[3:30]
วันที่แต่ละชีวิตจะพบความดีที่ตนได้ประกอบไว้ถูกนำมาอยู่ต่อหน้า
และความชั่วที่ตนได้ประกอบไว้ด้วย
แต่ละชีวิตนั้นชอบ
หากว่าระหว่างตนกับความชั่วนั้นจะมีระยะทางที่ห่างไกล
และอัลลอฮ์ทรงเตือนพวกเจ้าให้ยำเกรงพระองค์
และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีต่อปวงบ่าวทั้งหลาย
[3:31]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
ว่า
พวกเขาหากพวกท่านรักอัลลอฮ์
ก็จงปฏิบัติตามฉัน
อัลลอฮ์ก็จะทรงรักพวกท่าน
และจะทรงอภัยให้แก่พวกท่านซึ่งโทษทั้งหลายของพวกท่าน
และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ
ผู้ทรงเมตตาเสมอ
[3:32]
จงกล่าวเถิด
(มุฮัมมัด)
ว่าพวกท่านจงเชื่อฟังอัลลอฮ์และรอซูลเถิด
แต่ถ้าพวกเขาผินหลังให้
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นไม่ทรงชอบผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย
[3:33]
แท้จริงอัลลอฮ์ได้ทรงคัดเลือก
อาดัมและนูห์
และวงศ์วานของอิบรอฮีม
และวงศ์วานของอิมรอนให้เหนือกว่าประชาชาติทั้งหลาย
[3:34]
เป็นเผ่าพันธ์
ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากกันและกัน
และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงได้ยิน
ผู้ทรงรอบรู้
[3:35]
จงรำลึกถึงขณะที่ภรรยาของอิมรอน
(นางฮันนะฮ)
กล่าวว่า
โอ้พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์!
แท้จริงข้าพระองค์ได้บนไว้ว่าให้สิ่ง
(บุตร)
ที่อยู่ในครรภ์ของข้าพระองค์ถูกเจาะจงอยู่ในฐานะผู้เคารพอิบาดะฮต่อพระองค์และรับใช้พระองค์เท่านั้น
ดังนั้นขอพระองค์ได้โปรดรับจากข้าพระองค์ด้วยเถิด
แท้จริงพระองค์ทรงเป็นผู้ทรงได้ยิน
ผู้ทรงรอบรู้
[3:36]
ครั้นเมื่อนางได้คลอดบุตร
นางก็กล่าวว่า
โอ้พระเจ้าของข้าพระองค์!
แท้จริงข้าพระองค์ได้คลอดบุตรเป็นหญิง
และอัลลอฮ์นั้นทรงรู้ดียิ่งกว่าถึงบุตรที่นางได้คลอดมา
และใช่ว่าเพศชายนั้นจะเหมือนกับเพศหญิงก็หาไม่
และข้าพระองค์ได้ตั้งชื่อเขาว่า
มัรยั ม แล้วข้าพระองค์ขอต่อพระองค์ให้ทรงคุ้มครองนางให้ทรงคุ้มครองนาง
และลูกของนางให้พ้นจากชัยฏอนที่ถูกขับไล่
[3:37]
แล้วพระเจ้าของนางก็ทรงรับมัรยัมไว้อย่างดี
และทรงให้นางเจริญวัยอย่างดีด้วยและได้ทรงให้ซะกะรียาอุปการะนาง
คราใดที่ซะกะรียาเข้าไปหาที่อัลมิหรอบ
เขาก็พบปัจจัยยังชีพ
อยู่ที่นาง
เขากล่าวว่า
มัรยัมเอ๋ย!
เธอได้สิ่งนี้มาได้อย่างไร? นางกล่าวว่า
มันมาจากที่อัลลอฮ์
แท้จริงอัลลอฮ์นั้นจะทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์โดยปราศจากการคิดคำนวณ