งชีวิตนี้สำหรับพวกเจ้าแล้ว
ดังนั้น
จงดำรงความเป็นมุสลิมไว้จนกว่าพวกเจ้าจะตาย
[2:133]
หรือว่าพวกเจ้าอยู่ด้วย
เมื่อความตายได้เยี่ยมกรายยะอ์กูบ
ขณะที่เขากล่าว
แก่ลูกๆ
ของเขาว่า
พวกเจ้าจะเคารพสักการะอะไร
หลังจากฉัน? พวกเขากล่าวว่า
พวกเราจะเคารพสักการะพระเจ้าของทาน
และพระเจ้าแห่งบรรดาบิดาของท่าน
คือ อิบรอฮีม
อิสมาอีล และ
อิสหาก แต่เพียงองค์เดียว
และพวกเราจะเป็นผู้สวามิภักดิ์
ต่อพระองค์เท่านั้น
[2:134]
นั้นคือ
หมู่ชนที่ล่วงลับไปแล้ว
สิ่งที่พวกเขาขวนขวายไว้
ก็ย่อมได้แก่พวกเขา
และสิ่งที่พวกเจ้าขวนขวายไว้ก็ย่อมได้แก่พวกเจ้า
และ
พวกเจ้าจะไม่ถูกไต่สวนถึงสิ่งที่พวกเขากระทำ