[11:38]
และเขาได้สร้างเรือและคราใดที่บุคคลชั้นนำจากหมู่ชนของผ่านเขา
(นูห์)
พวกเขาก็เยาะเย้ยเขา
เขาก็จะกล่าวว่า
หากพวกท่านเยาะเย้ยพวกเรา
แท้จริงเราก็จะเยาะเย้ยพวกท่านเช่นเดียวกับที่พวกท่านเยาะเย้ย
[11:39]
แล้วพวกท่านก็จะรู้ว่าผู้ใดที่การลงโทษอันอัปยศจะมายังเขา
และการลงโทษอันยั่งยืนจะประสบแก่เขา
[11:40]
จนกระทั่งเมื่อคำบัญชาของเราได้มาและบนพื้นแผ่นดินน้ำได้พวยพุ่งขึ้น
เรากล่าวว่า
จงบรรทุกไว้ในเรือจากทุกชนิดเป็นคู่
ๆ และครอบครัวของเจ้าด้วย
เว้นแต่ผู้ที่พระดำรัสได้กำหนดแก่เขาไว้ก่อน
และผู้ศรัทธา
แต่ไม่มีผู้ศรัทธาร่วมกับเขานอกจากจำนวนเล็กน้อย
[11:41]
และเขากล่าวว่า
พวกท่านจงลงในเรือด้วยพระนามของอัลลอฮ์
ทั้งในยามแล่นของมันและในยามจอดของมัน
แท้จริงพระเจ้าของฉันเป็นผู้ทรงอภัย
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[11:42]
และมันแล่พาพวกเขาไปท่ามกลางคลื่นลูกเท่าภูเขา
และนูห์ได้ร้องเรียกลูกชายของเขาซึ่งอยู่อย่างโดดเดี่ยว
โอ้ลูกของฉันเอ๋ย
!
จงมาโดยสารเรือกับเราเถิด
และเจ้าอย่าอยู่ร่วมกับผู้ปฏิเสธศรัทธาเลย
[11:43]
เขา
(ลูกชาย)
กล่าวว่า
ฉันจะไปอาศัยภูเขาลูกหนึ่ง
มันจะคุ้มครองฉันจากน้ำนี้ได้
เขา (นูห์)
กล่าวว่า
ไม่มีผู้ใดคุ้มครองในวันนี้จากพระบัญชาของอัลลอฮ์
เว้นแต่ผู้ทีพระองค์ทรงเมตตา
และคลื่นได้ซัดเข้ามาระหว่างเขาทั้งสอง
และเขา (ลูกชาย)
ได้อยู่ในหมู่ผู้จมน้ำ
[11:44]
และได้มีเสียงกล่าวว่า
แผ่นดินเอ๋ย!
จงกลืนน้ำของเจ้าและฟ้าเอ๋ย
! จงหยุด
และน้ำได้ลดลงและกิจการได้ถูกตัดสิน
และมันได้จอดเทียบอยู่ที่ภูเขาญดีย์
และได้มีเสียงกล่าวว่า
ความหมายนะจงประสบแก่หมู่ชนผู้อธรรมเถิด
[11:45]
และนูห์ได้ร้องเรียนต่อพระเจ้าของเขาโดยกล่าวว่า
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของพระองค์แท้จริงลูกชายของข้าพระองค์เป็นคนหนึ่งในครอบครัวของข้าพระองค์และแท้จริงสัญญาของพระองค์นั้นเป็นความจริง
และพระองค์ท่านนั้นทรงตัดสินเที่ยงธรรมยิ่ง
ในหมู่ผู้ตัดสินทั้งหลาย