[3:38]

ที่โน่นแหละ ซะกะรียาได้วิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าของเขาโดยกล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ โปรดได้ทรงประทานแก่ข้าพระองค์ ซึ่งบุตรที่ดีคนหนึ่งจากที่พระองค์ แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยินคำวิงวอน

 

[3:39]

และมลาอิกะฮ์ได้เรียกเขา ขณะที่เขากำลังยืนละหมาดอยู่ในอัลมิหรอบว่า แท้จริงอัลลอฮ์ทรงแจ้งข่าวดีแก่ท่าน ด้วยยะหยา (คือแจ้งข่าวดีว่าท่านจะได้บุตร ชื่อ ยะหยา) โดยที่จะเป็นผู้ยืนยันพจมานหนึ่งจากอัลลอฮ์ และจะเป็นผู้นำ และผู้รักษาไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ และเป็นนบีคนหนึ่งจากหมู่ชนที่เป็นคนดี

 

[3:40]

เขา (นบีซะกะรียา) กล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะมีบุตรได้อย่างไร โดยที่ความชราภาพได้มาถึงข้าพระองค์แล้ว และภรรยาของข้าพระองค์ก็เป็นหมันด้วย พระองค์ตรัสว่ากระนั้นก็ตามอัลลอฮ์จะทรงกระทำตามที่พระองค์ทรงประสงค์

 

[3:41]

เขากล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์! โปรดได้ทรงให้มีสัญญาณหนึ่งแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด พระองค์ตรัสว่าสัญญาณของเจ้านั้นคือเจ้าจะไม่สามารถพูดแก่ผู้คนเป็นเวลาสามวัน (หมายถึงสามคืนด้วย) นอกจากด้วยการแสดวงท่าทางเท่านั้น และจงรำลึกถึงพระเจ้าของเจ้ามากๆ และจงกล่าวสดุดีในความบริสุทธิ์ของพระองค์ ทั้งในเวลาเย็นและเวลาเช้า

 

[3:42]

และจงรำลึก ขณะที่มลาอิกะฮ์กล่าวว่า มัรยัมเอ๋ย่! แท้จริงอัลลอฮ์ได้ทรงเลือกเธอและทรงทำให้เธอบริสุทธิ์ และได้ทรงเลือกเธอให้เหนือบรรดาหญิงแห่งประชาชาติทั้งหลาย

 

[3:43]

มัรยัมเอ๋ย! จงภักดีต่อพระเจ้าของเจ้าเถิด และจงสุญูดและรุกูอ ร่วมกับบรรดาผู้รุกูอทั้งหลาย

 

[3:44]

นั้นคือส่วนหนึ่งจากบรรดาข่าวของสิ่งเล้นลับ ซึ่งเราชี้แจงให้เจ้า (คือท่านนบีมุฮัมมัด) ทราบ และเจ้ามิได้อยู่ ณ ที่พวกเขา (หมายถึงพวกพระในโบสถ์) ขณะที่พวกเขาโยนเครื่องเสี่ยงทายของพวกเขา (เพื่อทราบว่า) ใครในหมู่พวกเขาจะได้รับอุปการะมัรยัม และเจ้ามิได้อยู่ ณ ที่พวกเขาโต้เถียงกัน

 

[3:45]

จงรำลึกถึงขณะที่มลาอิกะฮ์กล่าวว่า มัรยัมเอ๋ย ! แท้จริงอัลลอฮ์ทรงแจ้งข่าวดีแก่เธอซึ่งพจมานหนึ่ง จากพระองค์ ชื่อของเขาคือ อัลมะซีห์ อีซาบุตรของมัรยัม โดยที่เขาจะเป็นผู้มีเกียรติในโลกนี้ และปรโลก และจะอยู่ในหมู่ผู้ใกล้ชิด