[12:31]
เมื่อนางได้ยินเสียง
(กล่าวหา)
โจษจรรย์ของนางเหล่านั้น
นางจึงส่งคนไปยังนางเหล่านั้นและนางได้เตรียมที่พักพิงสำหรับนางเหล่านั้นและได้นำมีดมาให้ทุกคนในหมู่นางเหล่านั้นและนางกล่าว
(แก่เขาว่า)
จงออกไปหานางเหล่านั้น
เมื่อนางเหล่านั้นเห็นเขาก็ให้การสรรเสริญและเฉือนมือของพวกนาง
และเขากล่าวว่า
เป็นไปไม่ได้
นี่ไม่ใช่มนุษย์เป็นแน่
มิใช่อื่นใดนอกจากมะลักผู้มีเกียรติ
[12:32]
นางกล่าวว่า
นั่นคือสิ่งที่พวกเธอประณามฉันเกี่ยวกับเขาและแน่นอนฉันได้ยั่วยวนเขาแต่เขาขัดขวางอย่างแข็งขัน
และหากเขาไม่ปฏิบัติตามที่ฉันสั่งเขา
แน่นอนเขาจะถูกจำคุกและจะอยู่ในหมู่ผู้ยอมจำนน
[12:33]
เขากล่าวว่า
โอ้
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์
คุกนั้นเป็นที่รักยิ่งแก่ข้าพระองค์กว่าสิ่งที่พวกนางเรียกร้องข้าพระองค์ไปสู่มัน
และหากพระองค์มิทรงให้อุบายของพวกนางพ้นไปจากข้าพระองค์แล้ว
ข้าพระองค์อาจจะโน้มเอียงไปหาพวกนาง
และข้าพระองค์จะเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้โง่เขลา
[12:34]
ดังนั้น
พระเจ้าของเขาได้ตอบรับเขาแล้วพระองค์ทรงให้อุบายของพวกนางหันห่างไปจากเขา
แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงได้ยิน
ผู้ทรงรอบรู้
[12:35]
เมื่อเป็นที่ประจักษ์แก่พวกเขาหลังจากที่ได้พบเห็นหลักฐาน
(ก็ลงความเห็นว่า)
ต้องขังเขาไว้ระยะหนึ่ง
[12:36]
และชายหนุ่มสองคน
(มหาดเล็ก)
ได้เข้าคุกพร้อมกับเขาหนึ่งในสองคนกล่าวว่า
แท้จริงฉันฝันเห็นว่าฉันคั้นเหล้า
และอีกคนหนึ่งกล่าวว่า
แท้จริงฉันฝันเห็นว่าฉันแบกขนมปังไว้บนศรีษะของฉัน
แล้วนกได้มากินมัน
จงบอกเราด้วยการทำนายฝัน
แท้จริงเราเห็นท่านอยู่ในหมู่ผู้ทำความดี
[12:37]
เขากล่าวว่า
อาหารที่ท่านทั้งสองจะได้รับจะยังไม่มาถึงท่านทั้งสอง
เว้นแต่ฉันจะบอกกับท่านทั้งสองเป็นการทำนายมัน
ก่อนที่มันจะมาถึงท่านทั้งสองนั่นแหละคือสิ่งที่พระเจ้าของฉันทรงสอนฉัน
แท้จริงฉันได้ละทิ้งแนวทางของกลุ่มชนผู้ไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์
และพวกเขาเป็นพวกที่ปฏิเสธศรัทธาต่อวันปรโลก