[34:49]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
เมื่อความจริงได้ปรากฏขึ้น
ความเท็จก็จะไม่เกิดขึ้นและจะไม่กลับมาอีก*
[34:50]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
หากฉันหลงผิดฉันก็หลงผิดเฉพาะตัวของฉันเอง
แต่ถ้าฉันอยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง
นั่นก็คือพระเจ้าของฉันได้ทรงวะฮีย.แก่ฉัน
แท้จริงพระองค์ทรงเป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงใกล้ชิด*
[34:51]
และหากเจ้าได้เห็นเขาที่พวกเขาตื่นตระหนกตกใจ
แล้วไม่มีทางหนีรอด
และพวกเขาจะถูกจับเอาไปจากสถานที่อันใกล้*
[34:52]
และพวกเขาก็จะกล่าวว่า
พวกเราได้ศรัทธาต่อมัน
(ความจริง)
แล้ว
จะเป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาเรียกร้องจากสถานที่อันใกล้เช่นนี้*
[34:53]
และแน่นอน
พวกเขาได้ปฏิเสธศรัทธามัน
(ความจริง)
มาก่อนแล้วและพวกเขาขว้างทิ้ง
(ปฏิเสธ)
สิ่งเร้นลับจากสถานที่อันไกล*
[34:54]
และระหว่างพวกเขากับสิ่งที่พวกเขาต้องการมีสิ่งกีดขวาง
ดั่งเช่นที่ได้ถูกปฏิบัติมาก่อนแล้วกับพลพรรคของพวกเขา
แท้จริงพวกเขานั้นอยู่ในความสงสัย
ความสนเท่ห์*
Fâtir
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์
ผู้ทรงเมตตา
ผู้ทรงปรานี
[35:1]
บรรดาการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮ์ผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน
ผู้ทรงแต่งตั้งมลาอิกะฮ์ให้เป็นผู้นำข่าว
ผู้มีปีกสอง
สาม และสี่
ทรงเพิ่มในการสร้างตามที่พระองค์ทรงประสงค์
แท้จริง
อัลลอฮ์นั้นเป็นผุ้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง
[35:2]
สิ่งใดที่อัลลอฮ์ทรงประทานให้จากความเมตตาแก่มนุษย์ชาติ
ไม่มีผู้ยับยั้งมันได้
และสิ่งใดที่พระองค์ทรงยับยั้งไว้
ก็ไม่มีผู้ใดให้มันได้หลังจาก
(การยับยั้ง)
ของพระองค์และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ
ผู้ทรงปรีชาญาณ
[35:3]
โอ้มนุษย์เอ๋ย!
พวกเจ้าจงรำลึกถึงความโปรดปรานของอัลลอฮ์ที่มีต่อพวกเจ้า
จะมีพระผู้สร้างอื่นใดจากอัลลอฮ์กระนั้นหรือ
ที่จะประทานปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้าจากฟากฟ้าและแผ่นดิน
ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์
ดังนั้น
ทำไมเล่าพวกเจ้าจึงถูกหลอกลวงให้หันห่างออกไป
(จากความจริง)