[3:46]

และเขา (หมายถึงนบีอีซา) จะพูดแก่ผู้คนขณะอยู่ในเปล และในวัยกลางคน และจะอยู่ในหมู่คนดี

 

[3:47]

นางกล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะมีบุตรได้อย่างไร ทั้งที่มิได้มีบุรุษใดแตะต้องข้าพระองค์ พระองค์ตรัสว่ากระนั้นก็ตาม อัลลอฮ์จะทรงบังเกิดสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ เมื่อพระองค์ทรงชี้ขาดงานใดแล้ว พระองค์ก็เพียงประกาศิตแก่สิ่งนั้นว่า จงเป็นขึ้นเถิดแล้วมันจะเป็นขึ้น

 

[3:48]

และพระองค์ก็จะทรงสอนเขา ซึ่งการเขียน และความรู้อันถูกต้อง และสอนอัตเตารอตและอันอินญีล

 

[3:49]

และเป็นฑูต (นบีอีซา) ไปยังวงศ์วานอีสรออีล (โดยที่เขาจะกล่าวว่า) แท้จริงนั้นได้นำสัญญาณหนึ่งจากพระเจ้าของพวกท่านมายังพวกท่านโดยที่ฉันจะจำลองขึ้นจากดินให้แก่พวกท่านดั่งรูปนก แล้วฉันจะเป่าเข้าไปในมัน แล้วมันก็จะกลายเป็นนกด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์ และฉันจะรักษาคนตาบอดแต่กำเนิด และคนเป็นโรคเรื้อน และฉันจะให้ผู้ที่ตายแล้วมีชีวิตขึ้น ด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์ และฉันจะบอกพวกท่านถึงสิ่งที่พวกท่านไว้ในบ้านของพวกท่าน แท้จริงในนั้นมีสัญญาณหนึ่งสำหรับพวกท่าน หากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธา

 

[3:50]

และฉันจะเป็นผู้มายืนยันสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของฉัน อันได้แก่ อัตเตารอต และเพี่อที่ฉันจะได้อนุมัติแก่พวกท่าน ซึ่งบางสิ่งที่ถูกห้ามแก่พวกท่าน และฉันได้นำสัญญาณหนึ่งจากพระเจ้าของท่านมายังพวกท่านแล้ว ดังนั้นจึงยำเกรงอันลอฮเถิด และจงเชื่อฟังฉัน

 

[3:51]

แท้จริงอัลลอฮ์นั้นคือ พระเจ้าของฉัน และพระเจ้าของพวกท่านดังนั้น จงอิบาดะฮต่อพระองค์เถิด นี้แหละคือทางอันเที่ยงตรง

 

[3:52]

ครั้งเมื่ออีซารู้กว่ามีการปฏิเสธศรัทธาเกิดขึ้นในหมู่พวกเขา (คือหมู่พวกยิว) จึงได้กล่าวว่า ใครบ้างจะเป็นผู้ช่วยเหลือฉันไปสู่อัลลอฮ์ บรรดาสาวกผู้บริสุทธิ์ใจกล่าวว่า พวกเราคือผู้ช่วยเหลืออัลลอฮ์ พวกเราศรัทธาต่ออัลลอฮ์ แล้ว และท่านจงเป็นพยานด้วยว่า แท้จริงพวกเรานั้น คือผู้น้อมตาม