[42:23]
นั่นคือ
(ความโปรดปราน)
อัลลอฮ์ทรงแจ้งข่าวดีแก่ปวงบ่าวของพระองค์
ซึ่งพวกเขาได้ศรัทธาและปฏิบัติความดีต่าง
ๆ จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด
ฉันมิได้ขอร้องค่าตอบแทนใด
ๆ
เพื่อการนี้
เว้นแต่เพื่อความรักใคร่ในเครือญาติและผู้ใดกระทำความดี
เราจะเพิ่มพูนความดีในนั้นให้แก่เขา
แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัยผู้ทรงชื่นชม
(เพราะการภักดีของพวกเขา)
[42:24]
หรือพวกเขากล่าวว่า
เขา
(มุฮัมมัด)
ได้อุปโลกน์ความเท็จให้แก่อัลลอฮ์
ดังนั้นหากอัลลอฮ์ทรงประสงค์
พระองค์จะทรงผนึกหัวใจเจ้าก็ได้
และอัลลอฮ์ทรงขจัดความเท็จให้หมดไป
และทรงยืนยันความจริงด้วยคำกล่าวของพระองค์
(อัลกุรอาน)
แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในทรวงอก
[42:25]
และพระองค์คือผู้ทรงรับการขออภัยโทษจากปวงบ่าวของพระองค์
และทรงอภัยจากความผิดทั้งหลายและพระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
[42:26]
และพระองค์ทรงตอบรับ
(การวิงวอน)
ของบรรดาผู้ศรัทธา
และพวกเขากระทำความดีทั้งหลาย
และพระองค์จะทรงเพิ่มพูนจากความโปรดปรานของพระองค์แก่พวกเขา
และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น
พวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างสาหัส
[42:27]
และหากอัลลอฮ์ทรงประทานปัจจัยยังชีพอย่างกว้างขวางแก่ปวงบ่าวของพระองค์
แน่นอนพวกเขาก็จะก่อความเสียหายขึ้นในแผ่นดิน
แต่พระองค์ทรงประทานให้ตามปริมาณที่พระองค์ทรงประสงค์
แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงตระหนักรู้
ผู้ทรงเห็นต่อปวงบ่าวของพระองค์
[42:28]
และพระองค์คือผู้ทรงหลั่งน้ำฝนลงมาหลังจากที่พวกเขาหมดหวังกันแล้ว
และพระองค์ทรงแผ่กระจายพระเมตตาของพระองค์
และพระองค์เป็นผู้ทรงคุ้มครอง
ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ
[42:29]
และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์
คือการสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน
และสิ่งที่พระองค์ทรงแพร่กระจายไปทั่วในระหว่างทั้งสองนั้นแก่สิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายและพระองค์เป็นผู้ทรงอานุภาพที่จะรวบรวมพวกเขาเมื่อพระองค์ทรงประสงค์
[42:30]
และเคราะห์กรรมอันใดที่ประสบแก่พวกเจ้า
ก็เนื่องด้วยน้ำมือของพวกเจ้าได้ขวนขวายได้
และพระองค์ทรงอภัย
(ความผิดให้)
มากต่อมากแล้ว
[42:31]
และพวกเจ้าไม่สามารถจะหนีรอดไปได้ในแผ่นดินนี้
และอื่นจากอัลลอฮ์
สำหรับพวกเจ้านั้นไม่มีผู้คุ้มครอง
และไม่มีผู้ช่วยเหลือ