[30:33]
และเมื่อทุกขภัยอันใดประสบแก่มนุษย์
พวกเขาก็วิงวอนขอต่อพระเจ้าของพวกเขา
โดยเป็นผู้ผินหน้ากลับไปสู่พระองค์
ครั้นเมื่อพระองค์ได้ทรงให้พวกเขาลิ้มรสความเมตตาจากพระองค์
ณ
บัดนั้นหมู่หนึ่งจากพวกเขาก็ตั้งภาคีต่อพระเจ้าของพวกเขา
[30:34]
ก็จงเนรคุณต่อสิ่งที่เราได้ให้แก่พวกเขา
แล้วก็จงร่าเริงกันต่อไปเถิด
แล้วพวกเจ้าจะได้รู้
[30:35]
หรือว่าเราได้ให้หลักฐานอันใดแก่พวกเขา
เพื่อมันจะได้พูดในสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคีต่อพระองค์
[30:36]
และเมื่อเราได้ให้มนุษย์ลิ้มรสความเมตตา
พวกเขาก็ดีใจต่อมัน
และเมื่อทุกข์ร้ายอันใดประสบแก่พวกเขา
เนื่องด้วยสิ่งที่มือของพวกเขาประกอบไว้
แล้วพวกเขาก็หมดอาลัย
B30:036:1B อิบนุกะษีรกล่าวว่า
อันนี้เป็นการกล่าวถึงข้อเท็จจริงของมนุษย์
นอกจากผู้ที่อัลลอฮ์ทรงคุ้มครองเขาคือเมื่อเขาได้รับความโปรดปรานเขาก็ดีใจและลืมตัว
แต่เมื่อประสบกับความทุกข์ยาก
เขาก็หมดอาลัยและสิ้นหวัง
[30:37]
แท้จริงในการนี้
แน่นอน
ย่อมเป็นสัญญาณแก่หมู่ชนผู้ศรัทธา
[30:38]
จงบริจาคแก่ญาติสนิทซึ่งสิทธิของเขา
และแก่ผู้ขัดสนและผู้เดินทางนั่นแหละเป็นการดียิ่งสำหรับบรรดาผู้ปรารถนาพระพักตร์ของอัลลอฮ์
และชนเหล่านั้นแหละพวกเขาเป็นผู้ประสบชัยชนะ
[30:39]
และสิ่งที่พวกเจ้าจ่ายออกไปจากทรัพย์สิน
(ดอกเบี้ย)
เพื่อให้มันเพิ่มพูนในทรัพย์สินของมนุษย์
มันจะไม่เพิ่มพูนณ
ที่อัลลอฮ์และสิ่งที่พวกเจ้าจ่ายไปจากซะกาต
โดยพวกเจ้าปรารถนาพระพักตร์ของอัลลอฮ์
ชนเหล่านั้นแหละพวกเขาคือผู้ได้รับการตอบแทนอย่างทวีคูณ
[30:40]
อัลลอฮ์คือผู้ทรงสร้างพวกเจ้า
แล้วทรงให้ปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า
แล้วทรงให้พวกเจ้าตาย
แล้วทรงให้พวกเจ้าเป็น
จะมีผู้ใดบ้างในหมู่ภาคีของพวกเจ้ากระทำสักอย่างหนึ่งจากสิ่งเหล่านั้น
มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์
และพระองค์ทรงสูงส่งจากสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคี
[30:41]
การบ่อนทำลาย
ได้เกิดขึ้นทั้งทางบกและทางน้ำ
เนื่องจากสิ่งที่มือของมนุษย์ได้ขวนขวายไว้เพื่อที่พระองค์จะให้พวกเขาลิ้มรสบางส่วนที่พวกเขาประกอบไว้
โดยที่หวังจะให้พวกเขากลับเนื้อกลับตัว