[2:257]
อัลลอฮ์ทรงเป็นผู้คุ้มครองบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย
พระองค์ทรงนำพวกเขาออกจากความมืด
(แห่งความโง่เขลา)
สู่ความสว่าง
(แห่งศรัทธา)
และบรรดาผู้ปฏิเสธทั้งหลาย
ผู้คุ้มครองพวกเขา
คือมารร้าย
พวกมันนำเขาออกจากความสว่างสู่ความมืด
พวกเขาเป็นชาวนรก
ซึ่งพวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นเป็นนิรันดรกาล
[2:258]
เจ้าไม่รู้หรือ
เกี่ยวกับ
(ประวัติของกษัตริย์นัมรูจ)
ผู้โต้เถียงกับอิบรอฮีมในเรื่องผู้อภิบาลของเขา
ซึ่งอัลลอฮ์ได้มอบอำนาจทางอนาจักร
(บาบิโลน)
แก่เขา
เมื่ออิบรอฮีมได้กล่าวว่า
พระผู้ทรงอภิบาลของฉัน
ทรงประทานชีวิตและทรงประทานความตาย
(แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์)
เขา (นัมรูจ)
กล่าวว่า
ฉันเองก็ให้ชีวิตและให้ความตายได้
อิบรอฮีมกล่าวว่า
แท้จริงอัลลอฮ์สามารถนำดวงอาทิตย์มาจากทิศตะวันออกได้
พลัน (นัมรูจ)
ผู้เนรคุณก็งงงัน
(ตอบไม่ถูก)
และอัลลอฮ์จะไม่ทรงชี้นำแก่กลุ่มชนที่ฉ้อฉล
[2:259]
หรืออุปมาเล่นผู้ที่ผ่านมาเมืองหนึ่ง
(คือบัยติลมักดิส
เยรูซาลิม
ซึ่งถูกทำลายโดย
บุคตะนัซซอร์
กษัตริย์แห่งบาบิโลน
เมื่อก่อนคริสต์กาลและผู้ที่เดินทางผ่านมาคือศาสดาองค์หนึ่งชื่ออะซีซบุตรของซัคคียาอ์)
และมันพังยุบลงมาทั้งหลังคาของมัน
เขากล่าวว่า
เมื่อใดหนออัลลอฮ์
จึงจะฟื้นฟูเมืองนี้ขึ้นมาอีก
หลังจากที่มันได้ตาย
(พังทลาย)
ไปแล้ว ครั้นแล้วอัลลอฮ์
ก็ทำให้เขาตายไปหนึ่งร้อยปี
หลังจากนั้น
พระองค์ก็ได้ให้เขาฟื้นขึ้นมาอีก
(เมื่อฟื้นแล้ว)
พระองค์ก็ตรัสว่า
(ถามเขา) ว่า
เจ้าพักอยู่นานเท่าใด
เขาทูลตอบว่า
ข้าพเจ้าพักอยู่หนึ่งวันหรือครึ่งวัน
พระองค์ทรงตรัส
(แก่เขา) ว่า
ความจริงเจ้าพักอยู่ถึงหนึ่งร้อยปี
เจ้าจงมองไปที่อาหารและเครื่องดื่มของเจ้าสิ
มันยังไม่เน่าบูดเลย
และเจ้าจงมองไปที่ลาของเจ้า
(ที่ใช้ขี่มันมา)
ซิ
(ปรากฏว่าลาของเขา
ตายจนกระดูกป่นไปแล้ว)
และเพื่อเราจักบันดาลให้
(เรื่องราวเกี่ยวกับ)
เจ้าเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของมนุษย์
และเจ้าจงมองไปที่กองกระดูก
(ของลาตัวนั้น)
ซิ
ว่าเราทำการประกอบมัน
(ให้เป็นโครงร่าง)
ได้อย่างไรแล้วต่อมาเราก็หุ้มมันด้วยเนื้อ
ครั้นเมื่อเหตุการณ์ได้ประจักษ์แจ้งแก่เขาแล้ว
เขาก็กล่าวว่า
แท้จริงอัลลอฮ์ทรงเดชานุภาพเหนือทุกๆสิ่ง